“เศรษฐา” ขน ครม.ลุยเมืองกาญจน์ ยัน รับไม่ได้ขยับค่าแรงขั้นต่ำน้อย วอน นายจ้างพยายามขึ้นค่าแรงไม่ใช่กดค่าจ้าง ลั่น รับไม่ได้ขึ้น 2 บาท ซื้อไข่ยังไม่ได้ กร้าว เข้าครม.ไม่เห็นด้วยแน่
วันที่ 9 ธ.ค. 2566 เมื่อเวลา 09.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ออกเดินทางไปตรวจราชการ จ.กาญจนบุรี โดยจุดแรกที่ศูนย์ประสานงานอำเภอท่ามะกา จ.กาญจนบุรี เวลา 10.30 น. นายกรัฐมนตรี พบปะพี่น้องประชาชนชาวกาญจนบุรี โดยคณะประกอบด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคมมี สส.กาญจนบุรี ให้การต้อนรับ เมื่อนายกฯ มาถึงได้เดินทักทายประชาชนที่มาให้กำลังใจและมอบดอกกุหลาบให้ และมีบางส่วนถือป้ายสนับสนุนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
จากนั้นนายกฯ กล่าวกับประชาชนที่มาให้การต้อนรับว่า ยินดีมากที่ได้กลับมากาญจนบุรีอีกครั้ง หลังจากการเลือกตั้งเวลาประมาณ 3 เดือน ที่เข้ามาบริหาร พบว่าบ้านเมืองเรามีปัญหาเยอะ แต่เรามีรัฐมนตรีและทีมงานที่พร้อมจะรับใช้ประชาชนอย่างเต็มที่เสียงสะท้อน เพื่อแก้ปัญหาไม่ว่าจะเป็นเรื่องหนี้สินนอกระบบ ปัญหายาเสพติด เรามาพูดกันที่นี่ไปแล้วเมื่อตอนเลือกตั้งว่าเป็นปัญหาที่กัดก่อนสังคมไทยมานานมาก เรื่องของวงจรการค้ายาเสพติด เรื่องการค้าการลงทุนยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องเป็นที่ประจักษ์ดีรัฐบาลนี้ทำงานอย่างเข้มแข็ง
“มีเรื่องที่ทำให้ผมไม่สบายใจคือเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ เชื่อว่าพี่น้องหลายคนเป็นห่วงอยู่ตรงนี้ โดยความเห็นส่วนตัว และถือเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลนี้ในเรื่องค่าแรงขั้นต่ำจะต้องถูกยกระดับขึ้นมา เรายอมรับไม่ได้ที่มีการประกาศกันเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. เดี๋ยวคงจะต้องมีการพูดคุยกันในเวทีที่เหมาะสม โดยใช้เหตุผลคุยกันตรงนี้ เป็นเรื่องที่เรายอมรับไม่ได้และต้องแก้ไขกันต่อไป” นายเศรษฐา กล่าว...
จากนั้นเวลา 11.00 น. นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี คณะกรรมการไตรภาคี มีมติปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ 2-16 บาท ว่า ค่าแรงขั้นต่ำของเราไม่ได้ขึ้นมานานมากแต่ขึ้นมาน้อยมาก ขณะที่ค่าครองชีพสูงขึ้นทุกวัน รัฐบาลพยายามทำหลายวิธี ที่จะลดค่าใช้จ่าย ทั้งค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน พักหนี้เกษตรกร และอีกหลายอย่างเพื่อช่วยเหลือบรรเทา รวมไปถึงการแก้ไขหนี้นอกระบบและในระบบ ขณะที่เรื่องของการเพิ่มรายได้ก็สำคัญ โดยประชาชนหลายสิบล้านคน ต้องพึ่งค่าแรงขั้นต่ำ บางจังหวัด ขึ้นแค่ 7-12 บาทซึ่งน้อยเกินไป ทั้งที่รัฐบาลพยายามที่จะยกระดับให้ประเทศไทยมีอุตสาหกรรมไฮเทค ตนเดินทางไปต่างประเทศเพื่อที่จะดึงบริษัทใหญ่มาลงทุนไปเปิดตลาดค้าขายใหม่ในต่างประเทศสิ่งเหล่านี้รัฐบาลพยายามทำอย่างเต็มที่ ต้องขอวิงวอนและขออ้อนวอนว่า พี่น้องแรงงานคือผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดเมื่อมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น การขึ้นค่าแรงผู้ประกอบการต้องพยายามทำไม่ใช่มากดค่าจ้าง สิ่งที่รัฐบาลทำนายจ้างได้ประโยชน์ทั้งการลดค่าไฟ ค่าน้ำมัน และอีกหลายอย่าง วันนี้จะยอมให้แรงงานประชาชนคนไทยต่ำติดดินแบบนี้หรือ ประเทศที่ใกล้เคียงกับไทย เช่น สิงคโปร์ หรือเกาหลี ค่าแรงต่อวัน 1,000 บาท เราจะยอมให้พี่น้องประชาชนของเราเป็นพลเมืองชั้น 2 ชั้น 3 ของโลกหรือ ในเมื่อค่าแรงขั้นต่ำติดดินขนาดนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในเรื่องค่าแรงจะมีโอกาสทบทวนใหม่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องขอทบทวนใหม่ เดี๋ยวจะต้องไปพิจารณาดูถึงแนวทางความเหมาะสม เพราะเพิ่งทราบข่าวเรื่องนี้ แต่คงไม่ใช่การสั่งการ แต่เป็นการพูดคุยร่วมกันถึงภาพรวมเศรษฐกิจ พอพ้นจากวันหยุดก็จะมีการเรียกคุยกับผู้ที่เกี่ยวข้อง เชื่อว่า เรื่องนี้ทุกคนมีความกังวลหมด ขอให้คิดถึงใจเขาใจเรา เมื่อถามย้ำว่า ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปรับขึ้นเพียงแค่ 2 บาท จะมีการพิจารณาใหม่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้คุยกับนายกฯ มาเลเซียถึงการพัฒนาพื้นที่ เป็นการสร้างความมั่นใจให้ผู้ประกอบการ แต่ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงขึ้นแค่ 2-3 บาท ตนไม่สบายใจอยากใช้เวทีนี้สื่อสารไปถึง และขอความเป็นธรรมให้กับพี่น้องแรงงาน ไม่อย่างนั้นจะติดกับรายได้ต่ำ ต้องคุยทั้งกับไตรภาคี และใน ครม. เมื่อถามว่า การปรับขึ้นค่าแรงที่เป็นธรรมควรจะอยู่ที่ตัวเลขเท่าไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องขึ้นไปสูงกว่านี้ โดยจะต้องฟังเหตุผลของเขาเหมือนกัน อย่างที่บอก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขึ้น 2-3 บาท ซื้อไข่ลูกหนึ่งยังไม่ได้
เมื่อถามว่า หากมีการปรับเพิ่มขึ้นจำนวนมากอาจจะมีปัญหาเรื่องของการย้ายฐานผลิตออกจากประเทศไทย นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มีหรอกครับอันนี้เป็นวาทกรรม ไม่มีใครย้ายเพราะค่าแรงขึ้น จาก 300 เป็น 400 บาทไม่มีหรอก รัฐบาลยังมีมาตรการส่งเสริมด้านอื่นๆ เมื่อถามว่า รัฐบาลจะทำให้ได้ถึง 400 บาทตามนโยบายที่รัฐบาลได้ประกาศไว้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องดูตามความเหมาะสม จังหวัดใหญ่อาจจะได้ถึง 400 แต่จังหวัดเล็กอาจจะไม่ถึง เมื่อถามว่า จะสื่อสารไปยังผู้ใช้แรงงานอย่างไรเพื่อไม่ให้ออกมาเคลื่อนไหว นายเศรษฐา กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้และประกาศชัดเจนว่าไม่เห็นด้วย ขอให้ผู้ใช้แรงงานดูการกระทำ ว่า ตนมีความจริงใจขนาดไหนอย่างไร และวันนี้ตนไม่ได้มาหาเสียง เพราะการหาเสียงจบไปแล้วแต่เราพูดถึงความเป็นจริงว่า ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ต้องได้รับการดูแลควบคู่กันไปด้วย ขออ้อนวอนไปถึงนายจ้างให้ความเป็นธรรมกับผู้ใช้แรงงานด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการนำเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม ครม. จะพิจารณาอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ต้องดูว่ามีความจำเป็นว่า จะเสนอเข้ามาหรือไม่ ถ้าเสนอเข้ามา ต้นไม่ยินยอม ไม่เห็นด้วย แน่นอน ตนเชื่อว่า นโยบายค่าแรงขั้นต่ำเราดูที่ความเหมาะสม เราเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลนี้ เมื่อถามว่า นายกฯ รู้สึกเหมือนมีความฉุนเฉียวที่พูดถึงเรื่องนี้ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับฉุน เพราะการที่เป็นนายกฯ ต้องดูแลประชาชน 60 ล้านคน ไม่ใช่ดูแลแค่มาเอาคะแนนเสียง กับผู้ใช้แรงงานอย่างเดียว แต่นายจ้างและผู้ประกอบการ ก็ไปรับฟังความเห็นตลอด และพร้อมจะช่วยเหลือ สิ่งเหล่านี้ค่อนข้างเป็นรูปธรรมอยู่แล้ว