เก็บทรงการย้ายค่ายไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ อุบไต๋เปิดตัวสังกัดใหม่ ไปว่ากันอีกทีต้นปี 2566
แต่ที่ปกปิดกันไม่อยู่คือ สภาพเลือดทะลักในพรรคพลังประชารัฐที่เห็นร่องรอยเด่นชัดมากขึ้น
ตามข่าววงในที่เช็กแล้วชัวร์ “บิ๊กตู่” ย้ายวิกแน่ ส.ส.หลายคนขอเกาะขบวนติดสอยห้อยตาม ไปไหนไปกัน ก๊วนเล็กก๊วนน้อยเริ่มแตกกระสานซ่านเซ็น ขยับหาที่พักพิงใหม่
ขณะที่กองกำลังใหญ่ “กลุ่มสามมิตร” ยังสงวนท่าที ออกลูกแทงกั๊กจะอพยพตามไปด้วยหรือไม่ อยู่ในช่วงคำนวณดินฟ้าอากาศเพื่อเลือกข้าง อยู่ฝั่งไหนถึงได้เป็นรัฐบาล
ลูกพรรครักพี่เสียดายน้อง เลือกไม่ถูกจะไปกับ “ลุงตู่” หรืออยู่กับ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

พี่ใหญ่-น้องเล็กต้องเร่งเช็กขุมกำลังตัวเอง มีไพร่พลเหลือเท่าไร ต้องกวาดต้อนเข้ามาอีกเท่าไร
“พลังประชารัฐ-รวมไทยสร้างชาติ” ชุลมุนฝุ่นตลบ แข่งเก็งทิศทางลมชิงความได้เปรียบ ถึง ส.ส.ภาคใต้ พลังประชารัฐส่งซิกขอติดตาม “บิ๊กตู่” แต่ติดเงื่อนไข พื้นที่ลงสมัครโซนด้ามขวานพรรคน้องใหม่ โดนจองสัมปทานหมดแล้ว
ไหนจะโควตา กปปส.ของ “ลุงกำนัน” สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตหัวหน้าแก๊งนกหวีด ที่ยึดสนามปักษ์ใต้เต็มแทบทุกตารางนิ้ว ไหนจะต้องแบ่งให้คนของพรรคประชาธิปัตย์ที่ย้ายฝั่งมาอีก
พื้นที่ทับซ้อนเต็มไปหมด แทบไม่เหลือที่ว่างให้ ส.ส.ภาคใต้ พลังประชารัฐ ข้ามฟากมาแย่งโควตาไปได้ เผลอๆอาจต้องอยู่ตายรังที่เดิม
ตรงข้ามกับก๊ก “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และก๊วนเพชรบูรณ์ของ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ที่ลอยตัวไปพรรคใหม่ได้ไม่มีปัญหา ตามไฟต์บังคับที่ถูกบีบให้เดินออกจากพรรคพลังประชารัฐ
หนีโจทก์เก่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ที่เพิ่งได้ไฟเขียวจาก “ลุงป้อม” ให้ขนลูกพรรคเศรษฐกิจไทย 13 คน คืนรังเก่า
คู่อาฆาตกลับมาอยู่เป็นหอกข้างแคร่ ยังไงก็ทำงานร่วมกันลำบาก ก็ต้องมีฝ่ายใดเป็นฝ่ายไป
แม้แต่กลุ่มสามมิตรก็อาจอยู่ลำบาก ต้องคอยระแวงหลัง เพราะคู่กรณีเก่าคัมแบ็ก อาจเป็นตัวแปรถูกนำมาประเมินดินฟ้าอากาศ ประกอบการตัดสินใจย้ายพรรค

หรือแม้กระทั่งกลุ่ม “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร.ที่กำลังไต่เพดานบิน เป็นขั้วอำนาจใหม่ในพลังประชารัฐ ก็อาจต้องทบทวนท่าทีการทำงาน หากกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัสกลับเข้าพรรค
สูตร “บิ๊กตู่” ไป “ธรรมนัส” กลับมา จ่อเล่นงานพลังประชารัฐกระอักทั้งขึ้นทั้งล่อง
คลื่นใต้น้ำในพรรคส่อก่อตัวหนัก กดดัน “บิ๊กป้อม” ต้องคิดหลายชั้น จะได้คุ้มเสียหรือไม่ ถ้ารับขาใหญ่คืนถิ่น
หลายกลุ่มกำลังชั่งใจ รอดูการตัดสินใจของ 2 ป. จะแยกทางกันเด็ดขาดแค่ไหน และกลุ่ม “ธรรมนัส” จะหวนกลับมาเต็มคณะ หรือมาเฉพาะทีมลูกหาบ ให้ผู้กองคนดังก้มต่ำหลบ เพื่อเลี่ยงแรงปะทะในพรรค เอาไปใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจจะเลือกข้างเดิมหรือย้ายขั้วใหม่
สภาพพรรค “พี่ใหญ่” เข้าเนื้อหนัก โดนพรรค “น้องเล็ก” ไล่ช้อนปลาในบ่อ
หากจะรั้ง “บิ๊กตู่” อยู่ต่อ 2 ป.ต้องแชร์อำนาจให้สมดุล ภายใต้เงื่อนไขแคนดิเดตนายกฯพลังประชารัฐ ต้องมีชื่อ พล.อ.ประยุทธ์คนเดียว ห้ามส่งชื่ออื่นประกบ ดูแล้ว “บิ๊กป้อม” ไม่โอเคด้วยแน่
“บิ๊กตู่” พลิกมาถือดุลเป็นต่อ เหยียบคันเร่งหนัก ไม่มียุบสภาโยนผ้ายอมแพ้ก่อนแน่ เพราะรวมไทยสร้างชาติยังไม่พร้อมลงสนาม อยู่ระหว่างเตรียมผู้สมัครและตั้งสาขาพรรคให้ครบตามเกณฑ์กฎหมายเลือกตั้ง
กำลังเร่งบรรจุกระสุนดินดำ แต่งองค์ทรงเครื่องค่ายน้องใหม่รอลงสนาม
“น้องเล็ก” พร้อมท้าชน “พี่ใหญ่” หลังสะสมชั่วโมงบินการเมืองร่วม 8 ปี ถึงเวลาปลดแอก ยืนด้วยลำแข้งตัวเอง นาทีนี้ไม่ได้คิดแค่อยู่ลากยาวไปถึงเดือน มี.ค.ปีหน้าแล้วค่อยยุบสภา เมื่อใกล้ครบอายุ 4 ปีรัฐบาลในวันที่ 23 มี.ค.2566 แต่คิดการณ์ไกล ต้องได้กุมอำนาจต่อหลังเลือกตั้ง ไม่ขอส่งไม้ต่อให้ใคร
ถึงจะติดเงี่ยงกฎหมาย ปมวาระ 8 ปีนายกฯ นั่งเก้าอี้ต่อได้อีกแค่ 2 ปี ตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ แต่คงไม่หยุดอยู่แค่นั้นแน่
หากได้อำนาจกลับมาอีกรอบ ก็ยกเครื่องแก้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ปลดล็อกวาระนายกฯ 8 ปี ขออยู่ยาว
ไม่มีนายกฯคนละครึ่ง หน่อมแน้มแบ่งกันคนละ 2 ปี!!!
{Fullwidth}