“รองป๋อ” ขยายผลบุกรวบ 2 ชาวสิงคโปร์ เอเย่นต์ยานรกส่งขายแหล่งบันเทิงคนจีนคาห้องพักซอยรัชดา 5 พบยาเสพติดนานาชนิดพร้อมเครื่องแพ็ก โดยเฉพาะซองบรรจุลักษณะเดียวกับที่พบในคาราโอเกะ “จินหลิง” 1 แสนซอง เจ้าตัวรับสารภาพส่งขายทั่วกรุง ส่วนนักเที่ยว จีนตรวจพบฉี่ม่วง 104 คน แพทย์ส่งผลกลับมามีผู้เสพเคตามีน 78 คน รับสารภาพ 48 คน แต่พอคุมตัวให้อัยการส่งฟ้องศาลกลับพลิกลิ้นเหลือรับแค่ 7 คน ขั้นตอนต่อไปพนักงานสอบสวนต้องทำสำนวนเต็มรูปแบบมาส่งดำเนินคดี ด้าน “รองโจ๊ก” เข้มประสาน สตม.ให้ขึ้นแบล็กลิสต์ถาวร นักท่องเที่ยวจีนมั่วสุมในจินหลิน เตรียมผลักดันออกนอกประเทศทั้งหมดไม่ว่าจะพบหรือไม่พบสารเสพติด กรณี พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. นำกำลังร้อยกว่านายบุกตรวจค้นสถานบันเทิงในอาคาร จินหลิง ย่านสาทร จับกุมนักเที่ยวส่วนใหญ่เป็นคนจีน 266 คน กระจายอยู่ในห้องคาราโอเกะตกแต่งสุดล้ำ ยาเสพติดกระจายเกลื่อน บางส่วนเป็นของลูกค้าที่ฝากไว้กับร้านเหมือนฝากเหล้า จับตรวจสารเสพติดพบสีม่วง 104 คน ยึดรถหรู 35 คัน มีบางคันสวมทะเบียน พร้อมประสานทูตตำรวจจีนตรวจสอบประวัตินักเที่ยว ขณะเดียวกัน บก.น.6 เด้ง พ.ต.อ.ธนโชติ ฤกษ์ดี ผกก.สน.ยานนาวา เข้ากรุ ศปก.บก.น.6 โดยขาดจากตำแหน่งเดิม เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 27 ต.ค.ที่ สน.ยานนาวา พ.ต.อ.ณัฐพล โกมินทรชาติ รอง ผบก.น.6 รรท.ผกก.สน.ยานนาวา เผยว่า หลังจับกุมนักท่องเที่ยวทั้งหมดตรวจปัสสาวะมีผลเป็นสีม่วง 104 ราย คุมไปตรวจแยกสารเสพติดยังโรงพยาบาล 4 แห่ง แพทย์ส่งผลกลับมาพบผู้ที่เสพยาเสพติดเคตามีน 78 คน เตรียมนำผู้ต้องหาที่รับสารภาพ 48 คนส่งฟ้องต่อศาลแขวงพระนครใต้วันนี้ ข้อหาเสพ อีก 30 คนที่ปฏิเสธจะนำไปฝากขังต่อศาลในวันพรุ่งนี้ SPONSORED ข่าวแนะนำ [ช่วยเหลือทันเวลา] ช่วยเหลือทันเวลา ["ยธ.-ป.ป.ส." จัดประกวดสื่อรู้ทันยาเสพติด สร้างภูมิคุ้มกันเยาวชน] "ยธ.-ป.ป.ส." จัดประกวดสื่อรู้ทันยาเสพติด สร้างภูมิคุ้มกันเยาวชน [พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ส่งสัญญาณเตือน ตำรวจ เกียร์ว่าง] พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ส่งสัญญาณเตือน ตำรวจ เกียร์ว่าง [สยามแก๊ส มอบเงินจำนวน 10,000,000 บาท ให้มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง] สยามแก๊ส มอบเงินจำนวน 10,000,000 บาท ให้มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พ.ต.อ.ณัฐพลกล่าวต่อว่า ส่วนการยืนยันตัวบุคคลผู้จัดการของสถานบันเทิงดังกล่าว ตำรวจควบคุมตัวเอาไว้ได้ สอบปากคำพยานหลายปากยังให้การไม่เป็นประโยชน์ เนื่องจากปัญหาสื่อสารด้านภาษา ต้องให้ตำรวจท่องเที่ยวและ สตม.เป็นล่าม ต้องสอบปากคำซ้ำอีกครั้งให้ได้ข้อมูลชัดเจน แต่มีพยานบางส่วนจะยืนยันได้ว่าผู้จัดการร้านที่ตำรวจจับกุมได้คือผู้ดูแลร้านตัวจริง ส่วนการขยายผลไปยังเจ้าของร้าน ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างสอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐานในช่องทางอื่น ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ อีกด้านหนึ่ง พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. กล่าวถึงการตรวจสอบรถยนต์ทั้ง 35 คันว่า ให้ บก.สส.ตรวจสอบทุกคันว่าถูกต้องหรือไม่เบื้องต้นพบเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล บางส่วนเป็นรถยนต์เช่า มีผู้ขับจ้างให้บริษัทลูกค้าที่เป็นของคนจีน อยู่ระหว่างตรวจสอบรายละเอียด เนื่องจากพบรายชื่อเจ้าของรถ หรือผู้ครอบครองเป็นเอกสารสัญญาภาษาจีนมีทั้งคนไทย และชาวจีน ขณะนี้ยังไม่มีบุคคลมาแสดงตัวเป็นเจ้าของรับรถคืน ส่วนข้อมูลสืบสวนขยายผลเกี่ยวกับเจ้าของสถานที่ อยู่ระหว่างขยายผลว่าเจ้าของสถานบันเทิงเชื่อมโยงกับสถานบันเทิงย่านรัชดาฯหรือไม่ ตามที่มีข้อมูลทางสื่อสังคมออนไลน์พาดพิงว่าไปเกี่ยวข้องกับบุคคลใดๆยังไม่สามารถเปิดเผยในรายละเอียดได้ ส่วนประเด็นที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ แถลงข่าวเปิดเผยรายชื่อกลุ่มทุนจีนตำรวจยังไม่ได้รับเอกสาร ส่วนตู้เซฟที่เหลือตำรวจยังอยู่ระหว่างประสานผู้เชี่ยวชาญให้มาเปิดตู้เซฟ 5 ตู้ ที่ตำรวจยึดได้ เพื่อตรวจสอบหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม อีกด้านหนึ่ง ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ อดีต ส.ส. ออกมาแถลงเรียกร้องให้ตำรวจเอาผิดนักธุรกิจชาวจีนเข้ามาเปิดสถานบันเทิงมั่วสุมยาเสพติดในประเทศไทย พร้อมเตรียมยื่นข้อมูลเกี่ยวกับนายทุนจีนสีเทาและผู้รับผลประโยชน์ ว่า นายชูวิทย์โทรศัพท์แจ้งว่าจะส่งข้อมูลมาให้ คาดว่าวันนี้ข้อมูลจะมาถึงจะเร่งตรวจสอบโดยเร็ว อย่างไร ก็ตาม ช่วงเช้าได้เรียกประชุมทีมสืบสวน สั่งการให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่ทั้งในพื้นที่ บช.น.และพัทยา ตรวจสอบเจ้าของกิจการว่าเข้า-ออกประเทศถูกต้องหรือไม่ ใช้วีซ่าอะไร รวมทั้งขั้นตอนการเปิดบริษัทมีการใช้นอมินีอย่างไร จะไล่ตรวจสอบรวมถึงเส้นทางยาเสพติดด้วย “วันนี้ต้องแยกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเกี่ยวกับ การกระทำผิดของคนจีนที่เข้ามาทำธุรกิจในลักษณะให้มีการฝากยาเสพติดได้ อันนี้ถือว่าหนักหนาสาหัสแล้ว ยังมีลักษณะเป็นบ่อนการพนัน มีผู้เสียชีวิตจากยาเสพติด อีกส่วนเกี่ยวกับ ผกก.สถานีตำรวจท้องที่ รอง ผกก.ปราบปราม ต้องตรวจสอบว่าอยู่อย่างไร ทำไมไม่รู้ ทั้งที่เปิดกันมานานแล้ว คาดว่าจะใช้วลาไม่นาน” รอง ผบ.ตร.ระบุ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวต่อไปว่า จากการตรวจสอบ สถานบันเทิงในท้องที่ สน.ยานนาวา ย่านรัชดาภิเษกและพัทยา เป็นคนละเจ้าของ ตอนนี้รู้ชื่อรู้ตัวบุคคลทั้งหมด เหลือเพียงเรื่องยาเสพติดที่ยังต้องไล่ตรวจสอบ เดี๋ยวรู้ทั้งหมด ยืนยันตำรวจบังคับใช้กฎหมายเด็ดขาด ได้พูดคุยกับ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. ว่า คนจีนที่มั่วสุมในท้องที่ สน.ยานนาวา และพบสารเสพติด ให้ดำเนินคดีขึ้นแบล็กลิสต์ถาวรและผลักดันออกนอกประเทศ ส่วนที่ไม่พบและไม่ถูกดำเนินคดี ก็ให้ผลักดันออกเช่นเดียวกัน ยืนยันไม่มีละเว้น รูปแบบการกระทำผิดมีการเปลี่ยนรูปแบบ อย่างเมื่อก่อนเป็นรูปแบบทัวร์ศูนย์เหรียญ ปัจจุบันมีผับศูนย์เหรียญ รู้กันในหมู่ชาวจีน เมื่อมาถึงจะตรงมาเที่ยวผับนี้เพราะมีทุกอย่างพร้อม เด็กเอนเตอร์เทน เด็กเสิร์ฟเป็นคนจีน มีการใช้ยาเสพติด เมื่อวันที่ 26 ต.ค.ได้เชิญผู้แทนสถานทูตจีน หัวหน้าตำรวจจีน มาร่วมแถลงข่าว ให้สถานทูตรับทราบว่ามีคนจีนกลุ่มนี้เข้ามาก่อเหตุลักษณะนี้ในไทย ซึ่งสถานทูตจีนจะได้แจ้งรัฐบาลจีนให้เข้มงวดกับคนกลุ่มนี้ต่อไป ขณะที่ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.เผยถึงกรณีกลุ่มนายทุนนักธุรกิจชาวจีนที่ลักลอบเปิดสถานบันเทิงมั่วสุมยาเสพติดในประเทศไทยว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมีการตรวจสอบเข้มข้นอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเดินทางวีซ่าแบบใดก็ตาม อย่างการกระทำผิดที่เกิดขึ้น พบมียาเสพติดเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ได้ส่งเจ้าหน้าที่ บก.สส. สตม.และ ตม.1 ที่รับผิดชอบพื้นที่กรุงเทพฯ ไปทำงานร่วมกับตำรวจนครบาล อะไรที่เป็นความผิดให้ทำรายงานการสืบสวนมายัง สตม. เพื่อดำเนินการตามพฤติการณ์การกระทำความผิด ถ้ามีเรื่องเกี่ยวกับยาเสพติดคนเหล่านี้ก็ต้องถูกเพิกถอนและผลักดัน สำหรับบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ต้องมาดูว่ามีความเกี่ยวข้องกับเรื่องอื่นหรือไม่ หากพบมีการเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดส่วนใดก็จะนำมาพิจารณาโทษต่อไป SPONSORED วันเดียวกัน ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษก อสส.กล่าวว่า เดิมพนักงานสอบสวนแจ้งว่า จะส่งผู้ต้องหาให้อัยการฟ้องด้วยวาจา 60-80 คน แต่มีบางรายปฏิเสธ เหลือที่รับสารภาพและจะนำมาฟ้องวาจา 48 คน แต่พอถึงศาล ผู้ต้องหาเปลี่ยนใจให้การปฏิเสธ เหลือรับสารภาพแค่ 7 คน เป็นคนไทย 2 คน เมื่อผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ พนักงานสอบสวนจะทำสำนวนเต็มรูปแบบมาส่งดำเนินคดีต่อไป ส่วนผู้ต้องหาที่รับ สารภาพวันนี้ อยู่ระหว่างรอศาลตัดสิน โดยในวันที่ 28 ต.ค. สตม.จะส่งผู้ต้องหาอีก 40 รายที่อยู่เกินกำหนดวีซ่า และไม่ได้รับอนุญาตเข้าประเทศให้อัยการยื่นฟ้องต่อศาลแขวงต่อไป ส่วนการขยายผลหลังจับกุมสถานบันเทิงคาราโอเกะจินหลิน ท้องที่ สน.ยานนาวา เมื่อเวลา 16.00 น. วันเดียวกัน พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร. และหัวหน้าศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ตร. (ศอ.ปส.ตร.) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. นำกำลังตรวจค้นในห้องพัก ซอยรัชดาภิเษก 5 แขวงและเขตดินแดง กทม. จับกุมนายโล จิน อัง ชาวสิงคโปร์ อายุ 63 ปี และนายออง เชา เซีย หรือ นายเส้ง ชาวสิงคโปร์ อายุ 34 ปี พร้อมของกลาง เครื่องแพ็กซองยาเสพติด 1 เครื่อง ซองยาเสพติด ลักษณะคล้ายกับที่ตรวจพบที่ร้านจินหลิง และร้าน Leela ท้องที่ สน.ยานนาวา 100,000 ซอง ลำโพงขนาดใหญ่ 3 ตัวใช้ซุกซ่อนยาเสพติด ยาไอซ์ 482.5 กรัม ไฟว์ไฟว์ 380 เม็ด ยาอี 151 ซอง ยาบ้า 2,050 เม็ด คีตามีน 10 กรัม โคเคน 1 กรัม ยาเสพติดแฮปปี้วอเตอร์ 8 ซอง ปืนไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก กระสุน 9 มม.และ .22 รวม 84 นัด รอง ผบ.ตร.เผยว่า จากการขยายผลจับกุมเครือข่ายยาเสพติดและกลุ่มนักเสพนักท่องเที่ยวชาวจีนที่สถานบริการในร้านจินหลิง และร้าน Leela เมื่อวันที่ 26 ต.ค.65 ทำให้สามารถจับกุม 2 ผู้ต้องหาชาวสิงคโปร์ พร้อมยาเสพติด Happy Water และยาเสพติดชนิดอื่นๆ โดยเฉพาะอุปกรณ์บรรจุยาเสพติด Happy Water เป็นยาชนิดเดียวกับที่ตรวจยึดจากร้านจินหลิง พื้นที่ สน.ยานนาวา รวมถึงมีสูตรผสมยาเสพติดชนิดเดียวกับที่ร้านจินหลิงด้วย ผู้ต้องหารับสารภาพ ทยอยนำยาเสพติดใส่ลำโพงขนาดใหญ่มาจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาทางภาคอีสาน นำมาพักไว้ที่คอนโดใน กทม. 3-4 แห่ง หมุนเวียนเพื่อผสมและบรรจุส่งจำหน่ายให้สถานบันเทิงต่างๆ รวมถึงจำหน่ายให้กับร้านจินหลิง ส่วนการจำหน่ายภายในร้านจินหลิง ผู้ต้องหาให้การภาคเสธ ขณะเดียวกันตำรวจอยู่ระหว่างการขยายผลว่ายาเสพติดที่ลูกค้าใช้ เป็นการนำเข้าไปเสพเอง หรือทางร้านจัดจำหน่ายให้ SPONSORED พล.ต.อ.ชินภัทรเผยต่อว่า สำหรับนายโล จิน อัง หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย อาศัยในประเทศไทยเกือบ 20 ปี มีคนไทยช่วยเหลือในการเช่าสถานที่พัก มีพฤติกรรมเปลี่ยนที่พักตลอดเวลา อีกทั้งไม่พบว่าประกอบอาชีพใด หรือมีญาติพี่น้อง ขณะที่หลบหนีอยู่ในประเทศไทย ส่วนความเชื่อมโยงกับเหตุในพื้นที่ สน.ยานนาวา สน.สุทธิสาร และพัทยา ทั้ง 3 แห่ง มีความเชื่อมโยงกันคือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของชาวจีน แต่มีเจ้าของต่างกัน ส่วนจะเชื่อมโยงในเรื่องยาเสพติดหรือไม่ อยู่ระหว่างขยายผล เบื้องต้นนำตัวทั้งคู่ดำเนินคดีข้อหา “จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์, ยาบ้า, ยาอี) และจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ประเภท 2 (ไฟว์ไฟว์, คีตามีน) โดยการขายอันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและแพร่กระจายในชุมชน, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นบุคคลต่างด้าวและเดินทางเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”
นายกฯ ชี้คดี “ปลัด-อส.” ถ้าเจ้าหน้าที่รัฐเอี่ยว ต้องสอบสวน ลงโทษ พร้อมติดตามความคืบหน้าคดีปล้นปืนหลวง สภ.ปากเกร็ด ย้ำขึ้นอยู่กับความเข้มงวด ซื่อสัตย์ สุจริต
เมื่อเวลา 12.15 น. วันที่ 26 ต.ค. 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณี
ปลัดและอาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) รวม 6 คน ถูกดำเนินคดีเรียกรับผลประโยชน์ ไม่ดำเนินคดีผู้ต้องหาค้ายาเสพติด ต่อรองแลกเปลี่ยนผู้ต้องหาใน จ.สงขลา ว่า “เขาสอบสวนอยู่ใช่ไหมก็เท่านั้น รอฟังการสอบสวน”
เมื่อถามว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องต้องดำเนินการอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ก็ต้องลงโทษ ทำอย่างไรได้ ก็ต้องสอบ ลงโทษ เท่านั้นเอง
>{Fullwidth}
