นายกฯ ยกคณะนั่งรถไฟขบวนพิเศษ 995
นายกฯ ยกคณะนั่งรถไฟขบวนพิเศษ 995 สวมผ้าใบ ตรวจราชการ ชลบุรี-ระยอง
นายกรัฐมนตรี สวมผ้าใบ ควง รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม และคณะ นั่งรถไฟขบวนพิเศษ 995 จากหัวลำโพงไปตรวจราชการ ชลบุรี-ระยอง
เมื่อเวลา
08.45 น. วันที่ 4 พ.ย. 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง
ออกเดินทางด้วยรถไฟขบวนพิเศษ 995 ชานชาลาที่ 5 จากสถานีรถไฟกรุงเทพฯ
(หัวลำโพง) ไปยังสถานีรถไฟแหลมฉบัง ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสุรสีห์
กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์
เลขาธิการตณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน นายจุฬา สุขมานพ
เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก นายสนธยา คุณปลื้ม
ประธานที่ปรึกษาเมืองพัทยา ร่วมคณะ
โดยเวลา 08.12 น.
นายกฯ เดินทางมาถึงสถานีรถไฟหัวลำโพงด้วยชุดเสื้อสูทลำลอง รองเท้าผ้าใบ
ได้แวะดื่มกาแฟร่วมกับคณะ ก่อนเดินมาขึ้นรถไฟ ทั้งนี้นายกฯ
จะเดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.ชลบุรี และ จ.ระยอง
อย่างไรก็ตามระหว่างที่นายเศรษฐา
พร้อมคณะ โดยสารรถไฟจากสถานีรถไฟกรุงเทพฯ (หัวลำโพง)
ไปยังสถานีรถไฟแหลมฉบัง ตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
เพื่อตรวจราชการภาคตะวันออก ชลบุรี – ระยอง ได้รับทราบรายงานจาก นายกีรติ
กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือ AOT
ว่า แม้จะได้รับแรงผลักดันมาจากนโยบายวีซ่าฟรี
แต่ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าไทย ยังต่ำกว่าที่คาดการณ์อยู่ที่
60-70 % จากปี 2562 จึงยังต้องช่วยกันผลักดันอยู่
นอกจากนี้
ยังได้ประสานกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เรื่องการปรับมาใช้เครื่อง
ในการตรวจผู้โดยสารขาออก โดยตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.เป็นต้นไป จะใช้เครื่อง
และ กำลังคนผสมกัน โดยให้ความมั่นใจว่า เครื่องดังกล่าว
สามารถดักจับได้ทั้งอาชญากร ผู้ที่พำนักอยู่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และ
ผู้ไม่พึงประสงค์ต่างๆ ถ้าหากตกลงกันจนได้ข้อสรุปภายในปีนี้ คาดว่า ในเดือน
ก.ค. 67 จะติดตั้งอุปกรณ์เสร็จ และ
สามารถปรับมาใช้เครื่องตรวจผู้โดยสารขาออกแทนกำลังคนได้ทั้งหมด
ขณะที่
นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการท่าเรือแห่งประเทศไทย
รายงานความคืบหน้าโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ถูกนายกรัฐมนตรี
เบรกถึง 2 ครั้ง ให้พูดเข้าประเด็นปัญหา ไม่ต้องรายงานเรื่องอื่น
พร้อมทวงถามถึงความล่าช้า ที่มีหลายเสียงสะท้อนมา ก่อนจะได้รับคำตอบว่า
ล่าช้าเพียง 1.8 % เหตุผลหลักมาจากการส่งมอบพื้นที่ และ
เรือขุดจากประเทศจีนเข้ามาไม่ได้ เพราะการระบาดโรคโควิด-19 และ
คาดว่าจะเสร็จตามแผนเดือน มิ.ย. 67 และ เมื่อ EEC เสร็จสมบูรณ์แบบ
อัตราการรองรับขนถ่ายสินค้าของท่าเรือ จะอยู่ในอันดับ 13-15 ของโลก ดังนั้น
นายกรัฐมนตรี
จึงขอให้จัดแถลงข่าวใหญ่ความคืบหน้าให้สังคมได้รับทราบในสัปดาห์หน้า และ
กำชับให้เร่งรัดงาน ไม่งั้นเราเสียหายหนัก เพราะเวียดนาม และ อินโดนีเซีย
เป็นคู่แข่งสำคัญ อย่าให้ใครมาใส่ไฟนักลงทุน ที่จะเข้ามาลงทุนในไทย
อย่าให้ใครมาด้อยค่าหน่วยงานของท่าน มันไม่ดี ต้องเร่งทำความเข้าใจ
ต้องสร้างความเชื่อมั่น



เปลี่ยนเรือดำน้ำ เป็นเรือฟริเกต “เศรษฐา” ยันเจรจาแล้ว ย้ำ เดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต
“นายกฯ เศรษฐา” เผย
กรณีเปลี่ยนเรือดำน้ำ เป็นเรือฟริเกต
ยืนยันมีการเจรจาแล้วด้วยบรรยากาศที่ดี สั่งติดตาม “เสี่ยแป้ง นาโหนด”
นักโทษหลบหนี ใครมีเอี่ยวเอาผิดถึงที่สุด ย้ำ เดินหน้านโยบายดิจิทัลวอลเล็ต
เวลา
15.00 น. วันที่ 23 ตุลาคม 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
แถลงข่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉินความไม่สงบในอิสราเอล-กาซา
ณ กระทรวงการต่างประเทศ
โดยในช่วงหนึ่งได้ตอบคำถามกรณีการจะเปลี่ยนเรือดำน้ำ เป็นเรือฟริเกต ว่า
ขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเมื่อมีข้อมูลครบแล้วค่อยเจรจาดีกว่า
เชื่อว่าเป็นข่าวดีและมีความคืบหน้าไปได้ด้วยดี
ต้องให้เกียรติกระทรวงกลาโหม ให้เวลาทำงาน
“ไปเจรจามาแล้ว ยืนยันว่ามีการพูดคุยกันด้วยบรรยากาศที่ดี คอยอีกสักประเดี๋ยวนึงให้มีความคืบหน้าจริงๆ ให้มันชัดเจนจริงๆ ดีกว่า” เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่าประเทศไทยจะเสียเปรียบใช่หรือไม่ นายเศรษฐา ตอบสั้นๆ ว่า “ไม่ครับ”
ส่วนเรื่องประเด็นนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต
10,000 บาท นายกรัฐมนตรี ระบุว่ายังคงยืนยันในนโยบาย
ขณะนี้กำลังปรับแต่งนโยบายในเรื่องที่มาที่ไปของเงิน วิธีการใช้ต่างๆ
ขอให้มีการประชุมคณะอนุกรรมการ และคณะกรรมการก่อน แล้วจึงจะแถลงให้ทราบ
เมื่อถามต่อไปว่าวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567
ประชาชนจะได้รับข่าวดีตามที่เคยพูดไว้ใช่หรือไม่ นายเศรษฐา ตอบว่า
เดี๋ยวจะมีการแถลง
ขณะที่กรณี นายเชาวลิต ทองด้วง หรือ
เสี่ยแป้ง นาโหนด
นักโทษชายที่หลบหนีขณะเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราชนั้น
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า มีการกำชับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไปแล้ว รวมถึง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งดูแลกรมราชทัณฑ์
ต้องไปสืบให้ได้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร
และไม่ว่าใครทำผิดก็ต้องเอาผิดถึงที่สุด เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง.
นายกฯ เศรษฐา เผย
รถไฟรางคู่เฟส 2 ขอนแก่น-หนองคาย เตรียมเข้าครม. อีกครั้งเดียวจบ
เชื่อนายกฯ อบจ.อุดรฯ เข้าใจหลังจวกแรงของบฯ พืชสวนโลก งอก 5,500 ล้านบาท
หยอดคำหวาน ลงพื้นที่อีสานรู้สึกอบอุ่น แวะเดินตลาดเลือกผ้าไทยตัดชุดประชุม
ครม. แม่ค้าสุดดีใจเจอนายกฯ ตัวเป็นๆ ถึงกับโทรศัพท์หาเพื่อน บอก ดีใจสุดๆ
จนขนแขนลุกซู่
วันที่
9 กันยายน 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน
นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
กล่าวถึงการลงพื้นที่จังหวัดอุดรธานีและหนองคาย ว่า
ดูเรื่องจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้าและศุลกากร
เพราะหนองคายเป็นประตูเศรษฐกิจสำคัญที่สุด
ปริมาณการค้าระหว่างประเทศที่ผ่านจากประเทศไทยไปลาวและไปประเทศจีนเป็นเรื่องใหญ่
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของศุลกากรการเกษตรและคมนาคม
รถไฟรางคู่ที่ต้องมาจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้า
สะพานมิตรภาพไทยลาวต้องยกระดับรับน้ำหนักมากขึ้น และมีประเด็นอื่นๆ อีกเยอะ
ส่วนการพัฒนาสถานีรถไฟนาทา จ.หนองคาย
ที่จะเป็นจุดเวียนถ่ายสินค้าคงต้องใช้เวลาพอสมควรในการสร้างพื้นที่ให้เป็นจุด
One stop service ถ่ายสินค้า แต่ตอนนี้เราต้องมีการนับหนึ่งก่อน
โดยกลับไปต้องมีการประชุมกันอีกครั้ง โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นโต้โผหลักในการประสานงาน
รวมถึงการเจรจาการค้าระหว่างประเทศที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศร่วมด้วย
เพราะถ้าหากเราทำดีแล้วยังติดขัดกับฝ่ายลาวอีกทำให้ไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้
สำหรับความแตกต่างทางด้านเศรษฐกิจระหว่างจังหวัดขอนแก่นและจังหวัดอุดรธานีนั้น
ทั้งสองจังหวัดถือว่าเป็นพื้นที่ใหญ่ของภาคอีสานตอนบนและเป็นเมืองท่า
เพราะมีสนามบิน มีศักยภาพสูงที่จะพัฒนาต่อไปได้
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการท่องเที่ยวหรือภาคอุตสาหกรรมที่จังหวัดอุดรธานีจะมีการสร้างนิคมอุตสาหกรรมขึ้นมา
มีสินค้าหลายอย่างที่ยังไม่สามารถนำศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ ซึ่งทั้ง 3
วันที่ผ่านมาได้พบปะและรับฟังปัญหาพี่น้องภาคเอกชนและข้าราชการ

ส่วนรถไฟรางคู่เฟส
2
จากจังหวัดขอนแก่นมาจังหวัดหนองคายต้องเข้าที่ประชุมครม.หรือสามารถทำต่อไปได้เลย
นายเศรษฐา ระบุว่า เข้าใจว่าเข้าครม.อีกครั้งเดียวก็จบแล้ว
เพราะงบประมาณมีการกันไว้เรียบร้อยและเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนอีกเรื่องหนึ่ง
ใช้เงินไม่มากนักแต่ประโยชน์มหาศาล
แต่ก็ต้องทำควบคู่กันไปกับจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้า
ทำให้สะพานมิตรภาพไทยลาวรับน้ำหนักได้มากขึ้น
การเจรจากับลาวและต้องมีการทำวันสตอปเซอร์วิสด้วยเพื่ออำนวยความสะดวกให้ภาคเอกชน
นายกรัฐมนตรี
กล่าวว่า แนวทางในการส่งออกสินค้าระหว่างไทย ลาว
และจีนมีการรวมหลายภาคส่วนเข้าด้วยกัน
ทั้งการคมนาคมเกี่ยวกับเรื่องรถไฟรางคู่
จุดเปลี่ยนถ่ายสินค้าที่ต้องมีความทันสมัย และต้องแข่งกับฝ่ายลาวด้วย
ซึ่งการเจรจาการค้าระหว่างประเทศการขนถ่ายสินค้าเป็นไปด้วยดี
รวมทั้งสิ่งก่อสร้างต่างๆ
และหวังว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้งในปลายเดือนหน้าเพื่อติดตามความคืบหน้า
ส่วนเรื่องงบประมาณที่ลงมาในพื้นที่ภาคอีสานจำนวนมากและเพิ่มมากขึ้นจะทำให้เป็นปัญหาต่อการทำงานหรือไม่
นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องงบประมาณไม่อยากให้เป็นเรื่องยาก
เป็นเรื่องที่ต้องบริหารจัดการกัน ทุกหน่วยงาน ทุกภาคส่วน
ประชาชนทุกจังหวัดก็ต้องการการพัฒนาต่อไป เป็นหน้าที่ของฝ่ายรัฐบาล
กระทรวงทบวงกรมทุกแห่งต้องมีการจัดสรรงบประมาณที่เหมาะสมและเรียงลำดับความสำคัญให้ดี
ดูเรื่องงบประมาณให้ดี งบประมาณที่อนุมัติไปแล้วก็อย่าให้เพิ่มมากขึ้น
ต้องช่วยกันบริหารจัดการงบประมาณให้อยู่ในกรอบที่สามารถทำได้
ไม่เช่นนั้นก็จะมีปัญหาเรื่องวินัยการเงินการคลังอีก
เราเองทราบดีและตระหนักถึงว่าประชาชนมีความเดือดร้อนเยอะ
ความเดือดร้อนก็ต้องแก้ไขด้วยการมีงบประมาณออกไป
ถ้าหากการของบของแต่ละหน่วยงานแต่นายกรัฐมนตรีไม่ได้ให้จะให้การทำงานมีปัญหาหรือไม่นั้น
นายเศรษฐา กล่าวว่า อะไรที่เหมาะสมเราก็ต้องทำ
อะไรไม่เหมาะสมก็ต้องถูกตีกลับไปพิจารณากันใหม่
เพราะหลายกระทรวงก็มีความต้องการกันเยอะ
เรื่องบางอย่างไม่ต้องการงบประมาณก็สามารถทำได้
ซึ่งอยากให้รัฐมนตรีหลายท่านโฟกัสที่จุดนี้ด้วยเช่นกัน
ในการเปลี่ยนแปลงนโยบาย รวมถึงการแก้กฎกติกา
บางอย่างที่ไม่ต้องการงบประมาณก็สามารถทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้นได้

ส่วนกังวลหรือไม่เพราะที่ผ่านมาการใช้งบประมาณเกี่ยวข้องกับคะแนนของแต่ละพรรคด้วย
นายเศรษฐา กล่าวว่า เรามาทำงานวันนี้เพื่อประชาชน
ซึ่งเรื่องความต้องการของประชาชนเป็นเรื่องที่สุด
ส่วนการจัดงานมหกรรมพืชผลโลกที่มีการของบประมาณเพิ่มเท่าตัว
ซึ่งงานเหลือระยะเวลาอีก 3 ปี
จะมีการเพิ่มงบให้หรือไม่และจะบริหารจัดการอย่างไร นายเศรษฐา ระบุว่า
เป็นเรื่องที่แปลกใจ เมื่อวานนี้ (8 ก.ย.) เป็นการมารับฟังความคืบหน้า
ซึ่งเหลือเวลาอีก 3 ปีเราก็ต้องดูให้ดี หากสร้างไม่ทันก็จะเป็นปัญหา
ซึ่งการเพิ่มงบประมาณอีก 3,000 ล้านบาท ตนเชื่อว่าทุกคนมีความกังวล แต่ทาง
อบจ.บอกแล้วว่าเป็นผู้นำเสนอ
และทางนักวิชาการก็ต้องกลับไปช่วยกันดูให้เหมาะสม
ลดค่าใช้จ่ายทำให้อยู่ในกรอบงบประมาณที่สามารถทำได้
หาเพิ่มมานิดหน่อยก็น่าจะสามารถพิจารณาได้ แต่สำคัญที่สุดคือจุดเริ่มต้น
ที่ต้องเริ่มแล้วไม่เช่นนั้นไม่ทัน และจะเป็นการเสียหน้า ทั้งนี้
หวังว่าอบจ.จะเข้าใจ เพราะทุกภาคส่วนต้องการงบประมาณหมด
ซึ่งบางนโยบายก็เป็นเรื่องยาก
ตนจึงบอกว่าอยากลงพื้นที่ให้ได้มากที่สุดเพื่อมารับฟังปัญหา
ซึ่งหลายเรื่องยังไม่ได้ถูกหยิบยกมาพูด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญหายาเสพติด
ส่วนจะมีการประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
แล้วจะเร่งบริหารจัดการต่อไป นอกจากเรื่องปากท้องแล้ว
ปัญหายาเสพติดก็เป็นปัญหาสำคัญของภาคอีสานเช่นกันที่ไม่อยากให้รัฐบาลเราต้องดูทุกเรื่อง
นอกจากนี้นายเศรษฐา
ระบุว่า การลงพื้นที่ภาคอีสาน หลังได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
รู้สึกอบอุ่นมากกว่าช่วงหาเสียง
เนื่องจากว่าเมื่อถูกวิพากษ์วิจารณ์หรือต้องการให้กำลังใจ
แล้วได้มาลงพื้นที่อีสานโดยเฉพาะสามจังหวัดนี้ (ขอนแก่น อุดรธานี
และหนองคาย) ซึ่งได้รับการต้อนรับที่ดีนั้น จะทำให้มีกำลังกลับไปมากขึ้น

ทั้งนี้
ก่อนเดินทางไปขึ้นเครื่องที่สนามบินอุดรธานีนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา
ได้เดินมาถึงอุโบสถได้มีชาวบ้านเข้ามาขอถ่ายรูป
พร้อมนำผ้าขาวม้ามาผูกที่เอว และกล่าวว่า ต้องผูกแน่นๆ จะได้อยู่นานๆ
พวกเรารอมานานแล้ว นายกรัฐมนตรีต้องอยู่นานๆ จากนั้นนายเศรษฐา
ได้เข้ากราบสักการะพระพุทธรูปหลวงพ่อพระใส พระพุทธรูปสำคัญคู่เมืองหนองคาย
และนมัสการพระเทพวชิรคุณ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ชัย
พร้อมทั้งรับพรจากเจ้าอาวาสที่ระบุว่า ได้ติดตามพวกท่านทั้งหมด
รู้จักชื่อรัฐมนตรีทุกคน ขอให้ช่วยกันบริหารประเทศให้ดี จากนั้นนายเศรษฐา
ได้ก้มกราบรับน้ำมนต์จากเจ้าอาวาส
โดยเจ้าอาวาสได้ใช้ตอกพรมน้ำมนต์แตะไปที่ศีรษะของนายกรัฐมนตรี
ระหว่างทางนายกรัฐมนตรีได้แวะตลาดผ้านาข่า
เพื่ออุดหนุนสินค้าของวิสาหกิจชุมชน
โดยบรรยากาศที่ตลาดเป็นที่ฮือฮาของแม่ค้าและประชาชนที่มาเดินซื้อของในตลาด
เข้ามาขอถ่ายรูปและนำผ้าขาวม้าผ้าทอมาผูกเอวให้กับนายกรัฐมนตรี
พร้อมกับบอกว่าตัวจริงนายกรัฐมนตรีไม่ได้แก่เหมือนที่เห็นในโทรทัศน์
แต่ตัวสูงมาก
ขณะที่แม่ค้าคนนึงถึงกับโทรศัพท์บอกเพื่อนว่าดีใจหลายไม่คาดคิดว่านายกรัฐมนตรีจะลงมาเดินซื้อของที่ตลาดนาคาพร้อมโชว์ขนแขนลุก
ดีใจมากได้เห็นนายกฯ ตัวเป็นๆ
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินชมสินค้าพร้อมบอกว่า
ประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรกจะต้องใส่ผ้าไทย ซึ่งได้เตรียมตัดไว้แล้ว
แต่มาวันนี้ก็อยากจะมาเลือกผ้าเพื่อไปตัดเพิ่ม
โดยนายกรัฐมนตรีได้เลือกซื้อผ้าทอสีเหลือง ยกดอกสุรินทร์ 1 ผืน ในราคา
8,500 บาท

ก่อนเดินทางกลับนายเศรษฐา
กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับสินค้า OTOP
แต่เข้าใจว่าตอนนี้มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายที่สูง
แต่ขอยืนยันว่าในการประชุมครม. นัดแรกจะลดค่าไฟฟ้า และค่าน้ำมัน
เพื่อเป็นการบรรเทาทุกข์เบื้องต้น ส่วนปัญหาหนี้สินก็จะดูแลด้วย
จากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะได้เดินทางต่อไปยังสนามบินนานาชาติจังหวัดอุดรธานีเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร



คาด "ทักษิณ" พ้นโทษ ไม่ต้องติดกำไล เงื่อนไขห้ามยุ่งการเมือง 13 ต.ค.นี้
บิ๊ก ยธ. ย้ำ "ทักษิณ"
ต้องรับโทษ 1 ใน 3 ของโทษที่ได้พระราชอภัยโทษ 1 ปี
และเข้ารายงานตัวรายเดือน แต่เนื่องจากเป็นผู้ต้องขังสูงวัย ป่วยรุมเร้า 4
โรคเรื้อรัง และเคยเป็นนายกรัฐมนตรี อาจเข้าข่ายไม่ต้องติดกำไล EM
แต่พ่วงเงื่อนไขไม่ให้ยุ่งงานการเมืองใดๆ โดยเชื่อว่า "โทนี่"
จะพ้นโทษและได้รับการปล่อยตัวทันที เมื่อมีพระราชกฤษฎีกา
พระราชทานอภัยโทษในวาระสำคัญ 13 ต.ค. หรือ วันที่ 5 ธ.ค.
กรณีเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระราชทานอภัยลดโทษ
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากโทษจำคุก ใน 3 คดี จำนวน 8 ปี
ลดเหลือรับโทษเพียง 1 ปี เพื่อจะได้ใช้ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์
ช่วยเหลือและทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบไป
อีกทั้งในกรณีอดีตนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ต้องขังสูงวัยพร้อมกับมีอาการเจ็บป่วย
4 โรคเรื้อรังและยังอยู่ระหว่างการนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ
เป็นเหตุให้อาจเข้าข่ายเกณฑ์ผู้ต้องขังสูงวัย
ที่จะได้รับการพิจารณาพักการลงโทษ ตามที่มีการนำเสนอข่าวไป
เมื่อเวลา
10.00 น. วันที่ 3 ก.ย. 66 ผู้สื่อข่าว
สอบถามกรณีดังกล่าวกับแหล่งข่าวระดับสูงของกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า
กรณีของนายทักษิณ เป็นผู้ต้องขังสูงวัยและมีอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง
อาจเข้าเกณฑ์อย่างใดอย่างหนึ่งตามกฎกระทรวง แห่ง พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560
คือ อาจจะต้องรับโทษอย่างน้อย 1 ใน 3 ดังนั้น หากนายทักษิณ ผ่านหลักเกณฑ์
ก็จะเหลือโทษ 1 ใน 3 ของ 1 ปี และหากได้รับการพักการลงโทษ
ก็จะเป็นไปตามขั้นตอน คือ ราชทัณฑ์นำตัวไปรายงานต่อเจ้าพนักงานคุมประพฤติ
ภายใน 3 วัน เพื่อกำหนดนัดหมายวันเวลาสำหรับการรายงานตัวรายเดือน
ส่วนเรื่องการติดหรือไม่ได้ติดกำไล
(EM) ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพนักงานคุมประพฤติ แต่ในกรณีของนายทักษิณ
เป็นผู้ต้องขังสูงวัยที่ป่วยรุมเร้าด้วย 4 โรคเรื้อรัง
และยังเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และสำนึกในการกระทำความผิด
เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี
จึงเป็นไปได้ว่าจะไม่เข้าข่ายต้องติดกำไล EM
แต่อาจจะพ่วงเงื่อนไขไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับงานการเมืองใดๆ แหล่งข่าวระดับสูงเผยอีกว่า อย่างไรก็ตาม
ความเป็นไปได้ที่นายทักษิณจะพ้นโทษและได้รับการปล่อยตัวทันที คือ
กรณีมีพระราชกฤษฎีกา ประกาศลงราชกิจจานุเบกษา
โดยการพระราชทานอภัยโทษเป็นการทั่วไป ในวาระโอกาสสำคัญ เช่น วันที่ 13 ต.ค.
หรือ วันที่ 5 ธ.ค. เป็นต้น
ซึ่งจะต้องดูรายละเอียดแนบท้ายด้วยว่ามีสาระเนื้อหาการยกเว้นอื่นใดหรือไม่
แต่ทั้งหมดเป็นเรื่องของพระราชอำนาจ
พระราชทานอภัยลดโทษ นช.ทักษิณ เหลือ 1 ปี "อิ๊งค์" สํานึกในพระมหากรุณาธิคุณ
พระราชทานอภัยลดโทษ
“ทักษิณ ชินวัตร” ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
หลังจากเป็นนักโทษเด็ดขาดตามคำพิพากษาจำคุก 8 ปี ลดโทษเหลือจำคุก 1 ปี
“วิษณุ” ชี้ หลังจากนี้จะดำเนินการตามปกติเหมือนนักโทษทั่วไป
เมื่อนายทักษิณหายป่วยจะกลับเข้าเรือนจำ
ถ้าอาการป่วยไม่ดีขึ้นก็ต้องรักษาตัวต่อไป ด้าน “เศรษฐา” นายกรัฐมนตรี
แสดงความยินดีกับครอบครัวชินวัตร คาดสภาพจิตใจน่าจะดีขึ้น
กรณีนายทักษิณ
ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตัดสินใจเดินทางกลับประเทศไทยเป็นครั้งแรกในรอบ
15 ปีเข้ารับโทษในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ตามคำพิพากษา 3 คดีรวม 8 ปี
ตรวจร่างกายเบื้องต้นพบมีโรคประจำตัว 4 โรค ระหว่างอยู่ในเรือนจำ 13 ชม.
อาการป่วยกำเริบ แน่นหน้าอก ความดันสูง ประกอบกับ เป็นโรคหัวใจ
ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่มีแพทย์เฉพาะทาง ตัดสินใจส่งรักษาตัวที่ชั้น
14 หอผู้ป่วยพิเศษระดับสูง อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา
โรงพยาบาลตำรวจ จนมีกระแสต่อต้านกล่าวหาว่าไม่ได้ป่วยจริง
นอกจากนี้ยังมีข่าวการขอพระราชทานอภัยโทษออกมาอย่างต่อเนื่อง ต่อมานายวิษณุ
เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมาเปิดเผยว่า
นายทักษิณยื่นขอพระราชทานอภัยโทษแล้ว ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ความคืบหน้าจากทำเนียบรัฐบาล
เมื่อเวลา 14.09 วันที่ 1 ก.ย. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี
ทำหน้าที่ รมว.ยุติธรรม
กล่าวให้สัมภาษณ์ก่อนหน้าจะโปรดเกล้าฯอภัยลดโทษนายทักษิณ ชินวัตร
อดีตนายกฯว่า เรื่องนี้ขอไม่ตอบ
มันไม่สมควรที่เราจะไปคอมเมนต์หรือไปพูดตรงไหนและการถวายฎีกาคือ
การติดต่อระหว่างนักโทษกับพระเจ้าอยู่หัวเรา อย่าไปวิจารณ์ตรงนั้น
ข้อความเขาไม่เอามาเปิดเผยกัน
ธรรมเนียมของการขอพระราชทานอภัยโทษจะบอกเพียงว่า
ขอพระราชทานอภัยโทษจะไม่เขียนอย่างอื่น การอภัยโทษมี 3 อย่างคือ ลดโทษ
เปลี่ยนโทษ และปล่อยตัวจะมีเงื่อนไข ถามว่า
จะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวทำให้สังคมเกิดความแตกแยกหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า
เป็นสิทธิที่นักโทษพึงมี ถ้าป่วยจริงถือเป็นสิทธิธรรมดาไม่ใช่อภิสิทธิ์
นักโทษธรรมดาส่งไปโรงพยาบาลตั้งเยอะแยะ
ต่อมาเวลา 15.20 น.
เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชหัตถเลขาพระราชทานอภัยลดโทษความว่า
ตามที่นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร
ยื่นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษว่า
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาจำนวน 3 คดี
คดีที่ 1 คดีหมายเลขแดงที่ อม.4/2551 ความผิดต่อหน้าที่ราชการ
กำหนดโทษจำคุก 3 ปี คดีที่ 2 คดีหมายเลขแดงที่ อม.10/2551
ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ
ความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ
กำหนดโทษจำคุก 2 ปี ซึ่งคดีที่ 1 กับคดีที่ 2
นับโทษซ้อนกันรวมกำหนดโทษจำคุก 3 ปี และคดีที่ 3 คดีหมายเลขแดงที่
อม.5/2551 ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ
การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวมกำหนดโทษจำคุก 5 ปี
รวมกำหนดโทษจำคุก 8 ปี รับโทษมาแล้ว 10 วัน เหลือโทษจำคุก 7 ปี 11 เดือน 20
วัน อยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
ความว่า
เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน
ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน
มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
เมื่อถูกดำเนินคดีและศาลมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกดังกล่าว
ด้วยความเคารพในกระบวนการยุติธรรม ยอมรับผิดในการกระทำ
มีความสำนึกในความผิด จึงขอรับโทษตามคำพิพากษา
ขณะนี้อายุมากมีปัญหาสุขภาพเจ็บป่วยต้องเข้ารักษาพยาบาลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนั้น
ซึ่งความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว
จึงพระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษให้นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร
เหลือโทษจำคุกต่อไปอีก 1 ปีตามกำหนดโทษตามคำพิพากษา
เพื่อจะได้ใช้ความรู้ความสามารถ
ประสบการณ์ช่วยเหลือและทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ สังคมและประชาชนสืบไป
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหา วชิราลงกรณ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พล.อ.ประยุทธ์
จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ต่อมาเวลา 16.00 น.
นายวิษณุให้สัมภาษณ์อีกครั้งผ่านทางโทรศัพท์ภายหลังเว็บไซต์ราชกิจจา
นุเบกษาเผยแพร่พระราชทานอภัยลดโทษนายทักษิณเหลือ 1 ปีว่า
ขั้นตอนหลังจากนี้จะดำเนินการตามปกติเหมือนนักโทษทั่วไป
เมื่อนายทักษิณหายป่วยจะกลับเข้าเรือนจำ
ถ้าอาการป่วยไม่ดีขึ้นก็ต้องรักษาตัวต่อไป
เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วบังคับใช้ได้ทันที
ตั้งแต่วันที่โปรดเกล้าฯลงมา
ที่พรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา
ทวีสิน นายก รัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษว่า เห็นบอกว่าลดโทษเหลือ 1 ปีใช่หรือไม่
ก็ยินดีกับครอบครัวด้วย ครอบครัวน่าจะสบายใจขึ้น
เพราะเห็นว่านายทักษิณเป็นความดันสูงซึ่งน่าเป็นห่วง
และสภาพจิตใจของนายทักษิณน่าจะดีขึ้น
นายวิญญัติ
ชาติมนตรี ทนายความของนาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
เผยทางโทรศัพท์กรณีราชกิจจานุเบกษาลงประกาศพระบรมราชโองการพระราชทานอภัยลดโทษนายทักษิณ
ชินวัตร เหลือจำคุก 1 ปีว่า ได้ทราบข่าวจากการประกาศราชกิจจา นุเบกษา
วันนี้ทนายความยังไม่ได้เดินทางไปเยี่ยม
แต่ผลที่ประกาศราชกิจจานุเบกษาดังกล่าวถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยเมตตาให้นายทักษิณ
เรื่องดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนที่กรมราชทัณฑ์ต้องนำไปดำเนินการต่อไป
หลังจากนี้ต้องขอร้องประชาชนคนไทยไม่สมควรวิพากษ์วิจารณ์
หรือออกมาโต้แย้งคัดค้านใดๆ
เพราะอาจเป็นก้าวล่วงหรือละเมิดพระราชอำนาจพระมหากษัตริย์ในส่วนคดีที่ยังค้างพิจารณาอยู่
ไม่ว่าเป็นชั้นสอบสวนหรือชั้นศาล
ทางทนายความจะดำเนินการในฐานะจำเลยหรือผู้ถูกกล่าวหาตามสิทธิของกระบวนการยุติธรรมทางอาญา
เรื่องใดในชั้นสอบสวน จะร้องขอความเป็นธรรม
และขอให้สอบสวนต่อพนักงานอัยการ
เนื่องจากต้องให้โอกาสผู้ต้องหาต่อสู้คดีอาญาอย่างเต็มที่
ส่วนคดีที่อยู่ระหว่างพิจารณาในชั้นศาล
หากมีคดีที่สามารถถอนฟ้องหรือยอมความได้ต้องดำเนินการเพื่อหาข้อยุติตามกฎหมายต่อไป
ผมจะเดินทางไปเยี่ยมนายทักษิณอีกครั้งต้นสัปดาห์หน้า” นายวิญญัติกล่าว
เย็นวันเดียวกัน
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาว นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ข้าพเจ้า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายทักษิณ ชินวัตร
และครอบครัว รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
และนายทักษิณ ชินวัตร จะใช้ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ ทั้งชีวิต
ทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ สังคม ประชาชน
และรับใช้สถาบันพระมหากษัตริย์สืบไป ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
วันเดียวกันสำนักข่าวต่างประเทศรายงานอ้างเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาว่า
พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10
ทรงมีพระมหากรุณาอภัยลดโทษนักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร
อดีตนายกรัฐมนตรี เหลือโทษจำคุกต่อไป 1 ปี จากเดิม 8 ปี
เนื่องจากเคยทำคุณประโยชน์ให้ประเทศชาติ ประชาชน
และจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมทั้งแสดงให้เห็นว่า
เคารพกระบวนการยุติธรรม ยอมรับความผิดและน้อมรับคำตัดสินของศาล
นอกจากนี้ยังมีโรคประจำตัวที่ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์
สื่อต่างประเทศยังระบุด้วยว่า
นายทักษิณ อดีตนายก รัฐมนตรี วัย 74 ปี
ทำเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษเมื่อวันก่อน
หลังจากเดินทางกลับประเทศไทยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว
และถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ
ต่อมาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจเนื่องจากอาการเจ็บหน้าอกและความดันโลหิตสูงจนถึงปัจจุบัน
โผ ครม.เศรษฐา 1 "เสี่ยนิด" นายกฯ ควบ รมว.คลัง-"วราวุธ" นั่ง รมว.พาณิชย์
ผ "ครม.เศรษฐา 1"
เก้าอี้กระทรวงใหญ่ เริ่มชัดแล้ว "เสี่ยนิด" นายกฯ ควบ รมว.คลัง อีกตำแหน่ง
เพื่อเดินหน้า ดิจิทัลวอลเล็ต หมื่นบาท "วราวุธ" แนวโน้มสูง นั่ง
รมว.พาณิชย์ "อนุทิน"ยังไม่แน่ นั่ง รมว.มหาดไทย รทสช.ได้
"พลังงาน-แรงงาน" วันที่
24 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทย (พท.) การแบ่งโควตาคณะรัฐมนตรี
(ครม.) ว่า การแบ่งเก้าอี้ ครม. โดย นายเศรษฐา ทวีสิน ว่าที่นายกรัฐมนตรี
จะควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และมี นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล
เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการ (รมช.) เพื่อขับเคลื่อนนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000
บาท ตามที่พรรคได้หาเสียงไว้
ขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค เมื่อลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทยแล้ว ก็อาจจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรค เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเศรษฐกิจและสังคม
โดยกระทรวงคมนาคม ขณะนี้มีชื่อ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย
ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศเป็น นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค ชัดเจน ได้เป็นรัฐมนตรี แต่ยังไม่ชัด เป็นกระทรวงใด
นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านพื้นที่กรุงเทพมหานคร (มาดามนครบาล) เป็นกระทรวงวัฒนธรรม
ขณะที่ พรรคพลังประชารัฐ
(พปชร.) มี สส. 40 คน จะได้รัฐมนตรี 4 ตำแหน่ง แต่มีผู้ต้องการเกินโควตา
คือ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ร.อ.ธรรมนัส
พรหมเผ่า น.ส.ตรีนุช เทียนทอง นายสันติ พร้อมพัฒน์ และนายไผ่ ลิกค์
จึงยังคุยกันไม่ลงตัว มีตำแหน่งคาดว่า ลงตัวแล้ว พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ
ประธานที่ปรึกษาพรรค นั่งรองนายกฯ ควบ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำหรับ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)
ได้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม ชัดเจน
พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ
จะรับตำแหน่งรมว.พลังงาน ส่วน ม.ล.ชโยทิต กฤดากร
จะรับตำแหน่งรมว.อุตสาหกรรม
พรรคภูมิใจไทย ยังมีสิทธิ
ได้ตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่ต้องดูการเจรจา ระหว่างพรรค
เพื่อไทย กับ พรรค พปชร.เกี่ยวกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะจบลงอย่างไร
เพราะหากพรรคเพื่อไทย ไม่ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับพรรค พปชร.
อาจยกกระทรวงดังกล่าวให้กับพรรคภูมิใจไทย
นอกจากนี้ยังจะได้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
พรรคชาติไทยพัฒนา
(ชทพ.) จะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
ซึ่งมีชื่อของ นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค เป็นผู้รับตำแหน่ง
หรือไม่ก็เป็น รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ขณะที่ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี
คาด กระจายให้ผู้บริหารแต่ละพรรค ทั้ง พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ
ประธานที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐ และนายอนุทิน ชาญวีรกูล
หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
ยืนยัน "ทักษิณ" ย้ายไปรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจแล้ว เนื่องจากอาการป่วยกำเริบ
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยืนยัน "ทักษิณ" ย้ายไปรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจแล้ว เนื่องจากอาการป่วยกำเริบในช่วงกลางดึก ทางโรงพยาบาลเตรียมแถลงข้อมูลชี้แจง
วันที่
23 สิงหาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีข่าวลือ รายงานว่า
อดีตนายายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ถูกย้ายตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจในช่วงกลางดึก
ดังที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น (ลือสะพัด "ทักษิณ" ป่วยกลางดึก ย้ายไปรักษาตัวโรงพยาบาลตำรวจ)
ล่าสุด
นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้ยืนยันกับไทยรัฐออนไลน์ว่า
ย้ายไปกลางดึกแล้ว โดยได้รับรายงานจาก ผบ.เรือนจำว่า
นายทักษิณมีอาการป่วยกำเริบกลางดึก จึงย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ
ช่วงเวลาประมาณ 01.00-02.00 น. ในวันที่ 23 ส.ค. ซึ่งจะรีบชี้แจงรายละเอียด
และทางโรงพยาบาลตำรวจจะแถลงอีกครั้ง
เมื่อถามถึง
กรณีที่อาการดีขึ้น จะต้องกลับมาเรือนจำไหม ทางอธิบดีกล่าวว่า
ต้องกลับมาตามจำคุกที่เรือนจำ แต่อยู่ที่การวินิจฉัยของแพทย์ และตำรวจ
อย่างไรก็ตาม หากมีรายงานเพิ่มเติม ไทยรัฐออนไลน์ จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง.
เพื่อไทย มั่นใจได้เสียงหนุน “เศรษฐา ทวีสิน” เกิน 375 รอแถลงเป็นทางการ
เพื่อไทย มั่นใจได้เสียงหนุน
“เศรษฐา ทวีสิน” เกิน 375 เสียง คณะเจรจาเดินสายคุยทุกพรรคการเมือง ได้
314 พร้อมคืบหน้าคุยขอเสียง สว.เป็นไปด้วยดี
รอทุกพรรคแถลงข่าวร่วมเป็นทางการ ก่อนโหวตนายกฯ 22 ส.ค.นี้
เมื่อวันที่
18 ส.ค. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า
วันเดียวกันนี้ทีมเจรจาของพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว
หัวหน้าพรรค, นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง
เลขาธิการพรรค ได้เดินสายพูดคุยกับพรรคการเมืองต่างๆ
ที่แสดงตัวสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย เพื่อยืนยันเสียงสนับสนุน
นายเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งทุกพรรคยืนยันสนับสนุน
ทำให้ตอนนี้มีเสียงที่แน่นอนแล้ว 314
นอกจากนี้ยังได้ไปพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และขอเสียงสนับสนุนจาก สว.
ซึ่งมีความคืบหน้าไปได้ด้วยดี ทำให้ทางพรรคเพื่อไทยมั่นใจว่าวันที่ 22 ส.ค.
จะมีเสียงเกินหนึ่งของรัฐสภา
โดยหลังจากนี้เมื่อทุกอย่างชัดเจนแล้วพรรคเพื่อไทยจะเชิญตัวแทนทุกพรรคที่ร่วมสนับสนุนมาแถลงข่าวร่วมกับพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นทางการ
ก่อนโหวตเลือกนายกฯ วันที่ 22 ส.ค.
"รังสิมันต์" ยัน เดินหน้าญัตติ เสนอชื่อซ้ำ ย้ำจุดยืน ไม่หนุน "เศรษฐา"
"โรม"
ยัน เดินหน้าญัตติ เสนอชื่อซ้ำ ยังไม่ตอบพร้อมเป็นฝ่ายค้าน
รอดูพรรคร่วมรัฐบาล ย้ำจุดยืน ไม่หนุน "เศรษฐา" ทุกแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย
รับผิดหวัง แต่ต้องมูฟออน บอก ไม่อยากให้ไปถึง รัฐบาลลุง สังคมรับไม่ไหว
วันที่
18 ส.ค. ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล
ยืนยันว่า จะยังเดินหน้าในญัตติที่เคยยื่นไว้
เรื่องการพิจารณาเสนอชื่อนายกฯ ซ้ำ มองว่า คำวินิจฉัยของศาล คือ
ยังไม่วินิจฉัย สภา ยังสามารถทบทวนได้ และการประชุมวันนี้
ก็จะหารือกับนายวันมูหะมัดนอร์ เพื่อขอเวลาและโอกาสในการพิจารณาญัตติ
หากถ้าเกมการโหวตออกมาในรูปเดิม
นายรังสิมันต์ บอกว่า คงทำอะไรไม่ได้ และคงไม่เสนอญัตติซ้ำ
หากสภายังยึดถือบรรทัดฐานแบบนี้ ก็คงต้องยอมรับไปก่อน
และอนาคตค่อยมาว่ากันอีกที
ส่วนพร้อมจะไปเป็นฝ่ายค้านเลยหรือไม่
หากกระบวนการโหวตนายกฯ สำเร็จ นายรังสิมันต์ บอกว่า ฝ่ายค้านจะเกิดขึ้นได้
ต้องมีฝ่ายรัฐบาลก่อน ซึ่งต้องรอดูในวันที่ 22 สิงหาคม นี้
เมื่อถามถึง
การที่พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ ชัดเจนแล้วว่า
จะร่วมสนับสนุนพรรคเพื่อไทย เรื่องนี้พรรคก้าวไกล ยังไม่ได้มีการประชุม
แต่จะมีการนัดประชุม ย้ำจุดยืนพรรคยังเหมือนเดิม จะไม่โหวตให้แคนดิเดตนายกฯ
จากพรรคเพื่อไทย ไม่ว่า นายเศรษฐา หรือใครก็ตาม เพราะยืนยันไปหลายครั้งว่า
"มีลุง ไม่มีเรา"
ส่วนในวันโหวตจะถึงขั้นวอล์กเอาต์หรือไม่
นายรังสิมันต์ บอกว่า ยังไม่ได้คิด เบื้องต้นต้องทำหน้าที่การประชุม
และอยู่ในกลไกปกติ แต่อย่างไรคงต้องประชุมในพรรคอีกครั้ง
เมื่อถามถึงการพูดคุยถึงตำแหน่งรองประธานสภา
ของนายปดิพัทธ์ สันติภาดา นายรังสิมันต์ บอกว่า
การประชุมพรรคยังไม่ได้พูดคุยตำแหน่งรองประธานสภา ว่าจะอย่างไร
เพราะต้องมีรัฐบาลก่อน มองว่า หากจะตัดสินใจอะไรในเรื่องพวกนี้
ใช้เวลาแค่แป๊บเดียวเท่านั้น
ส่วนความรู้สึกของ
สส. ในพรรคตอนนี้ บอกว่า เราได้รับความรู้สึกของประชาชนมาค่อนข้างเยอะ
และก็รู้สึกแบบเดียวกันกับเรา มาถึงจุดนี้ยังอยู่แบบเดิม เพิ่มเติม คือ
พรรคการเมืองที่จะเป็นพันธมิตร นำมาซึ่งความผิดหวัง แต่เราต้องมูฟออน
เมื่อถามว่า
ในอนาคตจะทำงานกับพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ นายรังสิมันต์ บอกว่า
เป็นกลไกของสภา เพราะกฎหมายที่เสนอไปหลายฉบับ ก็ต้องขอเสียงจากทุกฝ่าย
ย้ำว่า หากต้องเป็นฝ่ายค้านจริงก็ต้องทำหน้าที่ฝ่ายค้าน
ส่วนสถานการณ์เสียงของ
สว. ตอนนี้ ดูเหมือนไม่อยากโหวตให้นายเศรษฐา
จะส่งผลให้หลุดไปยังพรรคพลังประชารัฐ ที่จะเสนอ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ
เป็นนายกฯ หรือไม่ นายรังสิมันต์ บอกว่า ไม่อยากให้ไปถึงขั้นนั้น
เป็นรัฐบาลลุง เพราะยากที่สังคมจะรับไหว
สำหรับสถานการณ์การชุมนุมหลังโหวตนายกฯ
เสร็จสิ้น นายรังสิมันต์ บอกว่า ยังตอบไม่ได้ว่า จะเกิดขึ้นหรือไม่
เพราะยังไม่เห็นหน้าตารัฐบาล ว่า มีพรรคการเมืองไหน ได้กระทรวงอะไรบ้าง
“เพื่อไทย” ตีปี๊บสลายขั้ว ชวนทุกพรรคทุกกลุ่มหนุนตั้งรัฐบาลพิเศษ
แก้วิกฤติชาติ ดับไฟขัดแย้ง 20 ปี อ้อนขอ เสียงโหวต สว. และ
สส.ทุกพรรคทุกค่ายเป็นรายบุคคล ไม่เหมารวมพรรค ตั้งโต๊ะโชว์ตัว 6 พรรคร่วมฯ
238 เสียง ได้พรรค ชทพ.มาสมทบ “ชลน่าน” โอ่มีเสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว
แต่ยังอ้าแขนรับทุกเสียงโหวต “ภูมิธรรม” วอนข้ามเส้นงูเห่า ไม่มีขั้ว
ไม่มีลุง พร้อมขอขมาง้อขอเสียง สส.พรรคก้าวไกล เพื่อประเทศเดินหน้า “เสรี”
ยกสามก๊ก แนะเปิดรับเลี้ยงดูไพร่พลพรรคลุง “แพทองธาร”
นำทีมแกนนำเดินข้ามตึกหารือขอเสียงหนุนจาก ก.ก. “อุ๊งอิ๊ง” บอกคุยกันด้วย
เหตุผลแบบผู้ใหญ่
ไม่ใช่การเล่นเกมการเมืองแต่ยังไร้คำตอบเพื่อนเก่าเทเสียงให้หรือไม่ “พิธา”
ออกตัวไร้ข้อสรุป แค่รับฟังกันแบบมืออาชีพอย่างตั้งใจและมีวุฒิภาวะ
กกต.ตีตก 3 คำร้องยุบ พท.-ก.ก.-พปชร.พรรคเพื่อไทย
(พท.) ทยอยเปิดตัวพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล
โดยเดินหน้าขายแนวคิดสลายขั้วการเมือง เพื่อขอเสียงสนับสนุนจากทั้ง
สส.ทุกพรรค และสว. เพื่อโหวตเลือกแคนดิเดตนายกฯของพรรค
พท.และจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรค พท.เป็นแกนนำ
ขอให้ยึดวาระประเทศไทยและประชาชนเป็นหลัก
โดยได้รับการตอบรับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
...“พลังสังคมใหม่” รับร่วม รบ.เพื่อไทย
เมื่อเวลา
08.40 น. วันที่ 8 ส.ค. นายเชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ
หัวหน้าพรรคพลังสังคมใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคเพื่อไทย (พท.)
ทาบทามให้เข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลว่า ได้ตอบรับเรียบร้อยแล้ว
พรรคไม่ได้มีเงื่อนไขใด ยินดีเข้าร่วมเพื่อจัดตั้งรัฐบาลให้ได้เร็วที่สุด
หากการตั้งรัฐบาลนี้ต้องมีพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และพรรครวมไทยสร้างชาติ
(รทสช.) มาร่วม พรรค พท.ได้ละลายความขัดแย้ง
นำศัตรูมาเป็นมิตรเพื่อให้สามารถตั้งรัฐบาลได้สำเร็จด้วยดี
เชื่อว่าน่าจะมีเสียงสนับสนุนเพียงพอ ส่วนนายเศรษฐา ทวีสิน
แคนดิเดตนายกฯพรรค พท.จะมีปัญหาถูกร้องเรียนภาษีที่ดิน 500 ล้านบาท
ไม่กังวลเป็นธรรมดาของการเสียภาษี กรมสรรพากรมีอัตราการเสียภาษีอยู่แล้ว
นายเศรษฐาไม่กังวลอะไร ไม่ติดใจเรื่องนี้ เชื่อว่าคุณสมบัติยังครบถ้วนอยู่
พรรค พท.ยังหวังเสียง สว.ที่ประสานอยู่ คงจะได้เสียงพอในครั้งนี้
จะเชิญใครมาร่วมอีกหรือไม่ ไม่ได้ถามเป็นสิทธิของพรรค
พท.จะเชิญพรรคใดมาร่วมรัฐบาลให้สำเร็จ
มั่นใจแก้ รธน.ไม่กระทบเสียง สว.
เมื่อถามว่าพรรค
พท.ระบุจะแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ
จะกลายเป็นชนวนความขัดแย้งในเวลานี้หรือไม่ นายเชาวฤทธิ์กล่าวว่า
เชื่อว่าการแก้ไขต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปีขึ้นไป สว.จะหมดวาระเดือน พ.ค.
67 จึงไม่น่าจะกังวล กว่าจะมีรัฐธรรมนูญประกาศ ใช้เวลา 4-5 ปี สำหรับ
สส.ชุดที่ 26 ส่วนท่าทีพรรคก้าวไกล (ก.ก.)
จะยกมือโหวตหนุนนายกฯจากพรรคเพื่อไทยให้หรือไม่ พรรค
ก.ก.สอบถามความเห็นคนในพรรคไปแล้ว จะมีมติสนับสนุนพรรค
พท.หรือไม่เป็นเอกสิทธิ์ของ สส. เชื่อว่าหากตั้งรัฐบาลได้รวมเสียงได้
260-270 เสียง ไม่เป็นเสียงปริ่มน้ำ เพราะรัฐบาลชุดที่แล้วรวมเสียงได้เพียง
255-256 เสียง ยังอยู่ได้ครบ 4 ปี อยู่ที่
สส.พรรคร่วมรัฐบาลขัดแย้งกันหรือไม่

2 พรรคจิ๋วถูกทาบแต่ยังไม่ตัดสินใจ
นายสุรทิน
พิจารณ์ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ เปิดเผยว่า
มีคนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) โทรศัพท์มาชักชวนเข้าร่วมรัฐบาล
แต่ยังไม่ให้คำตอบจะเข้าร่วมหรือไม่ มีประเด็นต้องพิจารณาความชัดเจน อาทิ
ตัวบุคคลที่จะเสนอเป็นนายกฯ ถ้าเป็นนายเศรษฐา ทวีสิน
แคนดิเดตนายกฯมีประเด็นต้องพิจารณาข้อมูลที่มีการกล่าวหา
การเลือกนายกฯของประเทศไม่อยากให้มีข้อผิดพลาด
จะโหวตเห็นชอบได้หรือไม่ยังประเมินอยู่ หากนายกฯพรรค
พท.มีปัญหาแล้วเปลี่ยนเป็นนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท.
อาจมีปัญหาอีก เพราะมีประเด็นถูกตรวจสอบ แต่หากเปลี่ยนเป็น พล.อ.ประวิตร
วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อาจเป็นไปได้
เบื้องต้นทราบว่าจะนัดโหวตอีกครั้งวันที่ 18 ส.ค.
นายกฤดิทัช
แสนธนโยธิน สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคใหม่ กล่าวว่า
มีบางพรรคโทรศัพท์มาชวนให้ร่วมจัดตั้งรัฐบาล แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจ
ยังรอความชัดเจนจากพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
ประสานให้เข้าร่วมเป็นรัฐบาลโดยตรง
พรรคใหม่ไม่ติดใจจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล
ที่ผ่านมาเน้นทำนโยบายเพื่อประชาชน ไม่หวังตำแหน่งใดๆ
ครูไทยฯยังไม่ได้รับเทียบเชิญ
นายปรีดา
บุญเพลิง สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคครูไทยเพื่อประชาชน กล่าวว่า
ขณะนี้ยังไม่มีพรรคการเมืองใดต่อสายให้ไปร่วมสนับสนุนจัดตั้งรัฐบาล
พรรคครูไทยเพื่อประชาชน มี สส.เสียงเดียว จึงอาจไม่สนใจ
การจัดตั้งรัฐบาลแม้เปลี่ยนขั้ว แต่ยังดูไม่ราบรื่นถือเป็นปกติของการเมือง
แต่หากพรรคอันดับ 1 จัดตั้งไม่ได้ ต้องส่งต่อให้พรรคอันดับ 2
หากยังไม่ได้ต้องส่งไม้ต่อไปพรรคลำดับอื่นไปเรื่อยๆจนถึงนายกฯคนนอก
พรรคที่ตั้งไม่ได้ต้องถอย แต่ไม่ใช่ถอยไปลงถนน
“วราวุธ” ตอบรับร่วมวงหารือ
นายวราวุธ
ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์ว่า พรรค
พท.นัดหารือถึงแนวทางทำงานร่วมกันที่รัฐสภา วันที่ 10 ส.ค.เวลา 09.30 น.
จากนั้นจะมีแถลงข่าวร่วมกันเวลา 10.00 น.
ยังตอบไม่ได้ว่าจะตอบรับการรวมเป็นรัฐบาลหรือไม่
ต้องขอคุยแนวทางร่วมกันอีกครั้งก่อน เมื่อถามว่าพรรค
พท.เตรียมดึงเสียงสนับสนุนจากพรรค ก.ก.ช่วยโหวตนายกฯ นายวราวุธตอบว่า
หากเป็นเช่นนั้นต้องพิจารณาอีกครั้ง ยังตอบไม่ได้และเหตุการณ์ยังไม่เกิด
ต้องรอดูสถานการณ์อีกครั้ง พรรค
ชทพ.เคยให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืนของพรรคไปก่อนหน้านี้แล้ว
“อ้วน” ชวนตั้ง รบ.พิเศษสลายขั้ว
เมื่อเวลา
09.55 น. ที่รัฐสภา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค
พท.ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดตั้งรัฐบาลว่า ได้เสนอให้จัดตั้งรัฐบาลแบบพิเศษ
ไม่ใช่การเปลี่ยนขั้ว แต่เป็นการสลายขั้วทั้งหมด
อยากให้ทุกคนร่วมกันหาทางออก นี่คือโอกาสทำให้ความขัดแย้งที่มีอยู่ 20
กว่าปีสลายไป เป็นโอกาสที่เราจะแก้ไขวิกฤติรัฐธรรมนูญแก้ไขปัญหาประชาชน
พรรค พท.ได้รับโอกาสจัดตั้งรัฐบาล หวังเสนอนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ
พรรค พท.หวังเป็นแกนกลางดึงทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วม แถลงการณ์พรรค
พท.ชัดเจน ต้องการทุกพรรคทุกฝ่ายมาร่วมกันให้พรรค
พท.เป็นแกนนำและส่งนายเศรษฐาเป็นนายกฯได้ จะเร่งแก้ไขปัญหาของประเทศ
ดึงนโยบายที่ดีของทุกพรรคมาดำเนินการ การแถลงวันที่ 9 ส.ค.
จะมีพรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) ร่วมด้วย
ขณะที่พรรคเพื่อไทรวมพลังแจ้งว่าอยู่ต่างจังหวัด ฉุกละหุกเกินไป
ไม่เป็นอะไร เพราะไม่ใช่ที่สิ้นสุด จะมีการแถลงต่อไปเรื่อยๆ
จนวันที่คิดว่าไปไม่ได้แล้ว
ง้อ ก.ก.หนุนนายกฯ ยินดีขอขมา
นายภูมิธรรมกล่าวว่า
ส่วนพรรคก้าวไกล ได้ติดต่อประสานงาน
อยากพูดคุยกันว่าวาระสำคัญของประเทศเป็นแบบนี้
อยากทำให้ความต้องการของประชาชนบรรลุ อยากให้ร่วมแสดงเจตจำนง
ในการโหวตครั้งนี้ด้วย ไม่ว่าอะไรที่เคยเป็นปัญหา ที่อาจมีส่วนกับพรรค
พท.หรือกับตน เรายินดีจะไปขอโทษ ขอขมาและยินดีจะไปแสดงความต้องการ
ความคิดเห็นทางออกวิกฤติของประเทศชาติ หรือจะให้ไปที่พรรค ก.ก.ยินดี
เรายินดีไปทุกพรรคถ้าคือทางออกของประเทศ เราคิดเรื่องใหญ่ของประเทศเป็นหลัก
ไม่ได้คิดเรื่องเล็กๆน้อยๆหรือตัวบุคคลเป็นสำคัญ ถ้าเราอยากทำงานใหญ่
ต้องคิดใหญ่ด้วย ต้องมองข้ามความขัดแย้ง
ไม่ว่าเรื่องไล่หนูตีงูเห่าหรือความขัดแย้งหลายอย่างต้องเอาวาระประเทศและประชาชนเป็นที่ตั้ง
ถ้าแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ ประเทศไทยคงนับหนึ่งและเดินหน้าต่อไปได้
ทางเลือกมีไม่มาก-มีต้นทุนต้องจ่าย
นายภูมิธรรมกล่าวอีกว่า
เราติดต่อทุกพรรค ได้รับการตอบรับค่อนข้างดีในจุดเริ่มต้น
แต่จะมีรายละเอียดที่ต้องทำความเข้าใจกัน
ปัญหาความมั่นใจว่าเราจริงใจที่จะทำหรือไม่ พรรค
พท.ยินดียืนยันจะทำตามเจตจำนง ตัวเลขคณิตศาสตร์เห็นชัดเจนอยู่แล้ว
ถ้าตั้งรัฐบาลไม่ได้
มีทางเลือกไม่กี่ทางและหลายทางเลือกถ้าจะทำให้รัฐบาลตั้งได้โดยยึดวาระประเทศเป็นที่ตั้ง
จำเป็นต้องเป็นไปในทางใดทางหนึ่ง มีต้นทุนที่ต้องจ่ายทั้งนั้น
อาจมีเรื่องที่ประชาชนไม่สบายใจก็ได้ พรรค พท.ยอมทุกอย่างที่จะทำได้
เรายินดีร่วมกับทุกพรรค ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายอิสระ
มีเรื่องเดียวมาตรา 112หรือเรื่องเกี่ยวกับสถาบันหลักเราจะไม่แตะต้อง
เพราะเป็นจุดศูนย์รวมของประเทศ ถ้าเสนอเรื่องนี้มา คงเข้าร่วมไม่ได้
อ้อมแอ้มไม่มีขั้ว ไม่มีลุง
เมื่อถามว่า
ที่ระบุว่าหากจำเป็นให้ประเทศต้องเดินหน้าต่อไปได้
อาจต้องร่วมงานกับพรรคสองลุงใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า
พูดชัดเจนแล้วว่าวันนี้เราพูดคุยกับทุกฝ่าย เราสลาย เราไม่มีขั้วไม่มีลุง
อะไรก็ได้ที่ร่วมมือกัน ทางที่ดีที่สุดคือให้ตอบสนองการจัดตั้งรัฐบาล
เพื่อแก้ปัญหาประเทศได้ พยายามทำให้เจตนารมณ์ของประชาชนสัมฤทธิผลมากที่สุด
เท่าที่คุยทุกพรรคยังไม่มีใครบอกว่าไม่ร่วม ทุกคนบอกว่าอยากฟังรายละเอียด
เมื่อถามว่าที่ต้องขอเสียงพรรค ก.ก.แสดงว่าเสียง สว.ไม่พอ
นายภูมิธรรมตอบว่า ตนเรียกร้องเป็นรายบุคคล ทั้งกลุ่มการเมือง
ทั้งพรรคการเมือง ทั้ง สส.และ สว.
อยากให้จุดนี้เป็นจุดเริ่มต้นแก้ปัญหาความขัดแย้งที่มีมา 20 ปี พรรค
พท.อาสาและมีต้นทุนที่ประชาชนต้องตรวจสอบ
ถ้าทำไม่ได้อนาคตประชาชนจะตรวจสอบและตัดสินพรรค พท.เอง
ข้ามเส้นงูเห่าลุยสยบไฟขัดแย้ง
เมื่อถามว่าจะเรียกแนวทางขอคะแนนโหวตนายกฯ
แต่ไม่ร่วมรัฐบาลว่าอย่างไร เพราะมีเส้นแบ่งระหว่างงูเห่าในบางพรรค
นายภูมิธรรมกล่าวว่า เท่าที่คุยไม่มีใครเรียกร้องให้แบ่งกระทรวง ทบวง กรม
จะเห็นว่าการตั้งรัฐบาลครั้งนี้ ไม่ได้ยินว่าใครจะเอากระทรวงไหน
เราพูดในฐานะแกนนำว่าเราไม่คุยเรื่องกระทรวงกับใครปัญหาแย่งกระทรวงกันไม่เกิด
และวันนี้พิสูจน์ชัดเจนว่าเราจะเปลี่ยนกระบวนทัศน์ใหม่
เพื่อไปทำงานในจุดที่ใช้วาระของประชาชน ประเทศชาติเป็นที่ตั้ง
สลายขั้วเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ เพราะความขัดแย้ง 20 ปี เพียงพอแล้ว

พท.ชูสลายขั้วตั้ง รบ.ดับวิกฤติชาติ
ต่อมาเวลา
12.35น. ที่รัฐสภา พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว
หัวหน้าพรรค พท. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคนายประเสริฐ
จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค พท.พร้อมอีก 6 พรรค ประกอบด้วยพรรคประชาชาติ
พรรคชาติพัฒนากล้า พรรคเสรีรวมไทย พรรคพลังสังคมใหม่ พรรคท้องที่ไทย
พรรคเพื่อไทรวมพลัง ร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรค พท.
นพ.ชลน่านอ่านแถลงการณ์ว่า วันนี้พรรค พท.ได้รวบรวมเสียงเพิ่มเติม
และได้รับการสนับสนุนจาก 6
พรรคการเมืองและรวมเสียงโหวตได้มากกว่ากึ่งหนึ่งแล้ว พรรค
พท.และทุกพรรคคาดหวังอย่างยิ่งว่าจะคลี่คลายสถานการณ์
สลายขั้วการเมืองทุกฝ่าย ทั้ง สส.และ สว.
เพื่อเลือกนายกฯและจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ
ยืนยันจะทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์
โดยเฉพาะในสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความพิเศษ ต้องสลายขั้วการเมือง
ดึงความร่วมมือจากทุกพรรคทุกฝ่าย เพื่อจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรค พท. และนายกฯ
จากพรรค พท.เป็นแกนนำ เราอยากขอวิงวอน
ให้พี่น้องประชาชนมั่นใจในพรรคเพื่อไทย และพรรคที่สนับสนุนในครั้งนี้
เราจะช่วยกันฝ่าวิกฤติเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้
และประโยชน์สูงสุดแก่พี่น้องประชาชนทุกคน
เราหวังจะเห็นความสามัคคีของทุกฝ่ายในประเทศ
“สุวัจน์” อวย พท.ชอบธรรมตั้ง รบ.
นายสุวัจน์
ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา กล้า กล่าวว่า
เรายินดีตอบรับคำเชิญในการเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล ด้วยเหตุผล 5 ข้อ
คือพรรคพท.มีความชอบธรรม เมื่อพรรคอันดับที่หนึ่งไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้
จึงเป็นหน้าที่ของพรรค พท. และพรรค
พท.ยืนยันกับทุกพรรคว่าขณะนี้รวบรวมเสียงของ สส.ได้เกินกึ่งหนึ่งของสภาฯ
ที่ประชุมได้พูดถึงอย่างชัดเจนว่าจะไม่มีนโยบายใดๆที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 112 พรรคพท.มีความแน่วแน่แก้ไขปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ เกือบ 3
เดือนนับแต่การเลือกตั้งที่ผ่านมา
เรามีรัฐบาลรักษาการแต่มีขีดจำกัดในการบริหารประเทศ วิกฤติเศรษฐกิจรอไม่ได้
ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับต่างประเทศ นักลงทุนทั้งในและนอกประเทศ
ทั้งนี้พรรค ชพก.จะประชุมใหญ่พรรควันที่ 21 ส.ค.ที่ จ.นครราชสีมา
เลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่
หัวหน้าพรรคคนใหม่ต้องมีประสบการณ์ การเมือง เศรษฐกิจวิกฤติ
เมื่อถามว่าต้องกลับมาควบตำแหน่งหัวหน้าพรรคหรือไม่ นายสุวัจน์ตอบติดตลกว่า
“ก็ไม่เลวนะ”
“ทวี” ชี้มีนายกฯให้ได้ก่อนค่อยคิด รมต.
พ.ต.อ.ทวี
สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวว่า 8 พรรคเดิมตกลงจะเลือกพรรค
พท.เป็นนายกฯ เราตระหนักว่าพรรคอันดับ 1 และอันดับ 2 มีความชอบธรรม
ภารกิจขณะนี้จึงต้องช่วยกันส่งเสริมสนับสนุนพรรค
พท.เป็นแกนนำรวบรวมเสียงให้ได้ 375 เสียงขึ้นไป เพื่อให้ได้นายกฯ
จะนำไปสู่กระบวนการสรรหาผู้มาเป็นรัฐมนตรี และแก้ปัญหาประเทศ
วันนี้ปัญหาประเทศเป็นสิ่งสำคัญจึงต้องมีนายกฯ
จากนั้นตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นสิทธิของนายกฯพิจารณา
จึงยังไม่มีการพูดคุยเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีเลย
ส่วนนโยบายพรรคประชาชาติยังแสดงจุดยืนในนโยบายต่างๆ
เชื่อว่าพรรคแกนนำคงรับฟังไปประกอบสำหรับอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ
“เสรี” ยกสามก๊ก เลี้ยงดูไพร่พลลุง
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์
เตมียเวส สส.บัญชีรายชื่อ ฐานะหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า พรรค
พท.กำลังทำทุกวิถีทางสลายขั้วการเมืองให้เดินหน้า
จึงวิงวอนประชาชนที่เข้าใจผิดว่าตอนหาเสียงพูดแบบนั้นแบบนี้
จะเปลี่ยนแปลงหรือละเมิดไม่ได้ แต่การหาเสียงคือการหาเสียง
เพื่อให้ได้คะแนนมาบริหารประเทศ ไม่ใช่นโยบายพรรค
หากไม่ทำตามนโยบายแบบนั้นจึงจะผิดสัญญา การหาเสียงเป็นเรื่องปกติ
ได้คะแนนมาก็บริหารกันไป
นอกจากนี้ยังได้ยินเสียงบอกว่ารวมพรรคนั้นได้พรรคนี้ไม่ได้
อยากขอให้ดูสามก๊กหรือประวัติศาสตร์ชาติไทย ถ้าฆ่าแม่ทัพตาย
เราจะเอาไพร่พลไว้เลี้ยงดูหรือไม่ หรือจะฆ่าทิ้งให้หมด พรรครวมไทยสร้างชาติ
(รทสช.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ไปแล้ว ไม่มีแม่ทัพ
ถามว่าเราควรเอาหรือไม่ ส่วนตัวเห็นว่าควรเลี้ยงดูไว้ ส่วนพรรคพลังประชารัฐ
(พปชร.) แม่ทัพอยู่ แต่ยอมแพ้ เราควรเอาไพร่พลมาเลี้ยงดูหรือไม่
อยากขอให้ประชาชนเปิดใจให้กว้างเพื่อให้พรรค พท.จัดตั้งรัฐบาลให้ได้
ย้ำยินดีรับทุกเสียงโหวตหนุน
เมื่อถามว่าเสียง
สส.ที่มีเกินกึ่งหนึ่งแล้ว แต่ตอบตกลงเพียง 238 เสียง
เสียงที่เหลือเป็นของพรรคใด จะดึงพรรค 2 ลุงร่วมรัฐบาลหรือไม่
นพ.ชลน่านกล่าวว่า วันที่ 10 ส.ค.จะมีพรรคเข้ามาเพิ่มเติม ขอให้รอติดตาม
จะมีพรรคลุงเข้าร่วมหรือไม่ พรรค
พท.ออกแถลงการณ์ไปแล้วว่าขอความร่วมมือจากทุกพรรคเพื่อสลายขั้วแก้วิกฤติ
เมื่อถามว่า สส.พรรค ปชป. พปชร. รทสช.จะมาร่วมรัฐบาลเป็นรายบุคคลใช่หรือไม่
และหากพรรค ก.ก.มาร่วมโหวตนายกฯให้พรรค พท. จะทำให้ สว.ไม่สบายใจหรือไม่
นพ.ชลน่านตอบว่า เราแสวงหาความร่วมมือจากทุกพรรคทุกบุคคล
ทั้งแง่องค์กรตัวบุคคล แต่การโหวตนายกฯเป็นเอกสิทธิ์ที่ตัดสินใจได้
ส่วนพรรค ก.ก. ชัดเจนเราเคารพเอกสิทธิของพรรค ก.ก.ว่าจะโหวตให้พรรค
พท.หรือไม่ แต่เราปรารถนาเสียงจากทุกพรรค ยินดีถ้าพรรค ก.ก.มาร่วมโหวตให้
จะไม่ทำให้ สว.กังวล เพราะไม่ได้ตั้งรัฐบาลกับพรรค ก.ก. และไม่ได้แก้มาตรา
112 ทำให้ชัดเจนว่า สว.จะไว้ใจและสนับสนุนเรา เมื่อถามว่ามีกระแสข่าว
สส.พรรค พท.ไม่เห็นด้วยหากตั้งรัฐบาลข้ามขั้วถึงขั้นขู่ย้ายพรรค
นพ.ชลน่านตอบว่า ในที่ประชุม สส.พรรคเมื่อวันที่ 8 ส.ค. ไม่มี
สส.คนใดแสดงแนวคิดไม่เห็นด้วย มีแค่การแสดงความห่วงใยที่เกิดขึ้นจริง
แต่ถึงขั้นจะย้ายพรรคไม่มี พรรค
พท.มีเอกภาพทุกคนรับสภาพที่เป็นอยู่และพร้อมชี้แจงประชาชน

ลั่นชื่อ “เศรษฐา” ยื่นแล้วต้องผ่าน
เมื่อถามว่าแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย
ที่จะเสนอคือนายเศรษฐา ทวีสิน ใช่หรือไม่ หากชื่อนายเศรษฐาไม่ผ่าน
จะเสนอชื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาต่อหรือไม่
นพ.ชลน่าน ตอบว่า แคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทยที่จะเสนอต่อรัฐสภา
ยืนยันคือชื่อนายเศรษฐา
ส่วนที่ตั้งคำถามว่าถ้าชื่อนายเศรษฐาไม่ผ่านความเห็นชอบนั้น บอกได้เลย
ไม่มีคำว่าถ้า ต้องผ่านเท่านั้น ด้านนายภูมิธรรมกล่าวเสริมว่า
ข้อสังเกตเกี่ยวกับนายเศรษฐา ยืนยันตรวจสอบหมดแล้ว
ไม่มีปัญหาตามที่มีผู้ท้วงติง
โวหลังฉากคุยกันเสียงเกินแล้ว
นายภูมิธรรมกล่าวว่า
เราเอาวาระประชาชนและวาระประเทศเป็นที่ตั้ง วันที่ 10 ส.ค.
จะมีพรรคชทพ.มาเข้าร่วมรัฐบาล ยืนยันว่าเรามีเสียงเกินครึ่งแล้ว
เป้าหมายต้องมีเสียงเกิน 375 เสียงโหวตนายกฯให้ได้ นโยบายใดแม้อยู่ฝ่ายค้าน
ถ้ามีประโยชน์พร้อมดำเนินการ แต่ข้อเสนอที่กระทบสถาบันหรือมาตรา 112
เราไม่สนับสนุน เราแบ่งแยกหน้าที่กันทำงาน แต่ไม่ได้รวมกันเป็นรัฐบาล
เชื่อมั่นในวาระประเทศ เรามุ่งหน้าตั้งรัฐบาลพิเศษ
แสวงหาความร่วมมือจากทุกพรรคทุกฝ่ายทุกคน ต้องการการสนับสนุนให้ พท.
เป็นแกนนำและมีนายกฯจากพรรค พท. ถ้าทำสำเร็จจะตั้งรัฐบาลได้
จะไม่สามารถคิดแบบเดิมเหมือนในอดีตได้
ต้องใช้ความพยายามจากทุกพรรคเพื่อตั้งรัฐบาล บางส่วนอาจมาเป็นกลุ่ม
หรือเป็นรายบุคคลก็มาได้ “วันนี้ถ้าให้พูดชัดเจนคงยังไม่ได้
แต่ที่พูดกับเราข้างหลังมันเกินไปแล้ว
เราต้องการรัฐบาลที่มีเสถียรภาพเข้มแข็งผลักดันนโยบายได้
คิดมิติใหม่อยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันแก้วิกฤติประเทศช่วงนี้ อยากให้ สส.และ
สว.ที่มีเอกสิทธิ์ใช้เอกสิทธิ์ ร่วมแก้ไขวิกฤติประเทศ
จากข้อจำกัดในหลักการนี้มันจะไม่มีข้อจำกัด อาจมีบางกลุ่ม บางคนมา”
“แพทองธาร” ปลื้มแฟนคลับให้กำลังใจ
เมื่อเวลา
13.30 น. ที่พรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯพรรค
พท.เดินทางเข้าพรรคร่วมประชุมอัปเดตงาน โดย น.ส.แพทองธาร
แวะซื้อเครื่องดื่มร้าน Think lab และเจอบรรดาแฟนคลับพรรค
พท.ที่มารอให้กำลังใจ ขอถ่ายภาพ ขอลายเซ็น ช่วงหนึ่งบรรดาแฟนคลับถาม
น.ส.แพทองธารถึงความคืบหน้าการรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล
ที่แฟนคลับสนับสนุนให้ดึงพรรค 2 ลุงมาช่วยเพิ่มเสียง โดย
น.ส.แพทองธารกล่าวตอบว่า ที่คนพูดว่าเราบอกจะปิดสวิตช์ สว.
ถ้าเราแลนด์สไลด์ แต่วันนี้เราทำไม่สำเร็จ
พอไม่สำเร็จต้องมาดูตัวเลขทำอย่างไรจะได้ตั้งรัฐบาล
เราอยากผลักดันนโยบายพรรค พท. พรรคต้องสู้เต็มที่
รู้ว่าบรรดาแฟนคลับหลายคนเข้าใจ ส่วนคนที่ไม่เข้าใจยังคงมีอารมณ์อยู่
แต่หวังว่าจะได้อธิบายกันด้วยเหตุผล ไม่ต้องสู้กันด้วยความรุนแรง
บอกพยายามตั้งรัฐบาลเต็มที่
จากนั้น
น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์ว่ามีคนมาให้กำลังใจแล้วรู้สึกดีใจ
และดีใจที่ทุกคนเข้าใจเพราะพรรค พท.ทำแลนด์สไลด์ไม่สำเร็จ
ในฐานะพรรคที่ชนะเลือกตั้งอันดับ 2 ต้องจัดตั้งรัฐบาล พยายาม
เต็มที่จัดตั้งรัฐบาลให้ได้ เพื่อผลักดันนโยบายที่เคยสัญญากับประชาชนไว้
รวมถึงเข้าใจทุกคนที่มีความรู้สึกต่างๆ
ตนผ่านความรู้สึกเหล่านั้นมาแล้วเหมือนกัน
ต้องมุ่งหน้าว่าประโยชน์ประชาชนและประเทศต้องมาก่อน
เพราะฉะนั้นเรื่องต่างๆคงต้องก้าวข้ามผ่านไปให้ได้ ถ้าอิ๊งจะขออะไรสักอย่าง
ขอแค่กำลังใจจากทุกคนเท่านั้นเอง ส่วนการประชุม สส.พรรคเพื่อไทย
เมื่อวันที่ 8 ส.ค. ดีที่ได้เจอทุกคน ทุกคนในพรรคให้กำลังใจกัน
นาทีนี้ยังมีหลายคนที่ไม่เข้าใจพรรค พท.
แต่หากดูตามหลักการแล้วเราพยายามทำให้ดีที่สุดอยู่ จากนั้น น.ส.แพทองธาร
เดินเข้าร้าน Think lab ซื้อเครื่องดื่ม “แดงโซดามะนาว”
พร้อมกล่าวติดตลกว่า “เติมความแดง ยังแดงไม่พอต้องเติมอีก”
ก่อนเดินออกมาแจกลายเซ็นให้แฟนคลับอย่างเป็นกันเอง

“ไอติม” นำทีมยื่น ก.ม.เปลี่ยนประเทศ
ส่วนความเคลื่อนไหวของพรรคก้าวไกล
(ก.ก.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ
พรรค ก.ก.นำทีม สส.พรรค ก.ก.แถลงข่าวเสนอร่างกฎหมายเปลี่ยนประเทศจำนวน 3
ชุด รวม 9 ฉบับ ได้แก่ ชุดกฎหมายปลดล็อกท้องถิ่น 4 ฉบับ
ชุดกฎหมายป้องกันการทุจริต 2 ฉบับ และชุดกฎหมายโอบรับความหลากหลาย 3 ฉบับ
ผ่านตัวเเทนประธานสภาฯเป็นผู้รับเอกสาร จากนั้นนายพริษฐ์กล่าวว่า
ก.ก.เตรียมชุดกฎหมายเปลี่ยนประเทศ ไว้ทั้งหมด 14 ชุด สอดคล้องกับ 300
นโยบายที่เสนอต่อประชาชน เมื่อ 18 ก.ค. ได้ยื่นต่อสภาฯไปแล้วจำนวน 2 ชุด
ได้แก่ ชุดกฎหมายปฏิรูปกองทัพและชุดกฎหมายปิดช่องทุนผูกขาด รวม 7 ร่าง
ส่วนวันนี้ ก.ก.เดินหน้าเสนอชุดกฎหมายเพิ่มอีก 3 ชุด 9
ร่างประกอบด้วยชุดปลดล็อกท้องถิ่น 4 ฉบับ ได้แก่ร่าง
พ.ร.บ.แผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่าง
พ.ร.บ.การขนส่งทางบก ร่าง พ.ร.บ.ถนน ร่าง
พ.ร.บ.ว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ ชุดป้องกันการทุจริต
2 ฉบับได้แก่ ร่าง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารสาธารณะและร่าง
พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตและการให้บริการแก่ประชาชน
รวมถึงชุดโอบรับความหลากหลาย 3 ฉบับ ได้แก่ร่าง
พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หรือร่างสมรสเท่าเทียม ร่าง
พ.ร.บ.การรับรองเพศ
คำนำหน้านามและการคุ้มครองบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ และร่าง
พ.ร.บ.ส่งเสริมและคุ้มครองกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง
ย้ำขั้ว 8 พันธมิตรเดิมเป็นคำตอบดีที่สุด
นายพริษฐ์กล่าวถึงกรณี
พท.ระบุว่าจะพูดคุยกับพรรค ก.ก.เพื่อขอโทษ
และขอให้สมาชิกโหวตแคนดิเดตนายกฯของ พท.ว่า ท่าทีและจุดยืนของพรรค ก.ก.
ต้องให้ผู้เจรจาที่มีข้อมูลครบถ้วนมาชี้แจง ส่วนในที่ประชุมพรรคเมื่อวันที่
8 ส.ค. ไม่มีการพูดคุยถึงการโหวตนายกฯ เมื่อถามว่าส่วนตัวแล้วถ้าพรรค
พท.มาขอโทษจะรู้สึกดีขึ้นหรือไม่ นายพริษฐ์ตอบว่า ส่วนตัวตนไม่ได้แทรกแซง
แต่จุดยืนของพรรคชัดเจนกว่า เมื่อถามถึงกรณีพรรค พท.ระบุว่ามีการสลายขั้ว
ทั้งหมด นายพริษฐ์กล่าวว่า คิดว่าจุดยืนของพรรค ก.ก. ชัดเจนมาตลอด
ว่าผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14
พ.ค.สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของประชาชน
ส่วนใหญ่ที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงจึงแปลงมาเป็นคะแนนสนับสนุน 8
พรรคที่เซ็นเอ็มโอยูร่วมกัน เราเชื่อว่าพันธมิตรจาก 8 พรรคเดิม
เป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับประเทศ
ขอโทษดีสุดคือการกลับมาขั้วเดิม
เมื่อเวลา
11.00 น. นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กรรมการบริหารพรรค
ก.ก.โพสต์ข่าวนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.)
พร้อมเจรจาขอโทษก้าวไกล เพื่อขอเสียงโหวตนายกฯ ฝ่าวิกฤติประเทศ
บนเฟซบุ๊กส่วนตัว
พร้อมข้อความระบุว่าการขอโทษที่ดีที่สุดคือการกลับใจมาร่วมกับขั้ว 8
พรรคเดิมที่มี 312 เสียง และใช้เอ็มโอยูเดิมที่เคยทำร่วมกัน
จากนั้นช่วงเช้าวันเดียวกัน นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กก.บห.พรรค ก.ก.
ให้สัมภาษณ์เปิดเผยในรายการ กรรมการข่าวคุยนอกจอ ตอนหนึ่งว่า
ทราบจากนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค ก.ก.ว่า พรรค พท.นัดหารือ 2
ฝ่ายกับพรรค ก.ก. แต่ยังไม่รู้หัวข้อว่าคุยกันประเด็นไหน จะได้ทราบท่าทีของ
พท.ด้วยว่าอยากให้เราทำอะไร
ไม่แน่ใจว่าเป็นการหารือชุดใหญ่หรือนัดคุยส่วนตัวกับนายชัยธวัช
“อิ๊ง” ยกคณะ พท.เดินข้ามตึกถก ก.ก.
ต่อมาเวลา
15.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) แกนนำพรรค พท.นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร
แคนดิเดตนายกฯของพรรค พท. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน และหัวหน้าพรรค
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง
สส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรค นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
เดินออกจากตึกเอโอไอ ที่ทำการพรรค พท. ไปยังตึกไทยซัมมิท
เพื่อร่วมหารือกับแกนนำพรรค ก.ก. ประกอบด้วยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรค น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ
และรองหัวหน้าพรรค นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรค และนายชัยธวัช
ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรค โดยใช้เวลาหารือนานประมาณ 1
ชั่วโมง 30 นาที

ไม่ชัดเพื่อนเก่าเทคะแนนให้หรือไม่
จากนั้นเวลา
16.30 น. น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์ว่า
วันนี้เราได้มารับฟังความเห็นซึ่งกันและกัน
มาคุยกันว่าเราอยู่ในสถานการณ์ไหนบ้าง เพื่อทำความเข้าใจกับทั้ง 2
ฝ่ายว่าเราทำงานกันถึงขั้นไหนแล้ว เมื่อถามว่าได้คำตอบว่าพรรค
ก.ก.จะสนับสนุนแคนดิเดตพรรค พท.หรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า รออีกนิด
วันนี้ยังไม่พร้อมตอบคำถามใดๆ เพราะยังไม่มีคำตอบใดๆ จริงๆเวลาที่คุยกัน
เราจะพูดกันเสมอว่าบางครั้งกองเชียร์ของเราทั้ง 2 พรรคทะเลาะกัน
แต่เราไม่เคยทะเลาะกัน เราคุยกันด้วยเหตุผลเสมอ วันนี้ไม่มีอะไรมาก
เมื่อถามว่าการพูดคุยออกมาแฮปปี้ทั้งสองฝ่ายหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า
วันนี้เราคุยกันว่าเงื่อนไขต่างๆ ในการจัดตั้งรัฐบาลพรรค
พท.ตั้งใจอย่างมากที่จะจัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ โดยมีเสียงสนับสนุนทั้ง
สส.และ สว. อย่างที่ตนหาเสียงไปว่า
พท.หาเสียงแบบแลนด์สไลด์เพื่อจะให้ทุกอย่างกลับมาเป็นระบบเหมือนเดิม
แต่ในเมื่อเราแลนด์สไลด์ไม่สำเร็จพรรค ก.ก.ได้เป็นพรรคอันดับหนึ่ง
ลองจัดตั้งรัฐบาลแล้วทำไม่สำเร็จ และได้ส่งไม้ต่อมาให้พรรคพท.
ยันฟอร์ม รบ.แข็งแรงเพื่อประชาชน
“สิ่งที่เราทำตอนนี้ไม่ใช่เกมการเมือง
เรากำลังฟอร์มรัฐบาลที่แข็งแรงให้ได้ เพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชนต่อไป
ยังมีสิ่งที่สำคัญรออยู่ข้างหน้าอีกมากมาย
ยังมีประเทศและประชาชนที่เดือดร้อน ยังมีต่างชาติที่รอเข้ามาลงทุนกับเรา
ยังมีเศรษฐกิจภาพใหญ่ที่เราต้องช่วยกันผลักดันนโยบายเพื่อให้ประเทศไปต่อ
นี่คือสิ่งที่เราพยายามโฟกัสมากที่สุด
และกำลังจัดตั้งรัฐบาลของประชาชนให้แข็งแรงที่สุด” น.ส.แพทองธารกล่าว
ย้ำสองพรรคไม่มีปัญหาต่อกัน
เมื่อถามว่า
นายพิธาได้ฝากอะไรหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า
นายพิธารับฟังและเข้าใจซึ่งกันและกันในหลายจุด
ฉะนั้นหากถามเรื่องความสัมพันธ์ ให้ไปถามทางพรรค ก.ก.ด้วยได้
เพราะเราไม่มีปัญหากัน และคิดว่าในขณะนี้เราทำงานกันอย่างผู้ใหญ่
เราพูดกันแบบผู้ใหญ่ที่คุยกันว่าเราจะทำอย่างไรให้ประเทศเดินต่อ
เป็นสิ่งที่เราต้องการทั้งสองฝ่าย เมื่อถามว่าหากเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน
แคนดิเดตนายกฯพรรค พท.ไม่ผ่าน พร้อมเป็นคนต่อไปหรือไม่
น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เราต้องพยายามเต็มที่ให้ผ่าน
อุบตอบวัน “ทักษิณ” กลับไทย
น.ส.แพทองธารยังกล่าวถึงกรณีโพสต์ภาพในอินสตาแกรมส่วนตัวที่พาลูกชายและลูกสาวไปฉีดวัคซีน
เป็นการเตรียมตัวจะเดินทางไปหานายทักษิณ ชินวัตร
อดีตนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ “นั่นน่ะสิ” พร้อมกล่าวว่า
จะเดินทางอยู่ในเร็วๆนี้ เมื่อถามต่อว่ารู้สึกตื่นเต้นหรือไม่
ที่จะพาลูกชายไปเจอคุณตา น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ยังมีเรื่องตื่นเต้นอีกเยอะ
ขอให้รอดู เมื่อถามว่าการเดินทางกลับไทยของนายทักษิณครั้งต่อไป
นายทักษิณจะเป็นคนแจ้งเองหรือไม่ น.ส.แพทองธารตอบว่าให้นักข่าวรอดู
เพราะยังมีอีกหลายเรื่องที่จะทำให้นักข่าวตื่นเต้น
“เสี่ยอ้วน” พร้อมขอโทษให้ ปท.เดินหน้า
เมื่อถามถึงมิตรภาพการทำงานร่วมระหว่างสองพรรค
นพ.ชลน่านกล่าวว่า ในการทำงานเราทำงานด้วยกันได้ดีอยู่แล้ว
แต่มิติทางการเมืองในสภาพบังคับ เป็นไปตามที่เราทราบและรู้เห็นกันอยู่
ฉะนั้นวันนี้เป็นเหมือนที่
น.ส.แพทองธารกล่าวคือมีการมาพบปะแลกเปลี่ยนความเห็นกัน
เมื่อถามว่าในการพูดคุยกันได้ขอโทษพรรค ก.ก.หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า
ได้แจ้งไปว่าได้ขอโทษต่อสาธารณะแล้ว
อะไรที่คิดว่าทำให้เกิดการผิดพลาดตนพร้อมขอโทษเพื่อให้ประเทศเดินหน้า
ทุกอย่างได้พูดคุยและทุกคนไปช่วยกันคิดต่อ
เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะมีโอกาสกลับไปจับมือกับพรรค ก.ก.อีกครั้งหรือไม่
นายภูมิธรรมกล่าวว่า
อีกสักครู่ไม่นานคงได้ทราบและการได้พูดคุยถือเป็นเรื่องที่ดี
“พิธา” ชี้เเค่ตั้งใจฟังอย่างมีวุฒิภาวะ
ช่วงเย็นที่อาคารไทยซัมมิท
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค
ก.ก.ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมหารือกับแกนนำ พท.
กรณีขอเสียงโหวตสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ พท.ว่า เป็นการรับฟังซึ่งกันและกัน
แต่ว่าต้องคอยสื่อสารกันเรื่อยๆอยู่ยังไม่มีผลสรุปอะไร
ก็รับฟังกันอย่างมืออาชีพ ผู้สื่อข่าวถามว่า แนวโน้มน่าจะโหวตให้พรรค
พท.หรือไม่ นายพิธากล่าวว่า วันนี้รับฟังอย่างเดียวก่อน เมื่อถามย้ำว่า
ต้องนำไปหารือกับ สส.ในพรรคก่อนหรือไม่ นายพิธากล่าวว่า
ตอนนี้ยังไม่ได้มีแผนต่อ วันนี้เป็นแค่การรับฟังอย่างตั้งใจและมีวุฒิภาวะ
ส่ง “พงศธร” ลงเลือกตั้งซ่อมระยอง
ที่
จ.ระยอง นายนครชัย ขุนณรงค์ อดีต สส.ระยอง เขต 3 เปิดเผยว่า พรรค
ก.ก.เลือกผู้สมัคร สส.ลงเลือกตั้งซ่อมเขต 3 ไว้แล้ว โดยนายพิธา
ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก.จะเดินทางมาเปิดตัวผู้สมัคร ที่ อ.แกลง
จ.ระยอง ในวันที่ 13 ส.ค.คาดว่าจะส่งนายพงศธร ศรเพชรนรินทร์
ผู้สมัครบัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก.ลำดับที่ 52
ที่เป็นหนึ่งในทีมงานพรรคในพื้นที่ จ.ระยอง ร่วมทำงานกับพรรคมาอย่างยาวนาน
ตั้งแต่สมัยอนาคตใหม่ ลงสมัคร และตนยังคงช่วยหาเสียงทำงานเคียงคู่กันไป
ขอให้ด้อมส้มให้กำลังใจต่อไป
“สาธิต” ปลุกขั้วเดิมหลีกทาง ปชป.
นายสาธิต
ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข รักษาการรองหัวหน้าพรรค
ปชป.กล่าวถึงการส่งผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม สส.ระยอง เขต 3 ว่า
จะได้ข้อสรุปเร็วๆนี้โดยพรรค ปชป.ให้สิทธิตนพิจารณาส่งผู้สมัครเดิมพรรค
ปชป.มีผู้สมัครคือ นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ แต่กำลังดูข้อมูลในพื้นที่
การตัดสินใจส่งผู้สมัครต้องคำนึงถึงผลเลือกตั้ง
เพราะเขตเดียวอาจเป็นตัวชี้วัดบางเรื่อง
โครงสร้างคะแนนเลือกตั้งครั้งที่แล้วมีพรรคร่วมรัฐบาลเดิม และฝั่งพรรค
พท.และพรรค ก.ก.ลงสมัคร ต้องวิเคราะห์คะแนนให้ชัดเจน
ถ้าพรรคร่วมเดิมตกลงกันได้ส่งผู้สมัครเพียงคนเดียวจะเป็นประโยชน์
โดยจะให้พรรค ปชป.ส่งผู้สมัครเพียงพรรคเดียว
ได้เริ่มพูดคุยแล้วสัปดาห์นี้จะคุยให้ตกผลึก
“หนู” ไม่ขัด พท.ยกขบวนขมาพรรคส้ม
ที่กระทรวงสาธารณสุข
(สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุขหัวหน้าพรรค
ภท.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรค พท.นัดหารือกับพรรค ก.ก.ว่า พรรค
ภท.และพรรคพท.ได้บรรลุข้อตกลงยอมรับเงื่อนไขของกันและกัน
ที่จะสนับสนุนให้จัดตั้งรัฐบาลใหม่โดยเร็วที่สุด
ส่วนของเราถือว่าสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องอื่นๆ เป็นหน้าที่ของพรรค
พท.ที่เป็นแกนนำ ที่ต้องไปหาเสียงสนับสนุนให้ได้โดยเร็ว เราไม่ก้าวก่ายกัน
เมื่อถามว่ากลุ่มทะลุวังนำวาทกรรม“ฆาตกรโควิด-19” มาโจมตี
นายอนุทินผายมือไปยังผู้บริหาร สธ.ก่อนตอบว่า “นี่คือฆาตกรหรือไม่
คนใส่ชุดขาวๆหรือว่าคนที่คอยรักษาทุกคนเป็นฆาตกรหรือไม่ ตรงนี้ต้องระวัง
เป็นคำพูดที่บั่นทอนจิตใจคนทำงาน รมว.สาธารณสุขไม่ได้เป็นผู้รักษาคนไข้
แต่เป็นผู้รวบรวม
สนับสนุนคณะแพทย์มารองรับสถานการณ์ฉุกเฉินไม่ใช่เฉพาะโควิด-19
แต่รวมถึงสถานการณ์ต่างๆที่กระทบชีวิตของประชาชน
เราทำงานเป็นทีมทุ่มเทเต็มที่”
เมื่อถามว่าจะดำเนินการอะไรกับผู้สร้างวาทกรรมหรือไม่ นายอนุทินตอบสั้นๆว่า
แผ่เมตตา ให้มีความสุขทุกคน

“บิ๊กตู่” โนคอมเมนต์ขั้ว รบ.พิเศษ
เมื่อเวลา
09.30น. ที่สำนักงานใหญ่เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก
(อีอีซี) อ.วังจันทร์ จ.ระยอง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ
รมว.กลาโหม
นำคณะลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าโครงการเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก
(อีอีซี) แล้วไปติดตามงานที่สถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) ท่าเรืออุตสาห
กรรมมาบตาพุด
เยี่ยมชมโครงการนำพลังงานความเย็นเหลือใช้จากการเปลี่ยนสถานะของก๊าซธรรมชาติเหลว
(LNG) จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรค พท.ประกาศสลายขั้ว
โดย พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า ขั้วอะไรเหรอ มีที่ไหน มีเหรอ
ไม่รู้สิก็แล้วแต่ให้นึกถึงประเทศชาติโดยรวมด้วยแล้วกัน
ทำอะไรทำได้ทั้งหมดนั่นแหละ ไม่มีความเห็น ทำไมต้องมีความเห็นด้วยจ๊ะ
อย่าคิดว่าฉันเป็นคนสำคัญ ขอให้ฟังเพลงดู เพลงคนไม่สำคัญ
แล้วชี้นิ้วไปที่ตัวเองย้ำว่าคนไม่สำคัญ
กกต.ตีตกคำร้องยุบ พท.-ก.ก.-พปชร.
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง
(กกต.) ว่า เมื่อวันที่ 9 ส.ค.นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.
ในฐานะนายทะเบียนพรรค การเมือง มีความเห็นให้ยุติเรื่องกรณี นายสนธิญา
สวัสดี อดีตสมาชิกพรรค พปชร.ยื่นคำร้องต่อ กกต.ขอให้ตรวจสอบพรรค พท.และ
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร
ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมและหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยฝ่าฝืน
พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมีพฤติการณ์ยินยอมให้บุคคลอื่นหรือนายทักษิณ
ชินวัตร อดีตนายกฯ ครอบงำพรรค พท.ขณะเดียวกัน
สั่งไม่รับคำร้องกรณีนายสนธิญาร้องให้ตรวจสอบยุบพรรค
ก.ก.กรณีจัดชุมนุมในหลายจังหวัด รวมทั้งนัดชุมนุมวันที่ 13
ก.ค.หน้าอาคารรัฐสภา รวมทั้งสั่งไม่รับคำร้องของนายเอกชัย หงส์กังวาน
นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่ให้พิจารณายุบพรรค
พปชร.กรณีไม่ดำเนินการตามนโยบายหาเสียงในปี 62 หลายโครงการ
ก.ก.จี้ไต่สวนคำร้องทุจริตสุราษฎร์
นายชาติพงศ์
กุลรัตน์ ผู้สมัคร สส.สุราษฎร์ธานี เขต 7 พรรค
ก.ก.เข้ายื่นหนังสือถึงประธาน
กกต.ให้เร่งรัดตรวจสอบเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริตเลือกตั้งที่ก่อนหน้านี้ได้ยื่นร้องต่อ
กกต.จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.66 แต่ยังไม่มีคำตอบใดๆ
โดยนายชาติพงศ์กล่าวว่า ได้ยื่นให้ กกต.ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ กกต.เขต 7
ไปนับคะแนนในพื้นที่มืด กั้นเชือกไม่ให้ผู้สังเกตการณ์เข้าไปตรวจสอบ
รายงานผลคะแนนล่าช้า เมื่อท้วงติง กกต.เขต 7 ชี้แจงว่า
เจ้าหน้าที่ลืมคีย์ข้อมูล นอกจากนี้ยังมีกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ในฐานะนายกฯรักษาการ ให้สัมภาษณ์วันที่ 14 พ.ค.วันเลือกตั้ง
เชิญชวนประชาชนออกมาใช้สิทธิเป็นการให้คุณให้โทษกับพรรคการเมือง
ทั้งนี้ได้สอบถามความคืบหน้าจาก กกต.จังหวัดสุราษฎร์
ธานีแล้วแจ้งว่าส่งเรื่องมาที่ส่วนกลางแล้ว
“สนธิญา” ร้องดะสอยคนโหวต “พิธา”
เมื่อเวลา
11.30 น. ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายสนธิญา สวัสดี อดีตสมาชิกพรรค
พปชร.ยื่นหนังสือให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน
พิจารณาและส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณี สส. 8 พรรค
การเมืองรวมถึง สว.รวม 314 คน เสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าและแคนดิเดตพรรค
ก.ก.รับการโหวตเป็นนายกฯต่อที่ประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 13 ก.ค.และ 19
ก.ค.ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 159 และ 160 (6) หรือไม่ โดยนายสนธิญากล่าวว่า
ก่อนหน้านั้น กกต.มีมตินายพิธา เป็นบุคคลต้องห้ามไม่มีสิทธิสมัคร
สส.ตามรัฐธรรมนูญ แต่สมาชิกคงมีการเสนอชื่อนายพิธาและดำเนินการโหวตต่อ
เห็นว่าการกระทำของสมาชิกรัฐสภา 314 คนขัดต่อรัฐธรรมนูญ
ออกหมายเรียก “ทะลุวัง” ป่วน วธ.
เมื่อเวลา
10.50 น. ที่ สน.นางเลิ้ง พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.
เปิดเผยถึงความคืบหน้าการออกหมายเรียกกลุ่มทะลุวังที่บุกไปก่อความวุ่นวายและทำลายทรัพย์สินทางราชการ
ที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เมื่อวันที่ 6 ส.ค.ว่า ออกหมายเรียกไปครบทั้ง 18
คนแล้ว มี 6 คนภูมิลำเนาอยู่ใน
กทม.และปริมณฑลให้มารับทราบข้อกล่าวหาภายในเวลา 7 วัน อีก 12
คนมีที่อยู่ตามทะเบียนราษฎรในต่างจังหวัดให้เวลาเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาภายใน
10 วัน นับแต่วันที่ 8 ส.ค. ล่าสุดยังไม่มีผู้ใดมารับทราบข้อกล่าวหา
ส่วนคดีเกิดขึ้นที่พรรค พท.เจ้าของอาคารยังไม่ได้แจ้งความ
ตำรวจอยู่ระหว่างการประสานงานกับเจ้าของอาคาร
ส่วนกรณีที่มีบุคคลอาจเข้าข่ายผิดเงื่อนไขการประกันตัวชั่วคราวของศาล
พนักงานสอบสวนได้ยื่นเรื่องต่อศาลให้เพิกถอนประกันชั่วคราวแล้ว
ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล
ศปปส. ยื่นศาลถอนประกัน “ตะวัน”
ช่วงสาย
ที่ศาลอาญา นายอานนท์ กลิ่นแก้ว แกนนำศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.)
เข้ายื่นหนังสือถึงอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ขอให้มีคำสั่งถอนประกันตัว
น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน นักกิจกรรมอิสระ ผู้ต้องคดีมาตรา 112
เนื่องจากมีพฤติการณ์ขัดเงื่อนไขปล่อยตัวชั่วคราวของศาล นายอานนท์เผยว่า
ตลอดเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่ศาลให้ประกันตัวไป
น.ส.ทานตะวันออกไปสร้างความวุ่นวาย สร้างความเดือดร้อน
ส่วนศาลจะมีคำสั่งถอนการประกันหรือไม่ เราไปก้าวล่วงไม่ได้
แต่อย่างน้อยเรามาขอความกรุณาศาลให้พิจารณาถึงพฤติกรรมของคนที่สร้างความวุ่นวายให้กับประเทศ
สร้างความปั่นป่วนกับประชาชนจนเกิดความระแวงเข้าใจผิดกัน
"เพื่อไทย" นำ 6 พรรค ประกาศตั้งรัฐบาล มั่นใจ ได้เสียงโหวตเกินกึ่งหนึ่ง

เพื่อไทย นำ 6
พรรคประกาศจัดตั้งรัฐบาล รวมเสียงเพิ่มมั่นใจ สลายขั้วการเมือง
ได้เสียงข้างมากในสภาแล้ว เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และมีนายกฯ
มาจากพรรคเพื่อไทย
วันที่
9 ส.ค.66 เวลา 12.35 น. ที่รัฐสภา พรรคเพื่อไทย แถลงข่าวการจัดตั้งรัฐบาล
ร่วมกับ 6 พรรคเล็ก ประกอบด้วย พรรคประชาชาติ, พรรคเสรีรวมไทย,
พรรคเพื่อไทรวมพลัง, พรรคพลังสังคมใหม่ และพรรคท้องที่ไทย โดยนำโดย
นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย
รองหัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายสุวัจน์
ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง
เลขาธิการพรรคประชาชาติ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย
นายวรเชษฐ์ พรรคเพื่อไทรวมพลัง

นายแพทย์
ชลน่าน กล่าวว่า วันนี้ พรรคเพื่อไทยได้รวบรวมเสียงเพิ่มเติม
และได้รับการสนับสนุนจาก 6 พรรคการเมือง ประกอบด้วย พรรคประชาชาติ
พรรคเสรีรวมไทย พรรคชาติพัฒนากล้า พรรคเพื่อไทรวมพลัง พรรคพลังสังคมใหม่
พรรคท้องที่ไทย และรวมเสียงโหวตได้มากกว่ากึ่งหนึ่งแล้ว
พรรคเพื่อไทยและทุกพรรคการเมืองคาดหวังอย่างยิ่งว่า
จะสามารถคลี่คลายสถานการณ์ สลายขั้วการเมือง ทุกฝ่าย
เดินหน้าขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย
ทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากหลายพรรคการเมือง
และเสียงสนับสนุนจากสมาชิกวุฒิสภา
เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ สามารถบริหารประเทศ
และเร่งแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้โดยเร็ว
ที่ขณะนี้กำลังเผชิญความเดือดร้อนรุนแรง
การประวิงเวลาออกไปยิ่งทำให้เกิดความเสียหายยิ่งขึ้น
การจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วเท่าไรจะยิ่งแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น

เรายืนยันจะทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์
โดยเฉพาะในสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความพิเศษ ท่ามกลางวิกฤติรัฐธรรมนูญ
วิกฤติเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องของประชาชน และวิกฤติความขัดแย้งในสังคม
แบ่งฝักแบ่งฝ่าย แบ่งสีแบ่งขั้ว
การที่จะแก้วิกฤติครั้งนี้ได้
ต้องสลายขั้วการเมือง ดึงความร่วมมือจากทุกพรรคทุกฝ่าย ทุกกลุ่ม ทุกคน
เพื่อร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทย
และนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำ เพื่อนำรัฐธรรมนูญออกจากวิกฤติ
เพื่อนำประชาชนให้พ้นทุกข์ เพื่อสร้างความสามัคคี สมานฉันท์ โดยถือเป็น
“วาระประเทศ” ที่สำคัญอย่างสูงสุด
เราอยากขอวิงวอนให้พี่น้องประชาชนมั่นใจในพรรคเพื่อไทย
และพรรคการเมืองที่ให้การสนับสนุนในครั้งนี้
เราจะช่วยกันฝ่าวิกฤติเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้
และประโยชน์สูงสุดแก่พี่น้องประชาชนทุกคน
เราหวังจะเห็นความสามัคคีของทุกฝ่ายในประเทศ
ต่อมา
นายสุวัจน์ ขอบคุณหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยินดีตอบรับคำเชิญร่วมรัฐบาล 1
พรรคเพื่อไทย เป็นพรรคชอบธรรม เป็นพรรคอันดับ 2 ในการจัดตั้งรัฐบาล 2.
ที่ประชุมหารือ ตอนนี้รวบรวมเสียงในสภา เกินกึ่งหนึ่งแน่นนอน
จากจัดตั้งรัฐบาลเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก 3. ไม่มีนโยบายเกี่ยวแก้ไขมาตรา
112 แต่อย่างใด 4. มีความแน่วแน่แก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจ พรรคชาติพัฒนากล้า
มีความมั่นใจ 2 ลุง-ประชาธิปัตย์ตัวเลือกท้ายสุด จีบ 6 พรรคมาร่วมรัฐบาล ทัวร์ลงเพื่อไทยประท้วง-เชียร์
เพื่อไทย”
ผวาม็อบทะลุวังบุกป่วนซ้ำ เพิ่ม รปภ.คุมเข้ม ระดมตั้งแผงเหล็กสกัด
สส.ย้ำประชาชนเลือกมาเป็นรัฐบาล นายกฯต้องเป็นแคนดิเดตของพรรค “ฐิติมา”
ห่วงจับมือ 2 ลุงตอบชาวบ้านไม่ได้ บางส่วนตั้งแง่ไม่เอา
ปชป.เอี่ยวสลายเสื้อแดง “ทีมเจรจา” ยัน 2 ลุงกับ ปชป.เป็นทางเลือกสุดท้าย
ถ้ามาไม่มาในนามพรรค “ลุงตู่” ยักคิ้ว รทสช.จะร่วมรัฐบาลก็แล้วแต่ “ธนกร”
อ่อยวันนี้พรรคไม่มีลุงแล้ว คุยกันได้ทุกค่าย “อนุทิน” อู้อี้จูงมือ
สส.พรรค 2 ลุงข้ามขั้ว ชทพ.แต่งตัวรอเทียบเชิญ “ลุงป้อม” สั่งลูกพรรคนิ่ง
ยังไร้ดีลจาก พท. “ธรรมนัส” ยันถ้าไปร่วมต้องไปทั้งพรรค “สุพิศาล”
จ่อชงที่ประชุม สส.โหวตแคนดิเดต พท.ปิดสวิตช์ สว. ปิดประตูผสมพันธุ์สองลุง
เพื่อน สส.ไม่ตอบรับ ถอยกลับตั้งหลักก่อน ยก พท.มหามิตรแบไต๋พร้อมคืนดีหลังจากพรรคเพื่อไทย
(พท.) ประกาศจับมือกับพรรคภูมิใจไทย รวม 212 เสียง ลุยจัดตั้งรัฐบาล
ก่อให้เกิดกระแสทั้งต่อต้านและสนับสนุน
โดยมีกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองไปแสดงกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์หน้าที่ทำการพรรค
พท. จนต้องมีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
พร้อมเพิ่มความเข้มข้นรับมือม็อบต่างๆ
เมื่อเวลา 11.00 น. เมื่อวันที่ 8
ส.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทย (พท.)
ว่ามีกลุ่มแท็กซี่ทวงคืนความยุติธรรม กลุ่มแท็กซี่อิสระเพื่อสังคม
กลุ่มเสื้อแดงรักประชาธิปไตย
เดินทางมาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เพื่อคัดค้านการที่พรรค
พท.จับมือกับพรรครัฐบาลขั้วเดิมตั้งรัฐบาลใหม่
โดยนำดอกไม้จันทน์และถอดเสื้อสีแดงที่ใส่ไว้บนพานทองเหลืองวางไว้หน้ารถแท็กซี่
และยังมีตัวแทนกลุ่มถอดเสื้อสีแดงใส่พานนำมามอบให้ตัวแทนพรรค พท.
มีบางส่วนจุดไฟเผาบัตรสมาชิกครอบครัวเพื่อไทย
เสริม รปภ.ตั้งเพิ่มแผงเหล็กกั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
ในเวลาไล่เลี่ยกันกลุ่มญาติวีรชน เมษายน-พฤษภาคม 53
มาให้กำลังใจมอบดอกไม้ให้พรรค พท.ในการจัดตั้งรัฐบาล
ที่ไม่มีพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)
และพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ผ่านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ
กลุ่มวีรชน ได้กล่าวว่า “เราสนับสนุนเพื่อไทย เรากตัญญูต่อเพื่อไทย
เพื่อไทยให้ทุกอย่างกับเรา เพื่อไทยมีนโยบายที่กินได้
เพื่อไทยเป็นต้นแบบของพรรคอื่น เพื่อไทยสู้ๆ”
สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยรอบพรรค หลังจากที่เมื่อวันที่ 7
ส.ค.กลุ่มทะลุวังมาทำกิจกรรมหน้าพรรค
จนกระทบกระทั่งกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของพรรค รวมถึงผู้สื่อข่าว
เจ้าหน้าที่เพิ่มมาตรการเข้มข้นขึ้น นำราวเหล็ก มากั้นหน้าประตูทางเข้าพรรค
พร้อมจัดกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำจุด
และเตรียมถังดับเพลิงประจำไว้ 2 ถัง
พร้อมเพิ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรอบที่ทำการพรรคจากเดิม 16 คน เป็น
20 คน
วง สส.ตอกย้ำต้องการเป็นรัฐบาล
เมื่อเวลา 15.45 น. มีการประชุม สส.ของพรรค นำโดย นพ.ชลน่าน
ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค นายประเสริฐ
จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค โดยมีแคนดิเดตนายกฯของพรรค พท. ประกอบด้วย
นายชัยเกษม นิติสิริ นายเศรษฐา ทวีสินและ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร
เข้าร่วมประชุมด้วย โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
โดยที่ประชุมเปิดโอกาสให้ตัวแทนแต่ละภาคได้แสดงความคิดเห็น โดยนางมนพร
เจริญศรี สส.นครพนม ได้ลุกขึ้นแสดงความเห็นว่า คนอีสานเลือกตั้งมา
เพื่อต้องการให้ สส. เป็นรัฐบาลไม่ใช่มาเป็นฝ่ายค้าน ซึ่ง
สส.หลายคนก็แสดงความคิดเห็นทิศทางเดียวกัน
ขอให้ 2 ลุงเป็นทางเลือกสุดท้าย
ขณะที่นางฐิติมา
ฉายแสง สส.ฉะเชิงเทรา แสดงความเป็นห่วง หากพรรคจับมือกับ “2 ลุง”
จะไม่สามารถตอบคำถามกับประชาชนในพื้นที่ได้ นอกจากนี้ ยังมี
สส.บางส่วนระบุว่า ไม่อยากให้พรรค พท. จับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)
เพราะมีส่วนเกี่ยวกับเหตุการณ์สลายการชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อปี 53
จนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 99 ศพ แต่ในส่วนของพรรคภูมิใจไทย (ภท.)
ที่จะมาร่วมรัฐบาลนั้น ไม่มีใครลุกขึ้นมาทักทวง ขณะที่ทีมเจรจาชี้แจงว่า
ทั้ง “2 ลุง” และพรรค ปชป. จะเป็นทางเลือกสุดท้าย
หากจะมีเข้ามาจะไม่เป็นในรูปแบบของพรรค เพราะหาก
สส.คนไหนจะยกมือสนับสนุนก็ถือเป็นเอกสิทธิ์
ยันนายกฯต้องเป็นแคนดิเดตจาก พท.
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า
สส.บางคนยังแสดงความเป็นห่วงถึงการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้
อาจจะถูกสับขาหลอกในวันโหวตเลือกนายกฯทำให้ตำแหน่งดังกล่าวไปตกอยู่ที่พรรคอื่น
ซึ่งทางคณะเจรจาได้ยืนยันกับ สส.ว่า ถึงอย่างไรนายกฯต้องมาจากแคนดิเดตพรรค
พท. และทางพรรคก็ยังพูดคุยกับพรรคก้าวไกล (ก.ก.) อยู่
เพราะเขาพร้อมสนับสนุน
ต้องการรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยฉบับประชาชนอย่างแท้จริง
โชว์ 236 เสียง 6 พรรคร่วม รบ.
ต่อมาเวลา
19.30 น. แกนนำพรรค พท.
ได้มีการประชุมและมีข้อสรุปถึงการแถลงเปิดตัวพรรคการเมืองที่จะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรค
พท.เพิ่มเติมอีก 6 พรรค โดยจะมีการแถลงข่าวเปิดตัวเวลา 12.00 น. วันที่ 9
ส.ค.ที่รัฐสภา จำนวน 5 พรรค ประกอบด้วยพรรคประชาชาติ 9 เสียง
พรรคเพื่อไทรวมพลัง 2 เสียง พรรคเสรีรวมไทย 1 เสียง พรรคพลังสังคมใหม่ 1
เสียง และพรรคท้องที่ไทย 1 เสียง ส่วนวันที่ 10 ส.ค. เวลา 10.00 น.
ที่รัฐสภาจะเป็นการแถลงเปิดตัวพรรคชาติไทยพัฒนาที่มี สส. 10
เสียงเข้าร่วมรัฐบาล รวมแล้วพรรคเพื่อไทยสามารถรวมเสียงตั้งรัฐบาลได้ขณะนี้
236 เสียง

“สุพิศาล” ชงโหวตปิดสวิตช์ สว.
เมื่อเวลา
14.00 น. ที่อาคารไทยซัมมิท มีการประชุม สส.พรรค ก.ก.ประจำสัปดาห์
มีนายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคก.ก.
เป็นประธานการประชุม โดย พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รองหัวหน้าพรรค ก.ก.
ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมว่า จะหารือเรื่องเลือกตั้งซ่อม สส.ระยอง
รวมถึงหารือเรื่องการโหวตนายกฯด้วย จะเสนอให้พรรค
ก.ก.โหวตเห็นชอบแคนดิเดตนายกฯจาก พท. เนื่องจากต้องการโหวตเพื่อปิดสวิตช์
สว. เชื่อว่าพรรค พท.จะรับปากว่าจะไม่มีการดึงพรรค 2 ลุงเข้าร่วมรัฐบาล
สิ่งที่เราอยากทำคือการปิดสวิตช์ สว.
โหวตเพื่อให้มีรัฐบาลมาแก้วิกฤติของประเทศ
ต้องการให้ประเทศชาติเดินไปด้วยดี ส่วนพรรค
พท.จะไปร่วมกับใครถือเป็นอำนาจของพรรคพท. ขณะเดียวกันพรรค ก.ก.เปิดประตูไว้
หากพรรคพท.จะกลับมาหาก็ได้
แบไต๋ พท.มหามิตรพร้อมคืนดี
เมื่อถามว่าหากพรรค
ก.ก.โหวตให้นายกฯพรรค พท. แล้วต้องไปเป็นฝ่ายค้าน พล.ต.ต.สุพิศาลตอบว่า
เป็นหน้าที่ที่ชำนาญอยู่แล้ว จะได้เห็นพรรคก.ก.รุ่นที่ 4 ไม่ได้โกรธพรรค
พท.เนื่องจาก พท.ต้องหาทางออกเพียงแต่รอไม่ได้ถึง 9 เดือนเท่านั้น
ถ้าหากรอได้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ แต่หากรออีก 9 เดือน
อาจจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงก็ได้ ส่วนกรณีพรรค พท.จับมือจัดตั้งรัฐบาลกับพรรค
ภท.เป็นเรื่องของ พท. ต้องหาทางออกที่พรรค พท.รอ 10 เดือน ไม่ได้
เมื่อถามว่าพรรค ก.ก.จะปิดโอกาสหรือไม่ หากพรรค พท.กลับมาจับมือกันอีกครั้ง
พล.ต.ต.สุพิศาลตอบว่า วันหนึ่งเราอาจจะร่วมมือกันอีกครั้ง
เขาเป็นมหามิตรเรา เป็นเพื่อนเรา พรรค พท.อาจจำเป็นต้องไป
ต้องปล่อยให้เขาไป
ขอชักกลับ “ชัยธวัช” แตะเบรก
ต่อมาหลังประชุม
พล.ต.ต.สุพิศาลให้สัมภาษณ์อีกครั้ง
ยังไม่ได้เสนอเรื่องให้โหวตเลือกแคนดิเดตนายกฯ จากพรรค พท.เพื่อปิดสวิตซ์
สว. เนื่องจากเมื่อฟังจากคนข้างๆแล้ว เขาเงียบกันหมด
บางคนพูดง่ายๆว่าไม่เห็นด้วย จึงไม่ได้มีการเสนอวาระเรื่องนี้ในที่ประชุม
สส. อีกทั้งนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค ก.ก. ประธานที่ประชุม
บอกว่าเราจะยังไม่โหวต ให้ทำงานสภาฯไปก่อน
ใกล้ถึงวันโหวตเลือกนายกฯถึงจะหารือกันอีกครั้ง
ทสท.ยืนยันไม่สลับขั้ว-ย้ายฝั่ง
วันเดียวกัน
พรรคไทยสร้างไทยออกแถลงการณ์ถึงจุดยืนทางการเมืองว่า ขณะนี้มีประเด็นสำคัญ
รัฐสภายังรอคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ
และยังรอความชัดเจนการจัดตั้งรัฐบาลของพรรค
พท.จะรวบรวมเสียงสนับสนุนได้เท่าใด พรรค
ทสท.แสดงจุดยืนภายใต้หลักการที่ชัดเจนมาตลอดว่าจะไม่สลับขั้ว-ย้ายฝั่ง
ไม่เป็นที่เหยียบยืนให้เผด็จการเด็ดขาด เพื่อยุติการสืบทอดอำนาจ 2
ลุงอย่างถาวร รวมทั้งประเด็นที่จะทำงานร่วมกับพรรคอื่น
ที่สนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญให้เกิดประชาธิปไตยแท้จริงเพื่อประชาชน
และแนวทางการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องให้ประชาชนอย่างเร่งด่วน
เมื่อทราบแนวทางชัดเจนแล้ว พรรค
ทสท.จะเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณาจะร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาลต่อไป
เรายืนยันยึดมั่นสัญญาเป็นสัจจะไว้กับประชาชน ไม่เป็นนั่งร้านให้เผด็จการ
ผลักดันรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน เร่งแก้ปัญหาปากท้องประชาชนให้เป็นรูปธรรม
ลุงตู่” ขอทุกฝ่ายทำบ้านเมืองไปต่อ
เมื่อเวลา
09.30 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ
และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)
ก่อนการประชุมนายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ
นำคณะผู้บริหารสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติเข้าพบนายกฯรายงานผลการดำเนินงานโครงการโคล้านครอบครัว
และกิจกรรมกระตุ้นและพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก โดยนายกฯสวมเสื้อผ้ามูลมงคล
เป็นผ้าย้อมด้วยมูลวัว สะพายย่ามผ้ามูลวัวโชว์สื่อ
และกล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า ขอให้อุดหนุนกันด้วย
จะแก้ปัญหายากจนให้เกษตรกรมีรายได้ ทุกอย่างต้องร่วมมือทั้งตัวเองและรัฐ
ทั้งนี้ นายกฯยิ้มแย้มได้ทักทายสื่อว่า มีหลายคนไปอยู่เวทีในทางการเมือง
ขอให้ช่วยกันดูแลบ้านเมือง เพราะบ้านเมืองต้องไปต่อ
ช่วยกันทำให้บ้านเมืองเดินหน้า
ยักคิ้ว รทสช.จะร่วม รบ.ก็แล้วแต่
ต่อมานายเอนก
เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดม ศึกษาฯ
และคณะประชาสัมพันธ์งานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี 66
ส่วนนายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม นำคณะนักร้องประสานเสียงเยาวชนไทย
มาแสดงบทเพลงที่ชนะการแข่งขันขับร้องประสานเสียงนานาชาติ ครั้งที่ 12 ณ
เมืองบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย และ น.ส.นฤดี ภู่รัตนรักษ์
ผอ.สำนักวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมและคณะประชาสัมพันธ์แคมเปญรณรงค์ส่งเสริมการใช้ผ้าไทยและงานศิลปหัตถกรรมไทยในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ
แซวได้ รบ.ใหม่เมื่อไหร่ถาม “พี่หนู”
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า
ในที่ประชุม ครม.พล.อ.ประยุทธ์ค่อนข้างอารมณ์ดี การประชุม
ครม.เป็นไปอย่างเฮฮาสนุกสนาน มีการแซวกันไปมาระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์กับ
ครม.เป็นระยะ ช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์พูดถึงวันคล้ายวันเกิดของ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและหัวหน้าพรรค พปชร.วันที่ 11 ส.ค.
เดี๋ยวจะไปอวยพรส่วนตัวอยู่แล้ว แล้วถาม ครม.ว่า มีรัฐมนตรีคนใดเกิดเดือน
ส.ค.อีกบ้าง ทำให้นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวฯ
ที่มีวันคล้ายวันเกิดในวันที่ 5 ส.ค.ยกมือ
นายกฯจึงแซวนายพิพัฒน์ที่เพิ่งปะทะคารมกับแกนนำกลุ่มทะลุวังที่พรรค พท.
เมื่อเย็นวันที่ 7 ส.ค.ว่า “ได้พรใหญ่กันเลย ต้องอดทนนะครับ
บ้านเมืองต้องใช้ความอดทน” บรรดา ครม.ต่างหัวเราะชอบใจ
พล.อ.ประยุทธ์ยังพูดอีกว่าเรื่องการเมืองเป็นเรื่องการเมืองไป
สื่อถามเรื่องการเมืองผมก็ไม่ตอบคำถาม” และยังแซวนายอนุทิน ชาญวีรกูล
รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรค ภท.ว่า
“จะได้รัฐบาลใหม่เมื่อไหร่อย่างไรผมไม่รู้ ต้องถามพี่หนูเขาดู” เรียกเสียง
ครม.หัวเราะกันยกใหญ่อีกครั้ง

“ธนกร” อ่อยวันนี้พรรคไม่มีลุงแล้ว
นายธนกร
วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค
รทสช.กล่าวถึงกระแสข่าวพรรค
รทสช.อาจไปร่วมรัฐบาลเป็นกลุ่มหรือเป็นตัวบุคคลว่า ยังไม่มีข้อมูลประสานมา
คงจะคุยกันในพรรค พรรค ภท.และพรรค พท.รวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลได้เป็นเรื่องดี
บอกว่าเป็นการสมานฉันท์ปรองดอง หากเดินแบบนี้จะใช้เวลาไม่นาน
ถ้าไปร่วมรัฐบาลโดยหลักการต้องไปทั้งพรรค ส่วนพรรค รทสช.วันนี้ยังอยู่
แม้ไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ดำเนินการตามที่
พล.อ.ประยุทธ์ให้นโยบายไว้ วันนี้เรื่อง 2
ลุงต้องให้ความเป็นธรรมกับพรรคด้วย
เพราะวันนี้ไม่มีลุงตู่อยู่ในพรรคแล้วและไม่ได้เล่นการเมืองแล้ว
เรื่องนี้น่าจะจบได้แล้ว ทุกพรรคน่าจะพูดคุยกันได้
ไม่น่าจะมีเงื่อนไขอะไรแบบนี้
เพราะพรรคที่จะร่วมรัฐบาลกันได้หลักๆต้องดูที่นโยบายและแนวทางการทำงานของพรรค
ไม่ควรไปดูมีลุงไม่มีเรา เรื่องนี้เป็นวาทกรรม ไม่ได้เกี่ยวข้องแล้ว
“สุชาติ” ทิ้งนัยโหวตให้ ปท.ไปต่อ
ด้านนายสุชาติ
ชมกลิ่น รมว.แรงงาน รองหัวหน้าพรรค รทสช.
ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวมีชื่อย้ายไปอยู่พรรคอื่นว่า ยังอยู่
รทสช.ทำงานการเมือง รทสช. เป็นทั้ง สส. และสมาชิกพรรค เมื่อถามถึงกระแสข่าว
รทสช.จะไปร่วมรัฐบาล นายสุชาติตอบว่า มีสูตรคณิตศาสตร์เยอะ
แต่เราไม่ได้เป็นคนคิดสูตร ตกผลึกอย่างไรไม่ได้อยู่ที่เรา แต่อยู่ที่ สส.
และ สว.รวมถึงยังไม่รู้ว่า
ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องเสนอชื่อนายกฯซ้ำอย่างไร ต้องอยู่เฉยๆก่อน
เมื่อถามว่า หาก รทสช.มีมติไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรค พท.จะทิ้ง
รทสช.ไปร่วมกับพรรค พท.หรือไม่ นายสุชาติตอบว่า อยากให้ดูวันที่ 16 ส.ค.
ว่าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอย่างไร แต่ยืนยันจากปากว่า สส. สว.
มีเอกสิทธิ์ร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาลไม่ใช่เรื่องใหญ่
แต่ทำอย่างไรให้ประเทศไทยเดินไปได้
“ขิง” ย้ำ 36 สส.ยืนหยัดไม่แตกแถว
นายเอกนัฏ
พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครทสช.โพสต์เฟซบุ๊กย้ำจุดยืนของพรรค
รทสช.และการเดินหน้าการทำงานทั้งในและนอกสภามีเนื้อหาระบุว่า รทสช.
พร้อมเดินไปข้างหน้าอย่างพร้อมเพรียง ในสภายืนหยัดปักหลักต่อสู้ด้วย สส. 36
คน ปฏิเสธตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย คัดค้านแก้มาตรา 112
เราไม่หยุดอยู่แค่นี้ มองไปถึงอนาคตที่ต้องเติบโต
แข็งแรงขึ้นเรื่อยๆที่สำคัญที่สุดประชาชนให้การสนับสนุน
“อนุทิน” อู้อี้จูงมือ สส.พรรค 2 ลุง
เมื่อเวลา
12.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ
รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.)
กล่าวถึงการเชิญพรรคอื่นเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลว่า ต้องให้พรรค
พท.แกนนำจัดตั้งรัฐบาลเป็นคนแถลง ต้องให้เกียรติเขา
มั่นใจขณะนี้ได้เสียงร่วมรัฐบาลเกิน 250 เสียงแล้ว ไม่ต้องกังวล
ทุกฝ่ายต้องช่วยกันทำความมั่นใจแก่ สส.และ สว.ให้ข้อกังวลต่างๆหายไป
ครั้งที่แล้วกังวลการแก้มาตรา 112 แต่ครั้งนี้ไม่มีแล้ว เมื่อถามว่า พรรค
พท.ประสานให้พรรค ภท.ช่วยดึงเสียงจากพรรค 2 ลุงมาหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า
พรรค พท.บอกแล้วว่า ให้ช่วยหาวิธีดึงเสียง สส. และ
สว.ให้ได้เสียงเกิดความมั่นคง เพราะผ่านมาเกือบ 3
เดือนแล้วยังเลือกนายกฯไม่ได้ เมื่อถามว่า การออกมาจับมือกับพรรค
พท.ไม่มีปัญหากับพรรค 2 ลุงใช่หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า
เราไม่ได้ออกมาจับมือกับพรรค พท.เขาเชิญมาหารือ และรับเงื่อนไขต่างๆกันได้
เมื่อถามว่า พรรค พท.ได้ประสานพรรค ปชป.มาร่วมหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า พรรค
ภท.ไม่ได้เป็นแกนนำ ไปก้าวล่วงเกินบทบาทไม่ได้
ชทพ.รอเทียบเชิญร่วมรัฐบาล
นายวราวุธ
ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์ว่า ได้คุยกับพรรค
พท.ระดับหนึ่ง ก่อนโหวตนายกฯครั้งต่อไปจะพูดคุยกันอีก รอให้พรรค
พท.เป็นผู้ส่งเทียบเชิญนัดหมายพร้อมไปคุย ยังยึดไม่แตะต้องมาตรา 112
ทัศนคติการทำงานและทัศนคติต่อหลายเรื่อง เช่น
สถาบันพระมหากษัตริย์ต้องไปทิศทางเดียวกัน
หากตรงกันต้องมาพูดคุยว่าจะไปทิศทางใด การแถลงข่าวของพรรค พท.และพรรค
ภท.พูดชัดไม่แตะต้องมาตรา 112 เป็นสัญญาณที่ดี ไปในทิศทางเดียวกัน
การแก้รัฐธรรมนูญให้มี สสร. แนวทางชัดเจนตรงกับพรรค ชทพ.เคยทำสมัยนายบรรหาร
ศิลปอาชา หัวใจสำคัญไม่ควรแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2
เพราะถือว่าเป็นหมวดที่สำคัญอย่างยิ่ง
เราจึงมีแนวคิดว่าไม่ควรไปแตะต้องทั้งนี้ พรรค ชทพ.ได้ 10 เสียง
จะใช้เหตุผลและหลักการพูดคุย คงไม่ไปเรียกร้อง ต้องการให้รัฐบาลเข้มแข็ง
การต่อรองกระทรวงค่อยไปว่ากันทีหลัง ต้องดูสส.ซีกรัฐบาลมีเท่าไหร่
คิดเป็นสัดส่วนเท่าใด สำหรับคุณสมบัตินายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ
ของพรรค พท.ต้องให้เกียรติพรรค พท.คงพิจารณาคุณสมบัติมาเพียบพร้อมแล้ว
เราให้เกียรติพรรคใหญ
“บิ๊กป้อม” ลา ครม.บอก พท.ยังไม่ดีล
วันเดียวกัน
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯในฐานะหัวหน้า พปชร.เข้าทำเนียบรัฐบาล
แต่ลาการประชุม ครม. โดยให้สัมภาษณ์สั้นๆถึงพรรค
พท.ประสานร่วมรัฐบาลมาหรือยังว่า ยังไม่ได้รับ
เมื่อถามว่าถ้ามีสัญญาณมาสนใจหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ส่ายหน้าตอบเพียงว่า
ไม่ทราบ เมื่อถามว่ามีเงื่อนไขอะไรหรือไม่หากจะร่วมรัฐบาล พล.อ.ประวิตร
ไม่ตอบเช่นเดิม ต่อมาเวลา 09.30 น. พล.อ.ประวิตร ให้การต้อนรับนายสวี่
กานลู่
รมช.ความมั่นคงสาธารณะและผู้บังคับการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแห่งชาติ
สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ตึกบัญชาการ 1 โดย
พล.อ.ประวิตรชื่นชมพัฒนาการความสัมพันธ์ไทย-จีนที่ใกล้ชิด
พร้อมผลักดันความร่วมมือด้านความมั่นคงและการบังคับใช้กฎหมายให้ก้าวหน้าเป็นรูปธรรม
ด้าน รมช.ความมั่นคงสาธารณะจีนฯชื่นชม
ที่มีบทบาทสำคัญส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างไทยกับจีนมาตลอด
และเห็นพ้องยกระดับความร่วมมือระหว่างกัน ช่วงท้าย
พล.อ.ประวิตรแสดงความเสียใจต่อรัฐบาลและประชาชนจีน
กรณีอุทกภัยที่เกิดขึ้นในกรุงปักกิ่งและมณฑลเหอเป่ย
เชื่อมั่นรัฐบาลจีนจะช่วยเหลือประชาชนและฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบให้กลับคืนสู่ปกติโดยเร็ว
ย้ำคำเดิมไม่มีการติดต่อมา
จากนั้น
พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงการร่วมรัฐบาลกับพรรค พท.ว่า
“ยังไม่ติดต่อมา” เมื่อถามยํ้าว่า หากติดต่อมาจะร่วมหรือไม่
เพราะดูจากเงื่อนไขก็ร่วมได้ พล.อ.ประวิตรไม่ตอบคำถาม เมื่อถามอีกว่า
หากพรรค พท.ไม่เชิญ พร้อมเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ปฏิเสธตอบคำถาม
เมื่อถามว่า วันนี้งอน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ
รมว.กลาโหมหรือไม่ จึงไม่เข้าร่วมประชุม ครม.พล.อ.ประวิตร ไม่ตอบคำถาม
ก่อนขึ้นรถออกจากทำเนียบฯกลับเข้ามูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดทันที
ขอพรวันเกิดให้คน พปชร.รักกัน
เมื่อเวลา
15.00 น. ที่พรรค พปชร.พรรคพปชร.จัดประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.)
กรรมการยุทธศาสตร์และ สส. ก่อนเริ่มประชุมบรรยากาศคึกคัก ทันทีที่
พล.อ.ประวิตรเดินทางถึงพรรค แกนนำ กรรมการบริหารพรรค สส.และอดีตผู้สมัคร
สส.กทม.ได้ร่วมร้องเพลงอวยพรวันเกิดล่วงหน้าให้ พล.อ.ประวิตร
เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดอายุครบ 78 ปี ในวันที่ 11 ส.ค. โดย
พล.อ.ประวิตรได้เป่าเค้กและกล่าวขอพรว่า
”ขอให้พรรครักกันทุกคนเป็นหนึ่งเดียว
เพื่อทำให้พรรคเป็นสถาบันการเมืองต่อไป“ ผู้สื่อข่าวถามถึงการตั้งรัฐบาล
พล.อ.ประวิตร ตัดบทว่า ”ไม่ต้องถามแล้วครับ“ ก่อนเดินเลี่ยงขึ้นห้องประชุม
สส. ส่วนที่บริเวณโถงด้านล่างของอาคารที่ประชุม มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ
สน.พหลโยธิน มาสังเกตการณ์
หลังมีกลุ่มการเมืองเคลื่อนไหวทำกิจกรรมในช่วงนี้
สั่งนิ่งก่อนยังไม่รู้เป็นฝ่ายค้าน-รบ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
ในที่ประชุมช่วงหนึ่งพล.อ.ประวิตร หยิบยกแนวทางให้ผู้สมัคร สส.สอบตก
แต่ได้อันดับ 2 มาเป็นผู้ช่วยสส.ต่อยอดเลือกตั้งครั้งหน้า แต่มี
สส.หลายคนไม่ค่อยเห็นด้วย เห็นควรจะนำคนในพื้นที่ของ สส.มาเป็นดีกว่า
พล.อ.ประวิตรได้รับเรื่องไว้ มอบให้นายวราเทพ รัตนากร
ผอ.สำนักงานพรรคไปดูว่าจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร ขณะที่
ร.อ.ธรรมนัสกล่าวเสริมว่า ผู้ช่วย สส.ให้รอก่อน
เพราะยังไม่รู้ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล
จะให้คนนั้นคนนี้เป็นอาจเกิดประเด็นบาดหมางในหมู่ สส. ผู้สมัคร สส.และพรรค
และมีการเสนอให้หาบุคลากรมาช่วยหาข้อมูลให้ สส.อภิปรายในสภาฯ ทั้งนี้
พล.อ.ประวิตรไม่ได้ย้ำอะไรเป็นพิเศษ แต่ขอให้อยู่นิ่งๆ
โดยในที่ประชุมแจ้งนัด สส.เข้าอวยพรวันคล้ายวันเกิด พล.อ.ประวิตร
ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯเวลา 11.00 น. วันที่ 11 ส.ค.

“ธรรมนัส” บอกไร้สัญญาณจาก พท.
ร.อ.ธรรมนัส
พรหมเผ่า สส.พะเยา เลขาธิการพรรค
พปชร.กล่าวถึงท่าทีเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรค พท.ว่า ต้องดูท่าที
พล.อ.ประวิตร หัวหน้าพรรค พปชร. ตอนนี้เหมือนเดิมคืออยู่นิ่งๆ
อย่าให้ข่าวอะไรมาก เดี๋ยวจะผิดเพี้ยนไป ขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่ออะไร
ถามว่าเรามีโอกาสหรือไม่อยู่ที่พรรค พท.เราต้องอยู่นิ่งๆตามมารยาท
แต่เชื่อว่าพรรค ภท.กับพรรค
พท.คงประสานไปเบื้องต้นแล้วว่าจะมีพรรคอื่นเพิ่มเติมหรือไม่ เมื่อถามว่า
เป็นการวัดพลัง 212 เสียงกับพรรค พปชร.หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า
ได้ยินแต่ข่าว ไม่เคยมีเรื่องการวัดพลัง ไม่มีประเด็นว่าพรรค พปชร.ถูกพรรค
พท.หลอก ทำให้ดีลไม่ลงตัว
ร่วม รบ.ต้องไปกันทั้งพรรค
เมื่อถามว่าพรรค
พปชร.และพรรค ภท.มีสัญญาใจไปไหนไปกันใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า
เป็นเรื่องเอกภาพของแต่ละพรรค
เมื่อถามว่าพรรคพท.แถลงว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะไม่มี 2 ลุงแน่นอน การที่มี
สส.บางส่วนจะไปสมทบเป็นไปได้หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า
ทำอะไรต้องเป็นมติคณะกรรมการบริหารพรรคและ สส.เป็นเอกฉันท์ว่าไปในทิศทางใด
ไม่ใช่กลุ่มไหนคิดจะไปก็ไป เมื่อถามว่าการที่พรรคพท.ไม่เอาลุง พรรค
พปชร.จะทำอย่างไรจะไม่ไปร่วมแน่นอนใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า
เรื่องลุงไม่ใช่เรื่องสาระสำคัญสำหรับพรรค
พปชร.คือเรื่องบ้านเมืองเราจะร่วมแก้วิกฤติได้อย่างไร
ประชาชนต่างประสบความเดือดร้อน สำคัญที่สุดเร่งจัดตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุด
เมื่อถามว่าเงื่อนไขเรื่องลุงเป็นปัญหาที่พรรคพท.ต้องแก้เองใช่หรือไม่
ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า เวลานี้ พรรค พท.ประกาศตั้งรัฐบาลสมานฉันท์ก็ชัดเจนว่า
พรรค พท.ต้องหาทางออกเองว่าจะแก้อย่างไร
“อู๊ดด้า” ย้ำ ปชป.ไร้ซิกร่วมรัฐบาล พท.
นายจุรินทร์
ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ปชป. ให้สัมภาษณ์
ว่า พรรค พท.ไม่มีการติดต่อมา เป็นไปตามข้อบังคับพรรค เป็นหน้าที่
กก.บห.พรรคจะประชุมร่วมกับสส.
ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณอะไรที่ต้องนัดประชุมเรื่องนี้ พรรคมีความเห็นเป็น 2
ทางเสมอ
ทุกคนในพรรคมีสิทธิจะมีความเห็นที่ดีที่สุดสำหรับพรรคและประเทศสุดท้ายต้องยุติที่มติของพรรค
ถ้าต้องตัดสินใจเกี่ยวข้องกับการจัดตั้งรัฐบาล หรือการตัดสินใจทาง
การเมืองที่สำคัญ
พรรค ปชป.เป็นเช่นนี้มาตลอดต้องยึดมติพรรคเป็นหลัก
ส่วนวันประชุมใหญ่วิสามัญเลือก กก.บห.พรรคชุดใหม่
กก.บห.ชุดรักษาการจะหารือกับเลขาธิการพรรคอีกว่าวันเวลาเหมาะสมนัดประชุมอีกครั้งจะเมื่อไหร่
เป็นเรื่องภายในพรรคที่พูดคุยกันได้
ก.ก.เป็นฝ่ายค้าน “หมออ๋อง” ต้องออก
นายวิษณุ
เครืองาม รองนายกฯให้สัมภาษณ์ถึงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน
ที่รัฐธรรมนูญระบุห้ามไม่ให้ สส.ในพรรคการเมืองที่มีสมาชิกเป็นรัฐมนตรี
ประธานสภาฯและรองประธานสภาฯดำรงตำแหน่งว่า แม้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
หัวหน้าพรรคถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ยังไม่ถือว่าพรรค ก.ก.เป็นฝ่ายค้าน
จึงยังแต่งตั้งไม่ได้ ต้องรอให้รู้ก่อนว่าพรรคไหนเป็นพรรคร่วมรัฐบาลบ้าง
ผู้นำฝ่ายค้านต้องมาจากพรรคที่ไม่ได้ร่วมรัฐบาล
และต้องเป็นพรรคที่ใหญ่ที่สุดในฝ่ายค้าน กรณีนายปฏิพัทธ์ สันติภาดา
สส.พิษณุโลก พรรค ก.ก.รองประธานสภาฯคนที่ 1 ถ้าพรรค ก.ก.
ต้องเป็นผู้นำฝ่ายค้าน ต้องลาออกจากรองประธานสภาฯ
ทั้งนี้ที่ยังไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้หลายฝ่ายกังวลปีงบฯล่าช้าออกไป
ปกติช่วงนี้งบฯปี 67 จะเข้าสภาฯถ้าได้รัฐบาลเดือน
ก.ย.กว่าจะทำงบฯได้ต้องแถลงนโยบายให้เสร็จก่อน อาจช่วงปลาย ก.ย.หรือต้น
ต.ค.ต้องใช้อีก 1 เดือนทำงบฯปี 67 เข้าสภาฯ เดือน พ.ย.-ธ.ค.อยู่ในสภาฯอีก 3
เดือน จะพอดีกับการทำงบฯปี 68 ทำให้งบฯ 2 ปีซ้อนกัน
ไม่ทราบว่าจะเสียหายเท่าใด ต้องให้ภาคเอกชนประเมิน
สว.รับลูกสอบคุณสมบัติ “เสี่ยนิด”
เมื่อเวลา
09.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง
และการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา มีนายเสรี สุวรรณภานนท์
สว.ในฐานะประธาน กมธ.ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณากรณีนายเรืองไกร
ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรค พปชร.ยื่นเรื่องให้ กมธ.ตรวจสอบคุณสมบัตินายเศรษฐา
ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯพรรค พท.กรณีหลีกเลี่ยงภาษีซื้อขายที่ดิน 512 ล้านบาท
หลังการประชุมนายเสรีกล่าวว่า
กมธ.รับเรื่องร้องเรียนของนายเรืองไกรไว้ตรวจสอบ
หลังจากนี้จะเชิญฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง
พยายามให้ได้ข้อสรุปก่อนวันโหวตนายกฯในครั้งถัดไป
ที่ประชุมยังได้ประเมินสถานการณ์การเมือง หลังจากพรรค พท.จับมือพรรค
ภท.ตั้งรัฐบาลว่า
เนื่องจากคะแนนแต่ละฝ่ายยันกันไปมาไม่มีฝ่ายใดได้คะแนนเด็ดขาด
และยังตั้งแง่กันเรื่องนโยบาย การตั้งนายกฯจึงไม่ใช่เรื่องง่าย
สถานการณ์ความวุ่นวายต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มที่ก้าวร้าว
กังวลว่าจะนำไปสู่ความรุนแรงมากขึ้น ดังนั้น
กมธ.จะจัดสัมมนาเชิญกลุ่มผู้ชุมนุม พรรคการเมือง ศาลยุติธรรม ตำรวจ อัยการ
มาหารือร่วมกันในวันที่ 1 ก.ย. ที่รัฐสภา ร่วมกันหาแนวทางออก ลดความรุนแรง
ก้าวร้าว เน้นทำความเข้าใจกัน และการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง
ย้ำไม่โหวตให้ พท.พา “ทักษิณ” กลับ
ต่อมาเวลา
13.30 น. ที่รัฐสภา พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม
สว.ให้สัมภาษณ์ถึงการจะไม่โหวตสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ พรรค พท.ว่า
ไม่สนับสนุนพรรค พท.ที่มีนโยบายเร่งด่วนจะตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.)
ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ดูแล้วมีวาระซ่อนเร้นนำไปสู่การแก้ไข
พ.ร.ป.รัฐธรรมนูญโดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขอายุความคดีทุจริตที่ไม่มีอายุความ
เพื่อช่วยเหลือนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
อดีตนายกฯให้กลับบ้านได้ เป็นการช่วยเหลือนายทุนพรรค พท.
ถ้าอยากได้เสียงสนับสนุนจากตน ขอให้ยุติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เพราะไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ตัวเลือกจากพรรค ก.ก.และ พรรค พท.ตนไม่สนับสนุน
หากตัวเลือกอื่นๆในลำดับ 3 คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภท. ลำดับ 4
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร.ถูกเสนอชื่อตนจะงดออกเสียง
จ้องตั้ง ส.ส.ร.โละ รธน.จะหนุนได้ไง
ต่อมา
พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สว. ให้สัมภาษณ์ว่า
ตั้งใจมาตลอดว่าเมื่อไม่สนับสนุนพรรคก.ก.เป็นนายกฯ ต้องสนับสนุนพรรค พท.
แม้ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่ทันทีที่ได้เสียงสนับสนุนจากพรรค
ภท.ประกาศจะเสนอให้ทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดย ส.ส.ร.ในการประชุม
ครม.ครั้งแรก สร้างวิกฤติความขัดแย้งขึ้นในชาติอีกครั้ง
ทำไมจึงให้ความสำคัญต่อการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นวาระเร่งด่วน
มากกว่าการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องประชาชน
ทั้งที่พรรค พท.ชนะเลือกตั้งตามกติการัฐธรรมนูญ 2560 หรือรัฐธรรมนูญ 2560
เป็นปัญหาอุปสรรคของนายทุน เจ้าของ พท.ทำให้ไม่สามารถกลับไทยได้แบบเท่ๆ
ไม่ต้องติดคุก จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องทำทันที
แล้วแบบนี้จะสนับสนุนนายกฯจากพรรค พท.ได้อย่างไร
“เสรี” รอดูท่าทีโฉมหน้ารัฐบาลใหม่
นายเสรี
สุวรรณภานนท์ สว. กล่าวถึงการจับมือตั้งรัฐบาลระหว่างพรรค พท.กับพรรค ภท.
ว่า สว.ต้องรอให้พรรคการเมืองรวมตัวจัดตั้งรัฐบาลให้เสร็จ
ต้องดูว่าจะมีพรรคใดเป็นรัฐบาลบ้าง แม้พรรค พท.จะเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน
แคนดิเดตนายกฯพรรค พท. แต่ยังมีระยะเวลาเหลืออยู่
ต้องรอดูว่าสุดท้ายจะเสนอชื่อใคร จะมีพรรค 2
ลุงหรือไม่ขึ้นอยู่กับแต่ละพรรคจะไปตกลงกัน
สว.ต้องรอดูการตั้งรัฐบาลจะสำเร็จมากน้อยแค่ไหน
ตอบตอนนี้จะกลายเป็นไปสนับสนุนพรรคใดจะไม่เหมาะสม การที่
สว.จะพิจารณาเห็นชอบนายกฯจะดูจาก 1.ไม่แตะมาตรา 112
และไม่แก้รัฐธรรมนูญหมวดสถาบัน
2.ดูคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของคนได้รับเสนอเป็นนายกฯว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่
3.ดูนโยบายแต่ละพรรค นำมาประกอบการตัดสินใจ
ส่วนที่นายเศรษฐาถูกยื่นตรวจสอบ กรณีเลี่ยงภาษีที่ดิน ขณะนี้นายเรืองไกร
ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ
มายื่นเรื่องให้คณะกรรมาธิการพัฒนาสังคมและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา
ตรวจสอบแล้ว กมธ.จะพิจารณารายละเอียด ต้องตรวจสอบให้ชัดเจน
ยื่น กกต. สอย “ชลน่าน” หาเสียงเท็จ
นายเรืองไกร
ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรค พปชร.กล่าวว่า
ได้ส่งจดหมายผ่านไปรษณีย์อีเอ็มเอสถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
เมื่อวันที่ 8 ส.ค.ให้ตรวจสอบกรณี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค
พท.แถลงข่าวตอบคำถามสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 7 ส.ค.ตอนหนึ่งว่า
“ไล่หนูตีงูเห่าเป็นภาพการรณรงค์ให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียงเลือกตั้ง
กิจกรรมแต่ละครั้งจัดบนวัตถุประสงค์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้นๆ มิติทางการเมือง
เราไปขอเสียงสนับสนุนจากพี่น้องประชาชน เราไม่เคยประกาศว่าเป็นศัตรูกับใคร
เราเป็นคู่แข่งกันจริง เทคนิคการหาเสียง วิธีการหาเสียง ต่างฝ่ายต่างมี
อันนี้เรียนด้วยความเคารพว่า เราไม่เคยคิดว่าเป็นศัตรูกัน”
เข้าข่ายหาเสียงหลอกลวงจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมืองตาม
พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.มาตรา 73 (5) หรือไม่
ครม.ไฟเขียว ลต.ซ่อมระยอง
น.ส.ไตรศุลี
ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุม ครม.
อนุมัติร่าง พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง สส.ระยอง เขตเลือกตั้งที่ 3
แทนนายนครชัย ขุนณรงค์ อดีต สส.ระยองพรรค ก.ก.ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 105
วรรคหนึ่ง (1) กำหนดให้ในกรณีที่
สส.เขตว่างลงเพราะเหตุอื่นใดนอกจากถึงคราวออกตามอายุของสภาฯให้ดำเนินการตรา
พ.ร.ฎ.เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้ง สส.แทนตำแหน่งที่ว่างลงภายใน 45 วัน
ตามที่ กกต.ยกร่าง พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง
และร่างแผนการจัดการเลือกตั้งเสนอต่อ ครม.คาดว่าวันเลือกตั้งคือวันที่ 10
ก.ย.66
ผบ.ตร.เล็งถอนประกันกลุ่มทะลุวัง
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
(ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.กล่าวว่า กลุ่มทะลุวัง
ที่ไปกระทรวงวัฒนธรรมผิดหลายข้อหา ทั้งเรื่องบุกรุก ทำให้เสียทรัพย์
พ.ร.บ.รักษาความสะอาด มีอัตราโทษสูง ได้ออกหมายเรียกตามขั้นตอนแล้ว
ส่วนกรณีที่พรรค พท. เมื่อวันที่ 7
ส.ค.ทราบว่าจะมีการมากล่าวหาดำเนินคดีข้อหาคงคล้ายๆกัน
มาตรการการดูแลความเรียบร้อยแต่ละพื้นที่ได้วางแผนรองรับไว้ทั้งหมดแล้ว
แต่เหตุการณ์วันที่ 7 ส.ค.ทาง บก.น.1
ต้องประเมินเพิ่มเติมหากมีประชุมเกี่ยวข้องกับการตั้งรัฐบาล
ต้องเตรียมมาตรการให้เข้มงวดมากขึ้น
อยากเตือนว่าทุกคนมีสิทธิที่ชุมนุมได้แต่ต้องอยู่ในกรอบกฎหมาย
ทุกคนมีกรอบกฎหมายเท่ากัน แต่ละครั้งที่ทำเท่ากับความผิด 1 กรรม
บางคดีหากเป็นความผิดเสียหายต่อรัฐบางข้อหาตำรวจดำเนินคดีได้อยู่แล้วแต่หน้างาน
หากเหตุไม่รุนแรงมากอาจหลีกเลี่ยงการจับกุมซึ่งหน้า
ทุกคดีเราจะดำเนินคดีย้อนหลัง และใครที่เคยได้รับการประกันตัว
หรือทำผิดซ้ำซาก มีโอกาสถูกเพิกถอนประกัน ตำรวจจะเสนอต่ออัยการทั้งหมด
ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลหรืออัยการ
“ชูวิทย์” เหน็บ พท.คบชู้หิ้วอีหนูเข้าบ้าน
นายชูวิทย์
กมลวิศิษฎ์ นักเคลื่อนไหว โพสต์เฟซบุ๊กว่า แล้วก็ถึงวันที่เพื่อไทยพา
“อีหนู” ออกงานอย่างเป็นทางการหลังฉีก “ทะเบียนสมรส (MOU)” ไม่ถึงอาทิตย์
หน้าตาพอพาไปวัดตอนค่ำได้ แถมพกกัญชาเข้าบ้านมาด้วยจะไหวหรือ?
หมดเวลาทำลับๆ ล่อๆหลบๆซ่อนๆแอบคบชู้เจรจาหวานแหววลับหลังเมียหลวงก้าวไกล
พากันประกาศให้ลุงข้างบ้านฟังว่า ที่จำเป็นต้อง “ผิดผี”
เพราะวิกฤติของประเทศชาติรอไม่ได้
ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนสร้างวิกฤติให้เกิดขึ้นเอง เอะอะอ้างเรื่องปากท้อง
ไม่รู้ปากท้องของใคร? ยังหน้าด้านให้เมียหลวงช่วยกลับมา “ซักผ้า” ให้อีก
คือขอ 151 เสียง ของก้าวไกลมาโหวตนายกฯให้ จิตใจมันช่างเหี้ยมโหด
นี่แหละหนาชายสามโบสถ์ แต่ก่อนบอกว่า “ไล่หนูตีงูเห่า ไม่เอากัญชา”
ตอนนี้กลับอ้างว่า “เป็นเทคนิคการหาเสียง” ให้มันได้อย่างนี้ ยังเหลือ
“ความเป็นชายชาตรี” อยู่ไหม?
ศาลสั่ง กกต.แจงคดีจ้องสอย “พิธา”
ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง
ศาลนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาในคดีที่นายยงยุทธ เสาแก้วสถิต ทนายความ
ยื่นฟ้องนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.กับพวกรวม 7 คน
ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ กระทำการในฐานะเจ้าพนักงานของรัฐ
โดยทุจริต เจตนา ร่วมกันออกประกาศ กกต.เลือกตั้ง สส. 2566
กรณีตรวจสอบคุณสมบัตินายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
สมัครรับเลือกตั้งกรณีถือหุ้นไอทีวี
วันนี้โจทก์และทนายโจทก์มาศาลโจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มจำเลยที่เป็น กกต.อีก 1
คนรวมมีจำเลย 8 คน ศาลตรวจคำฟ้องและเอกสารท้ายฟ้องของโจทก์
เห็นว่าคำฟ้องยังไม่ได้ระบุข้อเท็จจริงรายละเอียดและพฤติการณ์ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดของจำเลยทั้ง
8 และเรื่องอื่นๆให้โจทก์แสดงพยานหลักฐานชัดเจนเพียงพอ
แก้ฟ้องให้ถูกต้องภายใน 30 วัน ศาลยังมีคำสั่งเห็นควรมีหนังสือถึงสำนักงาน
กกต.ให้ส่งเอกสารการตรวจสอบผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งต่างๆกับแนบระเบียบ
คำสั่งและกฎหมายที่เกี่ยวข้องมายังศาลภายใน 30 วันด้วย
นัดฟังคำสั่งอีกครั้ง 25 ก.ย.
ด่วน “บิ๊กป้อม” ลาออกจากหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐแล้ว
พบูลย์ นิติตะวัน”
แจ้งที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี “พล.อ.ประวิตร”
ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐแล้ว
แต่ก็จะยังอยู่ดูแลพรรคตลอดไปเมื่อเวลา
09.35 น. วันที่ 29 ก.ค. 2566 ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีครั้งที่ 3/2566
โดยนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
ทำหน้าที่ประธานการประชุม ตามที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี
ในฐานะหัวหน้าพรรค มอบหมาย โดยนายไพบูลย์ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า
พล.อ.ประวิตร ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐแล้ว
แต่ก็จะยังอยู่ดูแลพรรคตลอดไป
ดังนั้นกรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบันจึงหมดวาระลง
ซึ่งในการประชุมวันนี้จะมีวาระการเลือกตั้ง กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่
จากนั้น
นายไพบูลย์ได้แจ้งวาระการประชุม
โดยมีการบรรจุวาระการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคเพิ่มเติม
และเปิดให้สมาชิกเสนอชื่อผู้ที่จะให้มาเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ โดย นายอรรถกร
ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา ได้เสนอชื่อพลเอกประวิตร อีกครั้ง
เพียงคนเดียว จากนั้นได้เชิญสื่อมวลชน และผู้ไม่เกี่ยวข้องออกจากห้องประชุม
ส่วนตำแหน่งเลขาธิการพรรค
ได้มีการเสนอชื่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา
ให้ดำรงตำแหน่งเพียงชื่อเดียวเช่นกัน ขณะที่นายสันติ พร้อมพัฒน์
ได้ขยับขึ้นไปเป็นรองหัวหน้าพรรค
อย่างไรก็ตาม
มีรายงานว่า
พล.อ.ประวิตรไม่มีภารกิจภายนอกอยู่ภายในมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ในฐานะประธานประสานงาน สส. พรรค
พปชร.เข้าพบ
“ธิดา” หวั่น “ทักษิณ” ถูกหลอก ชี้ เป็นช่วงเวลาพิสูจน์จะทรยศประชาชนหรือไม่
ธิดา” หวั่น “ทักษิณ”
ถูกหลอกเป็นตัวประกันทางการเมือง เชื่อ
หากเพื่อไทยไปจับมือกับกลุ่มขั้วอำนาจเดิม เสื้อแดงโบกมือลา ชี้
เวลานี้คือการพิสูจน์ว่าจะมีการทรยศประชาชนหรือไม่ วันที่
28 กรกฎาคม 2566 นางธิดา ถาวรเศรษฐ
อดีตรักษาการประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)
ให้สัมภาษณ์กับไทยรัฐทีวี โดยอยากให้ทำความเข้าใจก่อนว่า
กลุ่มคนเสื้อแดงมีอยู่ 2 กลุ่ม คือ
กลุ่มคนที่ต่อต้านรัฐประหารและผลพวงการสืบทอดอำนาจ
และกลุ่มแฟนคลับที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย
เพราะฉะนั้นจะเหมารวมว่าคนเสื้อแดงคือแฟนคลับพรรคเพื่อไทยทั้งหมดไม่ได้
เพราะทุกวันนี้กลุ่มเสื้อแดง หรือ นปช.เดิม
ที่มีอุดมการณ์ในการต่อต้านรัฐประหาร
ก็ผันเปลี่ยนไปเป็นกลุ่มเสื้อส้มแล้วก็มี
จากนั้นผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะกลับไทย กลุ่มคนเสื้อแดงคิดอย่างไร
นางธิดา ระบุ ส่วนตัวมองว่ากลุ่มเสื้อแดงทั้ง 2 กลุ่ม อยากให้ นายทักษิณ
ได้รับความยุติธรรม เพราะคดีความที่ นายทักษิณ
เจอเป็นผลพวงมาจากการรัฐประหารปี 2549 ซึ่งไม่เป็นธรรม แต่นอกจาก นายทักษิณ
จะได้รับความเป็นธรรมแล้ว ก็อยากให้คนอื่นๆ
ที่ได้รับผลกระทบนี้ได้รับความเป็นธรรมด้วย
เมื่อถามต่อไป
การที่นายทักษิณกลับมา ถูกโยงไปถึงเรื่องดีลลับจัดตั้งรัฐบาล
มองว่าจะเป็นแบบนั้นได้หรือไม่ นางธิดา ตอบว่า นายทักษิณ
เป็นคนที่มีลักษณะมุ่งมั่น ไม่อยากไปตายนอกแผ่นดิน
และไม่ยอมแพ้ต่อการดำรงอยู่ของพรรคการเมือง
ส่วนคำถามว่าเชื่อหรือไม่ว่ามีการติดต่อพูดคุยดีลลับกัน นางธิดา
เชื่อว่าเป็นไปได้ที่มีการติดต่อพูดคุยกัน แต่เป็นการดีลเรื่องของตัวเอง
คือพูดคุยถึงเรื่องการจะเข้ามาอย่างไรให้มีสิทธิพิเศษที่ดีขึ้น
หรือมีโอกาสที่จะได้รับการอภัยโทษหรือเปล่า
ซึ่งตนไม่รู้ตื้นลึกหนาบางตรงนั้น 
ทักษิณ ชินวัตร แต่การที่จะให้
นายทักษิณ ไปดีลเรื่องให้พรรคเพื่อไทยไปร่วมกับพรรคที่สืบทอดอำนาจ
ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะใช่แบบนั้น เพราะนายทักษิณ
มีบทเรียนเดิมมาจากตอนทำนิรโทษกรรมสุดซอย ดังนั้นเชื่อว่า นายทักษิณ
คงจะไม่เอาพรรคการเมืองมาเกี่ยวเรื่องนี้ด้วย
ส่วนเหตุผลที่ต้องกลับเข้ามาก่อน
ส่วนตัวคาดการณ์ว่าเพราะหากเข้ามาหลังจากที่พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลแล้ว
คนจะมองว่าเข้ามาโดยใช้สิทธิ์พรรคจัดตั้งรัฐบาลเข้ามา
และอาจมีปัญหาต่อพรรคการเมืองต่อไป
ขณะที่คำถามว่า นายทักษิณ กลับมารอบนี้จะถูกหลอกหรือไม่ นางธิดา ตอบว่า “เป็นไปได้
และก็อาจจะถูกจับไปเป็นตัวประกันเลยก็ได้ การที่คุณทักษิณกลับมีอยู่ 2
ด้าน ระหว่างด้านบวกและด้านลบ
ด้านบวกคือคุยกันมาเรียบร้อยถึงสิทธิพิเศษและการอภัยโทษ
แต่ด้านลบคุณทักษิณอาจจะกลายเป็นตัวประกัน
เพื่อให้พรรคเพื่อไทยเป็นแบบนั้นแบบนี้ หรือนำไปร่วมมือกับใคร
ซึ่งมันเป็นไปได้ทั้ง 2 ทาง”
พร้อมกล่าวต่อไปว่า
ตนไม่ไว้ใจพวกจารีตอำนาจนิยม เพราะกลุ่มพวกนี้ต้องทำเพื่อให้รักษาอำนาจต่อ
และการหลอกครั้งนี้จะเป็นการหลอก นายทักษิณ พรรคเพื่อไทย
และคนสนับสนุนพรรคเพื่อไทยทั้งหมด เข้าใจว่า นายทักษิณ อยากกลับบ้าน
และเข้าใจความไม่เป็นธรรมที่ นายทักษิณ เจอ แต่อยากให้ระวังเรื่องนี้

ทั้งนี้ หากพรรคเพื่อไทยไปจับมือกับกลุ่มอำนาจนิยมเพื่อจัดตั้งรัฐบาล
ตนคิดว่าพรรคเพื่อไทย และนายทักษิณ
จะสูญเสียสถานะของการอยู่ฝ่ายประชาธิปไตยและต่อต้านเผด็จการมาเป็นระยะเวลายาวนานเกือบ
20 ปีทันทีที่ข้ามขั้วไปทำแบบนั้น
เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้หาเสียงมาตลอดว่าไม่เอา 2 ลุง
หากทำแบบนั้นเองพรรคเพื่อไทยในอนาคตจะตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก
เพราะไม่อยู่กับฐานและผู้สนับสนุนของตน
นางธิดา ยังได้ตอบคำถามกรณีที่ นายทักษิณ
กลับมาจะปลุกกระแสคนเสื้อแดงให้กลับมาอีกครั้งได้หรือไม่ ว่าไม่เกี่ยวกัน
เพราะคนเสื้อแดงมี 2 กลุ่ม หาก นายทักษิณ
ทรยศต่ออุดมการณ์ประชาธิปไตยไปจับมือกับกลุ่มฆาตกรก็อาจจะไม่มีการสนับสนุนตรงนั้นกลับมา
ส่วนประเด็นว่าการต่อสู้ของ นายทักษิณ
เป็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยโดยตรงหรือเป็นการสู้ไปกราบไป นางธิดา เผยว่า
นายทักษิณ
ไม่ได้เข้ามาทำพรรคการเมืองเพื่อเป็นนักต่อสู้หรือปฏิวัติตั้งแต่แรก
เพราะตอนที่เข้ามาในตอนนั้นบ้านเมืองสงบเรียบร้อยอยู่แล้ว
เข้ามาเพื่อแก้ไขเศรษฐกิจและความยากจน และ นายทักษิณ
คิดว่าเมืองไทยเป็นประชาธิปไตยอยู่แล้ว
ต่างกับพรรคก้าวไกลที่เข้ามาตอนที่ประเทศมีปัญหา
และเข้ามาเพื่อที่อยากจะเปลี่ยนแปลงประเทศ มันต่างกัน
นอกจากนี้
คำถามว่าการต่อสู้ของด้อมส้มและเสื้อแดงแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร นางธิดา
ตอบว่า เสื้อแดงคือการต่อต้านรัฐประหารไม่ใส่สีของพรรค ดังนั้น
ด้อมส้มหรือแฟนคลับของพรรคก้าวไกลตอนนี้ก็เป็นคนเสื้อแดงมาก่อนจำนวนมาก
และวิญญาณหลักของกลุ่มส้มและแดงคือวิญญาณเดียวกัน
วิญญาณการต่อต้านรัฐประหารและผลพวงการสืบทอดอำนาจ
ทางด้านเรื่องกลุ่มเสื้อแดงที่เป็นผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย
และกลุ่มแฟนคลับพรรคก้าวไกลทะเลาะกัน ตนมองว่าไม่ได้เป็นนักต่อสู้จริง
เพราะนักต่อสู้จริงๆ จะไม่ไปทะเลาะกันแบบนั้น เพราะแดงส้มจริงๆ
คืออุดมการณ์เดียวกัน คือไม่เอารัฐประหาร ดังนั้นจะมาทะเลาะกันทำไม

เพื่อไทย ก้าวไกล 6 นโยบายเปลี่ยนประเทศ
เพื่อไทย และ ก้าวไกล
2 พรรคการเมือง ที่กวาดที่นั่งในสภาไปได้อย่างท้วมท้น การเลือกตั้ง 2566
บนรอยต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง นโยบายใช้มัดใจ ผู้ลงคะแนนเสียง
และต้องจับตาการดำเนินนโยบายต่อจากนี้ จะเป็นไปตามสัญญาหรือไม่
โดยเฉพาะนโยบายเศรษฐกิจ สังคม ที่ดินทำกิน และแรงงาน
แม้มีความใกล้เคียงกัน แต่เชิงรายละเอียด
จำเป็นจะต้องมีการทำงานอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบางนโยบายอาจล้มเหลว
สิ่งนี้ประชาชน ต้องร่วมกันจับตา ผลักดันเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลง.
นายกฯ ยกคณะนั่งรถไฟขบวนพิเศษ 995 สวมผ้าใบ ตรวจราชการ ชลบุรี-ระยอง
นายกรัฐมนตรี สวมผ้าใบ ควง รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม และคณะ นั่งรถไฟขบวนพิเศษ 995 จากหัวลำโพงไปตรวจราชการ ชลบุรี-ระยอง
เมื่อเวลา
08.45 น. วันที่ 4 พ.ย. 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง
ออกเดินทางด้วยรถไฟขบวนพิเศษ 995 ชานชาลาที่ 5 จากสถานีรถไฟกรุงเทพฯ
(หัวลำโพง) ไปยังสถานีรถไฟแหลมฉบัง ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสุรสีห์
กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์
เลขาธิการตณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน นายจุฬา สุขมานพ
เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก นายสนธยา คุณปลื้ม
ประธานที่ปรึกษาเมืองพัทยา ร่วมคณะ
โดยเวลา 08.12 น.
นายกฯ เดินทางมาถึงสถานีรถไฟหัวลำโพงด้วยชุดเสื้อสูทลำลอง รองเท้าผ้าใบ
ได้แวะดื่มกาแฟร่วมกับคณะ ก่อนเดินมาขึ้นรถไฟ ทั้งนี้นายกฯ
จะเดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.ชลบุรี และ จ.ระยอง
อย่างไรก็ตามระหว่างที่นายเศรษฐา
พร้อมคณะ โดยสารรถไฟจากสถานีรถไฟกรุงเทพฯ (หัวลำโพง)
ไปยังสถานีรถไฟแหลมฉบัง ตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
เพื่อตรวจราชการภาคตะวันออก ชลบุรี – ระยอง ได้รับทราบรายงานจาก นายกีรติ
กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือ AOT
ว่า แม้จะได้รับแรงผลักดันมาจากนโยบายวีซ่าฟรี
แต่ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าไทย ยังต่ำกว่าที่คาดการณ์อยู่ที่
60-70 % จากปี 2562 จึงยังต้องช่วยกันผลักดันอยู่
นอกจากนี้
ยังได้ประสานกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เรื่องการปรับมาใช้เครื่อง
ในการตรวจผู้โดยสารขาออก โดยตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.เป็นต้นไป จะใช้เครื่อง
และ กำลังคนผสมกัน โดยให้ความมั่นใจว่า เครื่องดังกล่าว
สามารถดักจับได้ทั้งอาชญากร ผู้ที่พำนักอยู่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และ
ผู้ไม่พึงประสงค์ต่างๆ ถ้าหากตกลงกันจนได้ข้อสรุปภายในปีนี้ คาดว่า ในเดือน
ก.ค. 67 จะติดตั้งอุปกรณ์เสร็จ และ
สามารถปรับมาใช้เครื่องตรวจผู้โดยสารขาออกแทนกำลังคนได้ทั้งหมด
ขณะที่
นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการท่าเรือแห่งประเทศไทย
รายงานความคืบหน้าโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ถูกนายกรัฐมนตรี
เบรกถึง 2 ครั้ง ให้พูดเข้าประเด็นปัญหา ไม่ต้องรายงานเรื่องอื่น
พร้อมทวงถามถึงความล่าช้า ที่มีหลายเสียงสะท้อนมา ก่อนจะได้รับคำตอบว่า
ล่าช้าเพียง 1.8 % เหตุผลหลักมาจากการส่งมอบพื้นที่ และ
เรือขุดจากประเทศจีนเข้ามาไม่ได้ เพราะการระบาดโรคโควิด-19 และ
คาดว่าจะเสร็จตามแผนเดือน มิ.ย. 67 และ เมื่อ EEC เสร็จสมบูรณ์แบบ
อัตราการรองรับขนถ่ายสินค้าของท่าเรือ จะอยู่ในอันดับ 13-15 ของโลก ดังนั้น
นายกรัฐมนตรี
จึงขอให้จัดแถลงข่าวใหญ่ความคืบหน้าให้สังคมได้รับทราบในสัปดาห์หน้า และ
กำชับให้เร่งรัดงาน ไม่งั้นเราเสียหายหนัก เพราะเวียดนาม และ อินโดนีเซีย
เป็นคู่แข่งสำคัญ อย่าให้ใครมาใส่ไฟนักลงทุน ที่จะเข้ามาลงทุนในไทย
อย่าให้ใครมาด้อยค่าหน่วยงานของท่าน มันไม่ดี ต้องเร่งทำความเข้าใจ
ต้องสร้างความเชื่อมั่น



เปลี่ยนเรือดำน้ำ เป็นเรือฟริเกต “เศรษฐา” ยันเจรจาแล้ว ย้ำ เดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต
“นายกฯ เศรษฐา” เผย
กรณีเปลี่ยนเรือดำน้ำ เป็นเรือฟริเกต
ยืนยันมีการเจรจาแล้วด้วยบรรยากาศที่ดี สั่งติดตาม “เสี่ยแป้ง นาโหนด”
นักโทษหลบหนี ใครมีเอี่ยวเอาผิดถึงที่สุด ย้ำ เดินหน้านโยบายดิจิทัลวอลเล็ต
เวลา
15.00 น. วันที่ 23 ตุลาคม 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
แถลงข่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉินความไม่สงบในอิสราเอล-กาซา
ณ กระทรวงการต่างประเทศ
โดยในช่วงหนึ่งได้ตอบคำถามกรณีการจะเปลี่ยนเรือดำน้ำ เป็นเรือฟริเกต ว่า
ขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเมื่อมีข้อมูลครบแล้วค่อยเจรจาดีกว่า
เชื่อว่าเป็นข่าวดีและมีความคืบหน้าไปได้ด้วยดี
ต้องให้เกียรติกระทรวงกลาโหม ให้เวลาทำงาน
“ไปเจรจามาแล้ว ยืนยันว่ามีการพูดคุยกันด้วยบรรยากาศที่ดี คอยอีกสักประเดี๋ยวนึงให้มีความคืบหน้าจริงๆ ให้มันชัดเจนจริงๆ ดีกว่า” เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่าประเทศไทยจะเสียเปรียบใช่หรือไม่ นายเศรษฐา ตอบสั้นๆ ว่า “ไม่ครับ”
ส่วนเรื่องประเด็นนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต
10,000 บาท นายกรัฐมนตรี ระบุว่ายังคงยืนยันในนโยบาย
ขณะนี้กำลังปรับแต่งนโยบายในเรื่องที่มาที่ไปของเงิน วิธีการใช้ต่างๆ
ขอให้มีการประชุมคณะอนุกรรมการ และคณะกรรมการก่อน แล้วจึงจะแถลงให้ทราบ
เมื่อถามต่อไปว่าวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567
ประชาชนจะได้รับข่าวดีตามที่เคยพูดไว้ใช่หรือไม่ นายเศรษฐา ตอบว่า
เดี๋ยวจะมีการแถลง
ขณะที่กรณี นายเชาวลิต ทองด้วง หรือ
เสี่ยแป้ง นาโหนด
นักโทษชายที่หลบหนีขณะเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราชนั้น
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า มีการกำชับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไปแล้ว รวมถึง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งดูแลกรมราชทัณฑ์
ต้องไปสืบให้ได้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร
และไม่ว่าใครทำผิดก็ต้องเอาผิดถึงที่สุด เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง.
นายกฯ เศรษฐา เผย
รถไฟรางคู่เฟส 2 ขอนแก่น-หนองคาย เตรียมเข้าครม. อีกครั้งเดียวจบ
เชื่อนายกฯ อบจ.อุดรฯ เข้าใจหลังจวกแรงของบฯ พืชสวนโลก งอก 5,500 ล้านบาท
หยอดคำหวาน ลงพื้นที่อีสานรู้สึกอบอุ่น แวะเดินตลาดเลือกผ้าไทยตัดชุดประชุม
ครม. แม่ค้าสุดดีใจเจอนายกฯ ตัวเป็นๆ ถึงกับโทรศัพท์หาเพื่อน บอก ดีใจสุดๆ
จนขนแขนลุกซู่
วันที่
9 กันยายน 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน
นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
กล่าวถึงการลงพื้นที่จังหวัดอุดรธานีและหนองคาย ว่า
ดูเรื่องจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้าและศุลกากร
เพราะหนองคายเป็นประตูเศรษฐกิจสำคัญที่สุด
ปริมาณการค้าระหว่างประเทศที่ผ่านจากประเทศไทยไปลาวและไปประเทศจีนเป็นเรื่องใหญ่
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของศุลกากรการเกษตรและคมนาคม
รถไฟรางคู่ที่ต้องมาจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้า
สะพานมิตรภาพไทยลาวต้องยกระดับรับน้ำหนักมากขึ้น และมีประเด็นอื่นๆ อีกเยอะ
ส่วนการพัฒนาสถานีรถไฟนาทา จ.หนองคาย
ที่จะเป็นจุดเวียนถ่ายสินค้าคงต้องใช้เวลาพอสมควรในการสร้างพื้นที่ให้เป็นจุด
One stop service ถ่ายสินค้า แต่ตอนนี้เราต้องมีการนับหนึ่งก่อน
โดยกลับไปต้องมีการประชุมกันอีกครั้ง โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นโต้โผหลักในการประสานงาน
รวมถึงการเจรจาการค้าระหว่างประเทศที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศร่วมด้วย
เพราะถ้าหากเราทำดีแล้วยังติดขัดกับฝ่ายลาวอีกทำให้ไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้
สำหรับความแตกต่างทางด้านเศรษฐกิจระหว่างจังหวัดขอนแก่นและจังหวัดอุดรธานีนั้น
ทั้งสองจังหวัดถือว่าเป็นพื้นที่ใหญ่ของภาคอีสานตอนบนและเป็นเมืองท่า
เพราะมีสนามบิน มีศักยภาพสูงที่จะพัฒนาต่อไปได้
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการท่องเที่ยวหรือภาคอุตสาหกรรมที่จังหวัดอุดรธานีจะมีการสร้างนิคมอุตสาหกรรมขึ้นมา
มีสินค้าหลายอย่างที่ยังไม่สามารถนำศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ ซึ่งทั้ง 3
วันที่ผ่านมาได้พบปะและรับฟังปัญหาพี่น้องภาคเอกชนและข้าราชการ

ส่วนรถไฟรางคู่เฟส
2
จากจังหวัดขอนแก่นมาจังหวัดหนองคายต้องเข้าที่ประชุมครม.หรือสามารถทำต่อไปได้เลย
นายเศรษฐา ระบุว่า เข้าใจว่าเข้าครม.อีกครั้งเดียวก็จบแล้ว
เพราะงบประมาณมีการกันไว้เรียบร้อยและเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนอีกเรื่องหนึ่ง
ใช้เงินไม่มากนักแต่ประโยชน์มหาศาล
แต่ก็ต้องทำควบคู่กันไปกับจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้า
ทำให้สะพานมิตรภาพไทยลาวรับน้ำหนักได้มากขึ้น
การเจรจากับลาวและต้องมีการทำวันสตอปเซอร์วิสด้วยเพื่ออำนวยความสะดวกให้ภาคเอกชน
นายกรัฐมนตรี
กล่าวว่า แนวทางในการส่งออกสินค้าระหว่างไทย ลาว
และจีนมีการรวมหลายภาคส่วนเข้าด้วยกัน
ทั้งการคมนาคมเกี่ยวกับเรื่องรถไฟรางคู่
จุดเปลี่ยนถ่ายสินค้าที่ต้องมีความทันสมัย และต้องแข่งกับฝ่ายลาวด้วย
ซึ่งการเจรจาการค้าระหว่างประเทศการขนถ่ายสินค้าเป็นไปด้วยดี
รวมทั้งสิ่งก่อสร้างต่างๆ
และหวังว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้งในปลายเดือนหน้าเพื่อติดตามความคืบหน้า
ส่วนเรื่องงบประมาณที่ลงมาในพื้นที่ภาคอีสานจำนวนมากและเพิ่มมากขึ้นจะทำให้เป็นปัญหาต่อการทำงานหรือไม่
นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องงบประมาณไม่อยากให้เป็นเรื่องยาก
เป็นเรื่องที่ต้องบริหารจัดการกัน ทุกหน่วยงาน ทุกภาคส่วน
ประชาชนทุกจังหวัดก็ต้องการการพัฒนาต่อไป เป็นหน้าที่ของฝ่ายรัฐบาล
กระทรวงทบวงกรมทุกแห่งต้องมีการจัดสรรงบประมาณที่เหมาะสมและเรียงลำดับความสำคัญให้ดี
ดูเรื่องงบประมาณให้ดี งบประมาณที่อนุมัติไปแล้วก็อย่าให้เพิ่มมากขึ้น
ต้องช่วยกันบริหารจัดการงบประมาณให้อยู่ในกรอบที่สามารถทำได้
ไม่เช่นนั้นก็จะมีปัญหาเรื่องวินัยการเงินการคลังอีก
เราเองทราบดีและตระหนักถึงว่าประชาชนมีความเดือดร้อนเยอะ
ความเดือดร้อนก็ต้องแก้ไขด้วยการมีงบประมาณออกไป
ถ้าหากการของบของแต่ละหน่วยงานแต่นายกรัฐมนตรีไม่ได้ให้จะให้การทำงานมีปัญหาหรือไม่นั้น
นายเศรษฐา กล่าวว่า อะไรที่เหมาะสมเราก็ต้องทำ
อะไรไม่เหมาะสมก็ต้องถูกตีกลับไปพิจารณากันใหม่
เพราะหลายกระทรวงก็มีความต้องการกันเยอะ
เรื่องบางอย่างไม่ต้องการงบประมาณก็สามารถทำได้
ซึ่งอยากให้รัฐมนตรีหลายท่านโฟกัสที่จุดนี้ด้วยเช่นกัน
ในการเปลี่ยนแปลงนโยบาย รวมถึงการแก้กฎกติกา
บางอย่างที่ไม่ต้องการงบประมาณก็สามารถทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้นได้

ส่วนกังวลหรือไม่เพราะที่ผ่านมาการใช้งบประมาณเกี่ยวข้องกับคะแนนของแต่ละพรรคด้วย
นายเศรษฐา กล่าวว่า เรามาทำงานวันนี้เพื่อประชาชน
ซึ่งเรื่องความต้องการของประชาชนเป็นเรื่องที่สุด
ส่วนการจัดงานมหกรรมพืชผลโลกที่มีการของบประมาณเพิ่มเท่าตัว
ซึ่งงานเหลือระยะเวลาอีก 3 ปี
จะมีการเพิ่มงบให้หรือไม่และจะบริหารจัดการอย่างไร นายเศรษฐา ระบุว่า
เป็นเรื่องที่แปลกใจ เมื่อวานนี้ (8 ก.ย.) เป็นการมารับฟังความคืบหน้า
ซึ่งเหลือเวลาอีก 3 ปีเราก็ต้องดูให้ดี หากสร้างไม่ทันก็จะเป็นปัญหา
ซึ่งการเพิ่มงบประมาณอีก 3,000 ล้านบาท ตนเชื่อว่าทุกคนมีความกังวล แต่ทาง
อบจ.บอกแล้วว่าเป็นผู้นำเสนอ
และทางนักวิชาการก็ต้องกลับไปช่วยกันดูให้เหมาะสม
ลดค่าใช้จ่ายทำให้อยู่ในกรอบงบประมาณที่สามารถทำได้
หาเพิ่มมานิดหน่อยก็น่าจะสามารถพิจารณาได้ แต่สำคัญที่สุดคือจุดเริ่มต้น
ที่ต้องเริ่มแล้วไม่เช่นนั้นไม่ทัน และจะเป็นการเสียหน้า ทั้งนี้
หวังว่าอบจ.จะเข้าใจ เพราะทุกภาคส่วนต้องการงบประมาณหมด
ซึ่งบางนโยบายก็เป็นเรื่องยาก
ตนจึงบอกว่าอยากลงพื้นที่ให้ได้มากที่สุดเพื่อมารับฟังปัญหา
ซึ่งหลายเรื่องยังไม่ได้ถูกหยิบยกมาพูด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญหายาเสพติด
ส่วนจะมีการประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
แล้วจะเร่งบริหารจัดการต่อไป นอกจากเรื่องปากท้องแล้ว
ปัญหายาเสพติดก็เป็นปัญหาสำคัญของภาคอีสานเช่นกันที่ไม่อยากให้รัฐบาลเราต้องดูทุกเรื่อง
นอกจากนี้นายเศรษฐา
ระบุว่า การลงพื้นที่ภาคอีสาน หลังได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
รู้สึกอบอุ่นมากกว่าช่วงหาเสียง
เนื่องจากว่าเมื่อถูกวิพากษ์วิจารณ์หรือต้องการให้กำลังใจ
แล้วได้มาลงพื้นที่อีสานโดยเฉพาะสามจังหวัดนี้ (ขอนแก่น อุดรธานี
และหนองคาย) ซึ่งได้รับการต้อนรับที่ดีนั้น จะทำให้มีกำลังกลับไปมากขึ้น

ทั้งนี้
ก่อนเดินทางไปขึ้นเครื่องที่สนามบินอุดรธานีนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา
ได้เดินมาถึงอุโบสถได้มีชาวบ้านเข้ามาขอถ่ายรูป
พร้อมนำผ้าขาวม้ามาผูกที่เอว และกล่าวว่า ต้องผูกแน่นๆ จะได้อยู่นานๆ
พวกเรารอมานานแล้ว นายกรัฐมนตรีต้องอยู่นานๆ จากนั้นนายเศรษฐา
ได้เข้ากราบสักการะพระพุทธรูปหลวงพ่อพระใส พระพุทธรูปสำคัญคู่เมืองหนองคาย
และนมัสการพระเทพวชิรคุณ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ชัย
พร้อมทั้งรับพรจากเจ้าอาวาสที่ระบุว่า ได้ติดตามพวกท่านทั้งหมด
รู้จักชื่อรัฐมนตรีทุกคน ขอให้ช่วยกันบริหารประเทศให้ดี จากนั้นนายเศรษฐา
ได้ก้มกราบรับน้ำมนต์จากเจ้าอาวาส
โดยเจ้าอาวาสได้ใช้ตอกพรมน้ำมนต์แตะไปที่ศีรษะของนายกรัฐมนตรี
ระหว่างทางนายกรัฐมนตรีได้แวะตลาดผ้านาข่า
เพื่ออุดหนุนสินค้าของวิสาหกิจชุมชน
โดยบรรยากาศที่ตลาดเป็นที่ฮือฮาของแม่ค้าและประชาชนที่มาเดินซื้อของในตลาด
เข้ามาขอถ่ายรูปและนำผ้าขาวม้าผ้าทอมาผูกเอวให้กับนายกรัฐมนตรี
พร้อมกับบอกว่าตัวจริงนายกรัฐมนตรีไม่ได้แก่เหมือนที่เห็นในโทรทัศน์
แต่ตัวสูงมาก
ขณะที่แม่ค้าคนนึงถึงกับโทรศัพท์บอกเพื่อนว่าดีใจหลายไม่คาดคิดว่านายกรัฐมนตรีจะลงมาเดินซื้อของที่ตลาดนาคาพร้อมโชว์ขนแขนลุก
ดีใจมากได้เห็นนายกฯ ตัวเป็นๆ
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินชมสินค้าพร้อมบอกว่า
ประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรกจะต้องใส่ผ้าไทย ซึ่งได้เตรียมตัดไว้แล้ว
แต่มาวันนี้ก็อยากจะมาเลือกผ้าเพื่อไปตัดเพิ่ม
โดยนายกรัฐมนตรีได้เลือกซื้อผ้าทอสีเหลือง ยกดอกสุรินทร์ 1 ผืน ในราคา
8,500 บาท

ก่อนเดินทางกลับนายเศรษฐา
กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับสินค้า OTOP
แต่เข้าใจว่าตอนนี้มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายที่สูง
แต่ขอยืนยันว่าในการประชุมครม. นัดแรกจะลดค่าไฟฟ้า และค่าน้ำมัน
เพื่อเป็นการบรรเทาทุกข์เบื้องต้น ส่วนปัญหาหนี้สินก็จะดูแลด้วย
จากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะได้เดินทางต่อไปยังสนามบินนานาชาติจังหวัดอุดรธานีเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร



คาด "ทักษิณ" พ้นโทษ ไม่ต้องติดกำไล เงื่อนไขห้ามยุ่งการเมือง 13 ต.ค.นี้
บิ๊ก ยธ. ย้ำ "ทักษิณ"
ต้องรับโทษ 1 ใน 3 ของโทษที่ได้พระราชอภัยโทษ 1 ปี
และเข้ารายงานตัวรายเดือน แต่เนื่องจากเป็นผู้ต้องขังสูงวัย ป่วยรุมเร้า 4
โรคเรื้อรัง และเคยเป็นนายกรัฐมนตรี อาจเข้าข่ายไม่ต้องติดกำไล EM
แต่พ่วงเงื่อนไขไม่ให้ยุ่งงานการเมืองใดๆ โดยเชื่อว่า "โทนี่"
จะพ้นโทษและได้รับการปล่อยตัวทันที เมื่อมีพระราชกฤษฎีกา
พระราชทานอภัยโทษในวาระสำคัญ 13 ต.ค. หรือ วันที่ 5 ธ.ค.
กรณีเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระราชทานอภัยลดโทษ
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากโทษจำคุก ใน 3 คดี จำนวน 8 ปี
ลดเหลือรับโทษเพียง 1 ปี เพื่อจะได้ใช้ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์
ช่วยเหลือและทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบไป
อีกทั้งในกรณีอดีตนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ต้องขังสูงวัยพร้อมกับมีอาการเจ็บป่วย
4 โรคเรื้อรังและยังอยู่ระหว่างการนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ
เป็นเหตุให้อาจเข้าข่ายเกณฑ์ผู้ต้องขังสูงวัย
ที่จะได้รับการพิจารณาพักการลงโทษ ตามที่มีการนำเสนอข่าวไป
เมื่อเวลา
10.00 น. วันที่ 3 ก.ย. 66 ผู้สื่อข่าว
สอบถามกรณีดังกล่าวกับแหล่งข่าวระดับสูงของกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า
กรณีของนายทักษิณ เป็นผู้ต้องขังสูงวัยและมีอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง
อาจเข้าเกณฑ์อย่างใดอย่างหนึ่งตามกฎกระทรวง แห่ง พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560
คือ อาจจะต้องรับโทษอย่างน้อย 1 ใน 3 ดังนั้น หากนายทักษิณ ผ่านหลักเกณฑ์
ก็จะเหลือโทษ 1 ใน 3 ของ 1 ปี และหากได้รับการพักการลงโทษ
ก็จะเป็นไปตามขั้นตอน คือ ราชทัณฑ์นำตัวไปรายงานต่อเจ้าพนักงานคุมประพฤติ
ภายใน 3 วัน เพื่อกำหนดนัดหมายวันเวลาสำหรับการรายงานตัวรายเดือน
ส่วนเรื่องการติดหรือไม่ได้ติดกำไล
(EM) ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพนักงานคุมประพฤติ แต่ในกรณีของนายทักษิณ
เป็นผู้ต้องขังสูงวัยที่ป่วยรุมเร้าด้วย 4 โรคเรื้อรัง
และยังเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และสำนึกในการกระทำความผิด
เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี
จึงเป็นไปได้ว่าจะไม่เข้าข่ายต้องติดกำไล EM
แต่อาจจะพ่วงเงื่อนไขไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับงานการเมืองใดๆ แหล่งข่าวระดับสูงเผยอีกว่า อย่างไรก็ตาม
ความเป็นไปได้ที่นายทักษิณจะพ้นโทษและได้รับการปล่อยตัวทันที คือ
กรณีมีพระราชกฤษฎีกา ประกาศลงราชกิจจานุเบกษา
โดยการพระราชทานอภัยโทษเป็นการทั่วไป ในวาระโอกาสสำคัญ เช่น วันที่ 13 ต.ค.
หรือ วันที่ 5 ธ.ค. เป็นต้น
ซึ่งจะต้องดูรายละเอียดแนบท้ายด้วยว่ามีสาระเนื้อหาการยกเว้นอื่นใดหรือไม่
แต่ทั้งหมดเป็นเรื่องของพระราชอำนาจ
พระราชทานอภัยลดโทษ นช.ทักษิณ เหลือ 1 ปี "อิ๊งค์" สํานึกในพระมหากรุณาธิคุณ
พระราชทานอภัยลดโทษ
“ทักษิณ ชินวัตร” ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
หลังจากเป็นนักโทษเด็ดขาดตามคำพิพากษาจำคุก 8 ปี ลดโทษเหลือจำคุก 1 ปี
“วิษณุ” ชี้ หลังจากนี้จะดำเนินการตามปกติเหมือนนักโทษทั่วไป
เมื่อนายทักษิณหายป่วยจะกลับเข้าเรือนจำ
ถ้าอาการป่วยไม่ดีขึ้นก็ต้องรักษาตัวต่อไป ด้าน “เศรษฐา” นายกรัฐมนตรี
แสดงความยินดีกับครอบครัวชินวัตร คาดสภาพจิตใจน่าจะดีขึ้น
กรณีนายทักษิณ
ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตัดสินใจเดินทางกลับประเทศไทยเป็นครั้งแรกในรอบ
15 ปีเข้ารับโทษในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ตามคำพิพากษา 3 คดีรวม 8 ปี
ตรวจร่างกายเบื้องต้นพบมีโรคประจำตัว 4 โรค ระหว่างอยู่ในเรือนจำ 13 ชม.
อาการป่วยกำเริบ แน่นหน้าอก ความดันสูง ประกอบกับ เป็นโรคหัวใจ
ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่มีแพทย์เฉพาะทาง ตัดสินใจส่งรักษาตัวที่ชั้น
14 หอผู้ป่วยพิเศษระดับสูง อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา
โรงพยาบาลตำรวจ จนมีกระแสต่อต้านกล่าวหาว่าไม่ได้ป่วยจริง
นอกจากนี้ยังมีข่าวการขอพระราชทานอภัยโทษออกมาอย่างต่อเนื่อง ต่อมานายวิษณุ
เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมาเปิดเผยว่า
นายทักษิณยื่นขอพระราชทานอภัยโทษแล้ว ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ความคืบหน้าจากทำเนียบรัฐบาล
เมื่อเวลา 14.09 วันที่ 1 ก.ย. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี
ทำหน้าที่ รมว.ยุติธรรม
กล่าวให้สัมภาษณ์ก่อนหน้าจะโปรดเกล้าฯอภัยลดโทษนายทักษิณ ชินวัตร
อดีตนายกฯว่า เรื่องนี้ขอไม่ตอบ
มันไม่สมควรที่เราจะไปคอมเมนต์หรือไปพูดตรงไหนและการถวายฎีกาคือ
การติดต่อระหว่างนักโทษกับพระเจ้าอยู่หัวเรา อย่าไปวิจารณ์ตรงนั้น
ข้อความเขาไม่เอามาเปิดเผยกัน
ธรรมเนียมของการขอพระราชทานอภัยโทษจะบอกเพียงว่า
ขอพระราชทานอภัยโทษจะไม่เขียนอย่างอื่น การอภัยโทษมี 3 อย่างคือ ลดโทษ
เปลี่ยนโทษ และปล่อยตัวจะมีเงื่อนไข ถามว่า
จะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวทำให้สังคมเกิดความแตกแยกหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า
เป็นสิทธิที่นักโทษพึงมี ถ้าป่วยจริงถือเป็นสิทธิธรรมดาไม่ใช่อภิสิทธิ์
นักโทษธรรมดาส่งไปโรงพยาบาลตั้งเยอะแยะ
ต่อมาเวลา 15.20 น.
เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชหัตถเลขาพระราชทานอภัยลดโทษความว่า
ตามที่นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร
ยื่นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษว่า
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาจำนวน 3 คดี
คดีที่ 1 คดีหมายเลขแดงที่ อม.4/2551 ความผิดต่อหน้าที่ราชการ
กำหนดโทษจำคุก 3 ปี คดีที่ 2 คดีหมายเลขแดงที่ อม.10/2551
ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ
ความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ
กำหนดโทษจำคุก 2 ปี ซึ่งคดีที่ 1 กับคดีที่ 2
นับโทษซ้อนกันรวมกำหนดโทษจำคุก 3 ปี และคดีที่ 3 คดีหมายเลขแดงที่
อม.5/2551 ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ
การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวมกำหนดโทษจำคุก 5 ปี
รวมกำหนดโทษจำคุก 8 ปี รับโทษมาแล้ว 10 วัน เหลือโทษจำคุก 7 ปี 11 เดือน 20
วัน อยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
ความว่า
เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน
ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน
มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
เมื่อถูกดำเนินคดีและศาลมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกดังกล่าว
ด้วยความเคารพในกระบวนการยุติธรรม ยอมรับผิดในการกระทำ
มีความสำนึกในความผิด จึงขอรับโทษตามคำพิพากษา
ขณะนี้อายุมากมีปัญหาสุขภาพเจ็บป่วยต้องเข้ารักษาพยาบาลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนั้น
ซึ่งความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว
จึงพระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษให้นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร
เหลือโทษจำคุกต่อไปอีก 1 ปีตามกำหนดโทษตามคำพิพากษา
เพื่อจะได้ใช้ความรู้ความสามารถ
ประสบการณ์ช่วยเหลือและทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ สังคมและประชาชนสืบไป
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหา วชิราลงกรณ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พล.อ.ประยุทธ์
จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ต่อมาเวลา 16.00 น.
นายวิษณุให้สัมภาษณ์อีกครั้งผ่านทางโทรศัพท์ภายหลังเว็บไซต์ราชกิจจา
นุเบกษาเผยแพร่พระราชทานอภัยลดโทษนายทักษิณเหลือ 1 ปีว่า
ขั้นตอนหลังจากนี้จะดำเนินการตามปกติเหมือนนักโทษทั่วไป
เมื่อนายทักษิณหายป่วยจะกลับเข้าเรือนจำ
ถ้าอาการป่วยไม่ดีขึ้นก็ต้องรักษาตัวต่อไป
เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วบังคับใช้ได้ทันที
ตั้งแต่วันที่โปรดเกล้าฯลงมา
ที่พรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา
ทวีสิน นายก รัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษว่า เห็นบอกว่าลดโทษเหลือ 1 ปีใช่หรือไม่
ก็ยินดีกับครอบครัวด้วย ครอบครัวน่าจะสบายใจขึ้น
เพราะเห็นว่านายทักษิณเป็นความดันสูงซึ่งน่าเป็นห่วง
และสภาพจิตใจของนายทักษิณน่าจะดีขึ้น
นายวิญญัติ
ชาติมนตรี ทนายความของนาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
เผยทางโทรศัพท์กรณีราชกิจจานุเบกษาลงประกาศพระบรมราชโองการพระราชทานอภัยลดโทษนายทักษิณ
ชินวัตร เหลือจำคุก 1 ปีว่า ได้ทราบข่าวจากการประกาศราชกิจจา นุเบกษา
วันนี้ทนายความยังไม่ได้เดินทางไปเยี่ยม
แต่ผลที่ประกาศราชกิจจานุเบกษาดังกล่าวถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยเมตตาให้นายทักษิณ
เรื่องดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนที่กรมราชทัณฑ์ต้องนำไปดำเนินการต่อไป
หลังจากนี้ต้องขอร้องประชาชนคนไทยไม่สมควรวิพากษ์วิจารณ์
หรือออกมาโต้แย้งคัดค้านใดๆ
เพราะอาจเป็นก้าวล่วงหรือละเมิดพระราชอำนาจพระมหากษัตริย์ในส่วนคดีที่ยังค้างพิจารณาอยู่
ไม่ว่าเป็นชั้นสอบสวนหรือชั้นศาล
ทางทนายความจะดำเนินการในฐานะจำเลยหรือผู้ถูกกล่าวหาตามสิทธิของกระบวนการยุติธรรมทางอาญา
เรื่องใดในชั้นสอบสวน จะร้องขอความเป็นธรรม
และขอให้สอบสวนต่อพนักงานอัยการ
เนื่องจากต้องให้โอกาสผู้ต้องหาต่อสู้คดีอาญาอย่างเต็มที่
ส่วนคดีที่อยู่ระหว่างพิจารณาในชั้นศาล
หากมีคดีที่สามารถถอนฟ้องหรือยอมความได้ต้องดำเนินการเพื่อหาข้อยุติตามกฎหมายต่อไป
ผมจะเดินทางไปเยี่ยมนายทักษิณอีกครั้งต้นสัปดาห์หน้า” นายวิญญัติกล่าว
เย็นวันเดียวกัน
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาว นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ข้าพเจ้า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายทักษิณ ชินวัตร
และครอบครัว รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
และนายทักษิณ ชินวัตร จะใช้ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ ทั้งชีวิต
ทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ สังคม ประชาชน
และรับใช้สถาบันพระมหากษัตริย์สืบไป ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
วันเดียวกันสำนักข่าวต่างประเทศรายงานอ้างเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาว่า
พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10
ทรงมีพระมหากรุณาอภัยลดโทษนักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร
อดีตนายกรัฐมนตรี เหลือโทษจำคุกต่อไป 1 ปี จากเดิม 8 ปี
เนื่องจากเคยทำคุณประโยชน์ให้ประเทศชาติ ประชาชน
และจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมทั้งแสดงให้เห็นว่า
เคารพกระบวนการยุติธรรม ยอมรับความผิดและน้อมรับคำตัดสินของศาล
นอกจากนี้ยังมีโรคประจำตัวที่ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์
สื่อต่างประเทศยังระบุด้วยว่า
นายทักษิณ อดีตนายก รัฐมนตรี วัย 74 ปี
ทำเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษเมื่อวันก่อน
หลังจากเดินทางกลับประเทศไทยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว
และถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ
ต่อมาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจเนื่องจากอาการเจ็บหน้าอกและความดันโลหิตสูงจนถึงปัจจุบัน
โผ ครม.เศรษฐา 1 "เสี่ยนิด" นายกฯ ควบ รมว.คลัง-"วราวุธ" นั่ง รมว.พาณิชย์
ผ "ครม.เศรษฐา 1"
เก้าอี้กระทรวงใหญ่ เริ่มชัดแล้ว "เสี่ยนิด" นายกฯ ควบ รมว.คลัง อีกตำแหน่ง
เพื่อเดินหน้า ดิจิทัลวอลเล็ต หมื่นบาท "วราวุธ" แนวโน้มสูง นั่ง
รมว.พาณิชย์ "อนุทิน"ยังไม่แน่ นั่ง รมว.มหาดไทย รทสช.ได้
"พลังงาน-แรงงาน" วันที่
24 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทย (พท.) การแบ่งโควตาคณะรัฐมนตรี
(ครม.) ว่า การแบ่งเก้าอี้ ครม. โดย นายเศรษฐา ทวีสิน ว่าที่นายกรัฐมนตรี
จะควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และมี นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล
เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการ (รมช.) เพื่อขับเคลื่อนนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000
บาท ตามที่พรรคได้หาเสียงไว้
ขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค เมื่อลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทยแล้ว ก็อาจจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรค เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเศรษฐกิจและสังคม
โดยกระทรวงคมนาคม ขณะนี้มีชื่อ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย
ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศเป็น นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค ชัดเจน ได้เป็นรัฐมนตรี แต่ยังไม่ชัด เป็นกระทรวงใด
นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านพื้นที่กรุงเทพมหานคร (มาดามนครบาล) เป็นกระทรวงวัฒนธรรม
ขณะที่ พรรคพลังประชารัฐ
(พปชร.) มี สส. 40 คน จะได้รัฐมนตรี 4 ตำแหน่ง แต่มีผู้ต้องการเกินโควตา
คือ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ร.อ.ธรรมนัส
พรหมเผ่า น.ส.ตรีนุช เทียนทอง นายสันติ พร้อมพัฒน์ และนายไผ่ ลิกค์
จึงยังคุยกันไม่ลงตัว มีตำแหน่งคาดว่า ลงตัวแล้ว พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ
ประธานที่ปรึกษาพรรค นั่งรองนายกฯ ควบ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำหรับ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)
ได้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม ชัดเจน
พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ
จะรับตำแหน่งรมว.พลังงาน ส่วน ม.ล.ชโยทิต กฤดากร
จะรับตำแหน่งรมว.อุตสาหกรรม
พรรคภูมิใจไทย ยังมีสิทธิ
ได้ตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่ต้องดูการเจรจา ระหว่างพรรค
เพื่อไทย กับ พรรค พปชร.เกี่ยวกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะจบลงอย่างไร
เพราะหากพรรคเพื่อไทย ไม่ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับพรรค พปชร.
อาจยกกระทรวงดังกล่าวให้กับพรรคภูมิใจไทย
นอกจากนี้ยังจะได้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
พรรคชาติไทยพัฒนา
(ชทพ.) จะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
ซึ่งมีชื่อของ นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค เป็นผู้รับตำแหน่ง
หรือไม่ก็เป็น รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ขณะที่ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี
คาด กระจายให้ผู้บริหารแต่ละพรรค ทั้ง พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ
ประธานที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐ และนายอนุทิน ชาญวีรกูล
หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
ยืนยัน "ทักษิณ" ย้ายไปรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจแล้ว เนื่องจากอาการป่วยกำเริบ
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยืนยัน "ทักษิณ" ย้ายไปรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจแล้ว เนื่องจากอาการป่วยกำเริบในช่วงกลางดึก ทางโรงพยาบาลเตรียมแถลงข้อมูลชี้แจง
วันที่
23 สิงหาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีข่าวลือ รายงานว่า
อดีตนายายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ถูกย้ายตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจในช่วงกลางดึก
ดังที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น (ลือสะพัด "ทักษิณ" ป่วยกลางดึก ย้ายไปรักษาตัวโรงพยาบาลตำรวจ)
ล่าสุด
นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้ยืนยันกับไทยรัฐออนไลน์ว่า
ย้ายไปกลางดึกแล้ว โดยได้รับรายงานจาก ผบ.เรือนจำว่า
นายทักษิณมีอาการป่วยกำเริบกลางดึก จึงย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ
ช่วงเวลาประมาณ 01.00-02.00 น. ในวันที่ 23 ส.ค. ซึ่งจะรีบชี้แจงรายละเอียด
และทางโรงพยาบาลตำรวจจะแถลงอีกครั้ง
เมื่อถามถึง
กรณีที่อาการดีขึ้น จะต้องกลับมาเรือนจำไหม ทางอธิบดีกล่าวว่า
ต้องกลับมาตามจำคุกที่เรือนจำ แต่อยู่ที่การวินิจฉัยของแพทย์ และตำรวจ
อย่างไรก็ตาม หากมีรายงานเพิ่มเติม ไทยรัฐออนไลน์ จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง.
เพื่อไทย มั่นใจได้เสียงหนุน “เศรษฐา ทวีสิน” เกิน 375 รอแถลงเป็นทางการ
เพื่อไทย มั่นใจได้เสียงหนุน
“เศรษฐา ทวีสิน” เกิน 375 เสียง คณะเจรจาเดินสายคุยทุกพรรคการเมือง ได้
314 พร้อมคืบหน้าคุยขอเสียง สว.เป็นไปด้วยดี
รอทุกพรรคแถลงข่าวร่วมเป็นทางการ ก่อนโหวตนายกฯ 22 ส.ค.นี้
เมื่อวันที่
18 ส.ค. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า
วันเดียวกันนี้ทีมเจรจาของพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว
หัวหน้าพรรค, นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง
เลขาธิการพรรค ได้เดินสายพูดคุยกับพรรคการเมืองต่างๆ
ที่แสดงตัวสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย เพื่อยืนยันเสียงสนับสนุน
นายเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งทุกพรรคยืนยันสนับสนุน
ทำให้ตอนนี้มีเสียงที่แน่นอนแล้ว 314
นอกจากนี้ยังได้ไปพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และขอเสียงสนับสนุนจาก สว.
ซึ่งมีความคืบหน้าไปได้ด้วยดี ทำให้ทางพรรคเพื่อไทยมั่นใจว่าวันที่ 22 ส.ค.
จะมีเสียงเกินหนึ่งของรัฐสภา
โดยหลังจากนี้เมื่อทุกอย่างชัดเจนแล้วพรรคเพื่อไทยจะเชิญตัวแทนทุกพรรคที่ร่วมสนับสนุนมาแถลงข่าวร่วมกับพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นทางการ
ก่อนโหวตเลือกนายกฯ วันที่ 22 ส.ค.
"รังสิมันต์" ยัน เดินหน้าญัตติ เสนอชื่อซ้ำ ย้ำจุดยืน ไม่หนุน "เศรษฐา"
"โรม"
ยัน เดินหน้าญัตติ เสนอชื่อซ้ำ ยังไม่ตอบพร้อมเป็นฝ่ายค้าน
รอดูพรรคร่วมรัฐบาล ย้ำจุดยืน ไม่หนุน "เศรษฐา" ทุกแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย
รับผิดหวัง แต่ต้องมูฟออน บอก ไม่อยากให้ไปถึง รัฐบาลลุง สังคมรับไม่ไหว
วันที่
18 ส.ค. ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล
ยืนยันว่า จะยังเดินหน้าในญัตติที่เคยยื่นไว้
เรื่องการพิจารณาเสนอชื่อนายกฯ ซ้ำ มองว่า คำวินิจฉัยของศาล คือ
ยังไม่วินิจฉัย สภา ยังสามารถทบทวนได้ และการประชุมวันนี้
ก็จะหารือกับนายวันมูหะมัดนอร์ เพื่อขอเวลาและโอกาสในการพิจารณาญัตติ
หากถ้าเกมการโหวตออกมาในรูปเดิม
นายรังสิมันต์ บอกว่า คงทำอะไรไม่ได้ และคงไม่เสนอญัตติซ้ำ
หากสภายังยึดถือบรรทัดฐานแบบนี้ ก็คงต้องยอมรับไปก่อน
และอนาคตค่อยมาว่ากันอีกที
ส่วนพร้อมจะไปเป็นฝ่ายค้านเลยหรือไม่
หากกระบวนการโหวตนายกฯ สำเร็จ นายรังสิมันต์ บอกว่า ฝ่ายค้านจะเกิดขึ้นได้
ต้องมีฝ่ายรัฐบาลก่อน ซึ่งต้องรอดูในวันที่ 22 สิงหาคม นี้
เมื่อถามถึง
การที่พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ ชัดเจนแล้วว่า
จะร่วมสนับสนุนพรรคเพื่อไทย เรื่องนี้พรรคก้าวไกล ยังไม่ได้มีการประชุม
แต่จะมีการนัดประชุม ย้ำจุดยืนพรรคยังเหมือนเดิม จะไม่โหวตให้แคนดิเดตนายกฯ
จากพรรคเพื่อไทย ไม่ว่า นายเศรษฐา หรือใครก็ตาม เพราะยืนยันไปหลายครั้งว่า
"มีลุง ไม่มีเรา"
ส่วนในวันโหวตจะถึงขั้นวอล์กเอาต์หรือไม่
นายรังสิมันต์ บอกว่า ยังไม่ได้คิด เบื้องต้นต้องทำหน้าที่การประชุม
และอยู่ในกลไกปกติ แต่อย่างไรคงต้องประชุมในพรรคอีกครั้ง
เมื่อถามถึงการพูดคุยถึงตำแหน่งรองประธานสภา
ของนายปดิพัทธ์ สันติภาดา นายรังสิมันต์ บอกว่า
การประชุมพรรคยังไม่ได้พูดคุยตำแหน่งรองประธานสภา ว่าจะอย่างไร
เพราะต้องมีรัฐบาลก่อน มองว่า หากจะตัดสินใจอะไรในเรื่องพวกนี้
ใช้เวลาแค่แป๊บเดียวเท่านั้น
ส่วนความรู้สึกของ
สส. ในพรรคตอนนี้ บอกว่า เราได้รับความรู้สึกของประชาชนมาค่อนข้างเยอะ
และก็รู้สึกแบบเดียวกันกับเรา มาถึงจุดนี้ยังอยู่แบบเดิม เพิ่มเติม คือ
พรรคการเมืองที่จะเป็นพันธมิตร นำมาซึ่งความผิดหวัง แต่เราต้องมูฟออน
เมื่อถามว่า
ในอนาคตจะทำงานกับพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ นายรังสิมันต์ บอกว่า
เป็นกลไกของสภา เพราะกฎหมายที่เสนอไปหลายฉบับ ก็ต้องขอเสียงจากทุกฝ่าย
ย้ำว่า หากต้องเป็นฝ่ายค้านจริงก็ต้องทำหน้าที่ฝ่ายค้าน
ส่วนสถานการณ์เสียงของ
สว. ตอนนี้ ดูเหมือนไม่อยากโหวตให้นายเศรษฐา
จะส่งผลให้หลุดไปยังพรรคพลังประชารัฐ ที่จะเสนอ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ
เป็นนายกฯ หรือไม่ นายรังสิมันต์ บอกว่า ไม่อยากให้ไปถึงขั้นนั้น
เป็นรัฐบาลลุง เพราะยากที่สังคมจะรับไหว
สำหรับสถานการณ์การชุมนุมหลังโหวตนายกฯ
เสร็จสิ้น นายรังสิมันต์ บอกว่า ยังตอบไม่ได้ว่า จะเกิดขึ้นหรือไม่
เพราะยังไม่เห็นหน้าตารัฐบาล ว่า มีพรรคการเมืองไหน ได้กระทรวงอะไรบ้าง
“เพื่อไทย” ตีปี๊บสลายขั้ว ชวนทุกพรรคทุกกลุ่มหนุนตั้งรัฐบาลพิเศษ
แก้วิกฤติชาติ ดับไฟขัดแย้ง 20 ปี อ้อนขอ เสียงโหวต สว. และ
สส.ทุกพรรคทุกค่ายเป็นรายบุคคล ไม่เหมารวมพรรค ตั้งโต๊ะโชว์ตัว 6 พรรคร่วมฯ
238 เสียง ได้พรรค ชทพ.มาสมทบ “ชลน่าน” โอ่มีเสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว
แต่ยังอ้าแขนรับทุกเสียงโหวต “ภูมิธรรม” วอนข้ามเส้นงูเห่า ไม่มีขั้ว
ไม่มีลุง พร้อมขอขมาง้อขอเสียง สส.พรรคก้าวไกล เพื่อประเทศเดินหน้า “เสรี”
ยกสามก๊ก แนะเปิดรับเลี้ยงดูไพร่พลพรรคลุง “แพทองธาร”
นำทีมแกนนำเดินข้ามตึกหารือขอเสียงหนุนจาก ก.ก. “อุ๊งอิ๊ง” บอกคุยกันด้วย
เหตุผลแบบผู้ใหญ่
ไม่ใช่การเล่นเกมการเมืองแต่ยังไร้คำตอบเพื่อนเก่าเทเสียงให้หรือไม่ “พิธา”
ออกตัวไร้ข้อสรุป แค่รับฟังกันแบบมืออาชีพอย่างตั้งใจและมีวุฒิภาวะ
กกต.ตีตก 3 คำร้องยุบ พท.-ก.ก.-พปชร.พรรคเพื่อไทย
(พท.) ทยอยเปิดตัวพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล
โดยเดินหน้าขายแนวคิดสลายขั้วการเมือง เพื่อขอเสียงสนับสนุนจากทั้ง
สส.ทุกพรรค และสว. เพื่อโหวตเลือกแคนดิเดตนายกฯของพรรค
พท.และจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรค พท.เป็นแกนนำ
ขอให้ยึดวาระประเทศไทยและประชาชนเป็นหลัก
โดยได้รับการตอบรับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
...“พลังสังคมใหม่” รับร่วม รบ.เพื่อไทย
เมื่อเวลา
08.40 น. วันที่ 8 ส.ค. นายเชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ
หัวหน้าพรรคพลังสังคมใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคเพื่อไทย (พท.)
ทาบทามให้เข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลว่า ได้ตอบรับเรียบร้อยแล้ว
พรรคไม่ได้มีเงื่อนไขใด ยินดีเข้าร่วมเพื่อจัดตั้งรัฐบาลให้ได้เร็วที่สุด
หากการตั้งรัฐบาลนี้ต้องมีพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และพรรครวมไทยสร้างชาติ
(รทสช.) มาร่วม พรรค พท.ได้ละลายความขัดแย้ง
นำศัตรูมาเป็นมิตรเพื่อให้สามารถตั้งรัฐบาลได้สำเร็จด้วยดี
เชื่อว่าน่าจะมีเสียงสนับสนุนเพียงพอ ส่วนนายเศรษฐา ทวีสิน
แคนดิเดตนายกฯพรรค พท.จะมีปัญหาถูกร้องเรียนภาษีที่ดิน 500 ล้านบาท
ไม่กังวลเป็นธรรมดาของการเสียภาษี กรมสรรพากรมีอัตราการเสียภาษีอยู่แล้ว
นายเศรษฐาไม่กังวลอะไร ไม่ติดใจเรื่องนี้ เชื่อว่าคุณสมบัติยังครบถ้วนอยู่
พรรค พท.ยังหวังเสียง สว.ที่ประสานอยู่ คงจะได้เสียงพอในครั้งนี้
จะเชิญใครมาร่วมอีกหรือไม่ ไม่ได้ถามเป็นสิทธิของพรรค
พท.จะเชิญพรรคใดมาร่วมรัฐบาลให้สำเร็จ
มั่นใจแก้ รธน.ไม่กระทบเสียง สว.
เมื่อถามว่าพรรค
พท.ระบุจะแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ
จะกลายเป็นชนวนความขัดแย้งในเวลานี้หรือไม่ นายเชาวฤทธิ์กล่าวว่า
เชื่อว่าการแก้ไขต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปีขึ้นไป สว.จะหมดวาระเดือน พ.ค.
67 จึงไม่น่าจะกังวล กว่าจะมีรัฐธรรมนูญประกาศ ใช้เวลา 4-5 ปี สำหรับ
สส.ชุดที่ 26 ส่วนท่าทีพรรคก้าวไกล (ก.ก.)
จะยกมือโหวตหนุนนายกฯจากพรรคเพื่อไทยให้หรือไม่ พรรค
ก.ก.สอบถามความเห็นคนในพรรคไปแล้ว จะมีมติสนับสนุนพรรค
พท.หรือไม่เป็นเอกสิทธิ์ของ สส. เชื่อว่าหากตั้งรัฐบาลได้รวมเสียงได้
260-270 เสียง ไม่เป็นเสียงปริ่มน้ำ เพราะรัฐบาลชุดที่แล้วรวมเสียงได้เพียง
255-256 เสียง ยังอยู่ได้ครบ 4 ปี อยู่ที่
สส.พรรคร่วมรัฐบาลขัดแย้งกันหรือไม่

2 พรรคจิ๋วถูกทาบแต่ยังไม่ตัดสินใจ
นายสุรทิน
พิจารณ์ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ เปิดเผยว่า
มีคนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) โทรศัพท์มาชักชวนเข้าร่วมรัฐบาล
แต่ยังไม่ให้คำตอบจะเข้าร่วมหรือไม่ มีประเด็นต้องพิจารณาความชัดเจน อาทิ
ตัวบุคคลที่จะเสนอเป็นนายกฯ ถ้าเป็นนายเศรษฐา ทวีสิน
แคนดิเดตนายกฯมีประเด็นต้องพิจารณาข้อมูลที่มีการกล่าวหา
การเลือกนายกฯของประเทศไม่อยากให้มีข้อผิดพลาด
จะโหวตเห็นชอบได้หรือไม่ยังประเมินอยู่ หากนายกฯพรรค
พท.มีปัญหาแล้วเปลี่ยนเป็นนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท.
อาจมีปัญหาอีก เพราะมีประเด็นถูกตรวจสอบ แต่หากเปลี่ยนเป็น พล.อ.ประวิตร
วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อาจเป็นไปได้
เบื้องต้นทราบว่าจะนัดโหวตอีกครั้งวันที่ 18 ส.ค.
นายกฤดิทัช
แสนธนโยธิน สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคใหม่ กล่าวว่า
มีบางพรรคโทรศัพท์มาชวนให้ร่วมจัดตั้งรัฐบาล แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจ
ยังรอความชัดเจนจากพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
ประสานให้เข้าร่วมเป็นรัฐบาลโดยตรง
พรรคใหม่ไม่ติดใจจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล
ที่ผ่านมาเน้นทำนโยบายเพื่อประชาชน ไม่หวังตำแหน่งใดๆ
ครูไทยฯยังไม่ได้รับเทียบเชิญ
นายปรีดา
บุญเพลิง สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคครูไทยเพื่อประชาชน กล่าวว่า
ขณะนี้ยังไม่มีพรรคการเมืองใดต่อสายให้ไปร่วมสนับสนุนจัดตั้งรัฐบาล
พรรคครูไทยเพื่อประชาชน มี สส.เสียงเดียว จึงอาจไม่สนใจ
การจัดตั้งรัฐบาลแม้เปลี่ยนขั้ว แต่ยังดูไม่ราบรื่นถือเป็นปกติของการเมือง
แต่หากพรรคอันดับ 1 จัดตั้งไม่ได้ ต้องส่งต่อให้พรรคอันดับ 2
หากยังไม่ได้ต้องส่งไม้ต่อไปพรรคลำดับอื่นไปเรื่อยๆจนถึงนายกฯคนนอก
พรรคที่ตั้งไม่ได้ต้องถอย แต่ไม่ใช่ถอยไปลงถนน
“วราวุธ” ตอบรับร่วมวงหารือ
นายวราวุธ
ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์ว่า พรรค
พท.นัดหารือถึงแนวทางทำงานร่วมกันที่รัฐสภา วันที่ 10 ส.ค.เวลา 09.30 น.
จากนั้นจะมีแถลงข่าวร่วมกันเวลา 10.00 น.
ยังตอบไม่ได้ว่าจะตอบรับการรวมเป็นรัฐบาลหรือไม่
ต้องขอคุยแนวทางร่วมกันอีกครั้งก่อน เมื่อถามว่าพรรค
พท.เตรียมดึงเสียงสนับสนุนจากพรรค ก.ก.ช่วยโหวตนายกฯ นายวราวุธตอบว่า
หากเป็นเช่นนั้นต้องพิจารณาอีกครั้ง ยังตอบไม่ได้และเหตุการณ์ยังไม่เกิด
ต้องรอดูสถานการณ์อีกครั้ง พรรค
ชทพ.เคยให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืนของพรรคไปก่อนหน้านี้แล้ว
“อ้วน” ชวนตั้ง รบ.พิเศษสลายขั้ว
เมื่อเวลา
09.55 น. ที่รัฐสภา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค
พท.ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดตั้งรัฐบาลว่า ได้เสนอให้จัดตั้งรัฐบาลแบบพิเศษ
ไม่ใช่การเปลี่ยนขั้ว แต่เป็นการสลายขั้วทั้งหมด
อยากให้ทุกคนร่วมกันหาทางออก นี่คือโอกาสทำให้ความขัดแย้งที่มีอยู่ 20
กว่าปีสลายไป เป็นโอกาสที่เราจะแก้ไขวิกฤติรัฐธรรมนูญแก้ไขปัญหาประชาชน
พรรค พท.ได้รับโอกาสจัดตั้งรัฐบาล หวังเสนอนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ
พรรค พท.หวังเป็นแกนกลางดึงทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วม แถลงการณ์พรรค
พท.ชัดเจน ต้องการทุกพรรคทุกฝ่ายมาร่วมกันให้พรรค
พท.เป็นแกนนำและส่งนายเศรษฐาเป็นนายกฯได้ จะเร่งแก้ไขปัญหาของประเทศ
ดึงนโยบายที่ดีของทุกพรรคมาดำเนินการ การแถลงวันที่ 9 ส.ค.
จะมีพรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) ร่วมด้วย
ขณะที่พรรคเพื่อไทรวมพลังแจ้งว่าอยู่ต่างจังหวัด ฉุกละหุกเกินไป
ไม่เป็นอะไร เพราะไม่ใช่ที่สิ้นสุด จะมีการแถลงต่อไปเรื่อยๆ
จนวันที่คิดว่าไปไม่ได้แล้ว
ง้อ ก.ก.หนุนนายกฯ ยินดีขอขมา
นายภูมิธรรมกล่าวว่า
ส่วนพรรคก้าวไกล ได้ติดต่อประสานงาน
อยากพูดคุยกันว่าวาระสำคัญของประเทศเป็นแบบนี้
อยากทำให้ความต้องการของประชาชนบรรลุ อยากให้ร่วมแสดงเจตจำนง
ในการโหวตครั้งนี้ด้วย ไม่ว่าอะไรที่เคยเป็นปัญหา ที่อาจมีส่วนกับพรรค
พท.หรือกับตน เรายินดีจะไปขอโทษ ขอขมาและยินดีจะไปแสดงความต้องการ
ความคิดเห็นทางออกวิกฤติของประเทศชาติ หรือจะให้ไปที่พรรค ก.ก.ยินดี
เรายินดีไปทุกพรรคถ้าคือทางออกของประเทศ เราคิดเรื่องใหญ่ของประเทศเป็นหลัก
ไม่ได้คิดเรื่องเล็กๆน้อยๆหรือตัวบุคคลเป็นสำคัญ ถ้าเราอยากทำงานใหญ่
ต้องคิดใหญ่ด้วย ต้องมองข้ามความขัดแย้ง
ไม่ว่าเรื่องไล่หนูตีงูเห่าหรือความขัดแย้งหลายอย่างต้องเอาวาระประเทศและประชาชนเป็นที่ตั้ง
ถ้าแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ ประเทศไทยคงนับหนึ่งและเดินหน้าต่อไปได้
ทางเลือกมีไม่มาก-มีต้นทุนต้องจ่าย
นายภูมิธรรมกล่าวอีกว่า
เราติดต่อทุกพรรค ได้รับการตอบรับค่อนข้างดีในจุดเริ่มต้น
แต่จะมีรายละเอียดที่ต้องทำความเข้าใจกัน
ปัญหาความมั่นใจว่าเราจริงใจที่จะทำหรือไม่ พรรค
พท.ยินดียืนยันจะทำตามเจตจำนง ตัวเลขคณิตศาสตร์เห็นชัดเจนอยู่แล้ว
ถ้าตั้งรัฐบาลไม่ได้
มีทางเลือกไม่กี่ทางและหลายทางเลือกถ้าจะทำให้รัฐบาลตั้งได้โดยยึดวาระประเทศเป็นที่ตั้ง
จำเป็นต้องเป็นไปในทางใดทางหนึ่ง มีต้นทุนที่ต้องจ่ายทั้งนั้น
อาจมีเรื่องที่ประชาชนไม่สบายใจก็ได้ พรรค พท.ยอมทุกอย่างที่จะทำได้
เรายินดีร่วมกับทุกพรรค ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายอิสระ
มีเรื่องเดียวมาตรา 112หรือเรื่องเกี่ยวกับสถาบันหลักเราจะไม่แตะต้อง
เพราะเป็นจุดศูนย์รวมของประเทศ ถ้าเสนอเรื่องนี้มา คงเข้าร่วมไม่ได้
อ้อมแอ้มไม่มีขั้ว ไม่มีลุง
เมื่อถามว่า
ที่ระบุว่าหากจำเป็นให้ประเทศต้องเดินหน้าต่อไปได้
อาจต้องร่วมงานกับพรรคสองลุงใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า
พูดชัดเจนแล้วว่าวันนี้เราพูดคุยกับทุกฝ่าย เราสลาย เราไม่มีขั้วไม่มีลุง
อะไรก็ได้ที่ร่วมมือกัน ทางที่ดีที่สุดคือให้ตอบสนองการจัดตั้งรัฐบาล
เพื่อแก้ปัญหาประเทศได้ พยายามทำให้เจตนารมณ์ของประชาชนสัมฤทธิผลมากที่สุด
เท่าที่คุยทุกพรรคยังไม่มีใครบอกว่าไม่ร่วม ทุกคนบอกว่าอยากฟังรายละเอียด
เมื่อถามว่าที่ต้องขอเสียงพรรค ก.ก.แสดงว่าเสียง สว.ไม่พอ
นายภูมิธรรมตอบว่า ตนเรียกร้องเป็นรายบุคคล ทั้งกลุ่มการเมือง
ทั้งพรรคการเมือง ทั้ง สส.และ สว.
อยากให้จุดนี้เป็นจุดเริ่มต้นแก้ปัญหาความขัดแย้งที่มีมา 20 ปี พรรค
พท.อาสาและมีต้นทุนที่ประชาชนต้องตรวจสอบ
ถ้าทำไม่ได้อนาคตประชาชนจะตรวจสอบและตัดสินพรรค พท.เอง
ข้ามเส้นงูเห่าลุยสยบไฟขัดแย้ง
เมื่อถามว่าจะเรียกแนวทางขอคะแนนโหวตนายกฯ
แต่ไม่ร่วมรัฐบาลว่าอย่างไร เพราะมีเส้นแบ่งระหว่างงูเห่าในบางพรรค
นายภูมิธรรมกล่าวว่า เท่าที่คุยไม่มีใครเรียกร้องให้แบ่งกระทรวง ทบวง กรม
จะเห็นว่าการตั้งรัฐบาลครั้งนี้ ไม่ได้ยินว่าใครจะเอากระทรวงไหน
เราพูดในฐานะแกนนำว่าเราไม่คุยเรื่องกระทรวงกับใครปัญหาแย่งกระทรวงกันไม่เกิด
และวันนี้พิสูจน์ชัดเจนว่าเราจะเปลี่ยนกระบวนทัศน์ใหม่
เพื่อไปทำงานในจุดที่ใช้วาระของประชาชน ประเทศชาติเป็นที่ตั้ง
สลายขั้วเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ เพราะความขัดแย้ง 20 ปี เพียงพอแล้ว

พท.ชูสลายขั้วตั้ง รบ.ดับวิกฤติชาติ
ต่อมาเวลา
12.35น. ที่รัฐสภา พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว
หัวหน้าพรรค พท. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคนายประเสริฐ
จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค พท.พร้อมอีก 6 พรรค ประกอบด้วยพรรคประชาชาติ
พรรคชาติพัฒนากล้า พรรคเสรีรวมไทย พรรคพลังสังคมใหม่ พรรคท้องที่ไทย
พรรคเพื่อไทรวมพลัง ร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรค พท.
นพ.ชลน่านอ่านแถลงการณ์ว่า วันนี้พรรค พท.ได้รวบรวมเสียงเพิ่มเติม
และได้รับการสนับสนุนจาก 6
พรรคการเมืองและรวมเสียงโหวตได้มากกว่ากึ่งหนึ่งแล้ว พรรค
พท.และทุกพรรคคาดหวังอย่างยิ่งว่าจะคลี่คลายสถานการณ์
สลายขั้วการเมืองทุกฝ่าย ทั้ง สส.และ สว.
เพื่อเลือกนายกฯและจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ
ยืนยันจะทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์
โดยเฉพาะในสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความพิเศษ ต้องสลายขั้วการเมือง
ดึงความร่วมมือจากทุกพรรคทุกฝ่าย เพื่อจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรค พท. และนายกฯ
จากพรรค พท.เป็นแกนนำ เราอยากขอวิงวอน
ให้พี่น้องประชาชนมั่นใจในพรรคเพื่อไทย และพรรคที่สนับสนุนในครั้งนี้
เราจะช่วยกันฝ่าวิกฤติเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้
และประโยชน์สูงสุดแก่พี่น้องประชาชนทุกคน
เราหวังจะเห็นความสามัคคีของทุกฝ่ายในประเทศ
“สุวัจน์” อวย พท.ชอบธรรมตั้ง รบ.
นายสุวัจน์
ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา กล้า กล่าวว่า
เรายินดีตอบรับคำเชิญในการเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล ด้วยเหตุผล 5 ข้อ
คือพรรคพท.มีความชอบธรรม เมื่อพรรคอันดับที่หนึ่งไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้
จึงเป็นหน้าที่ของพรรค พท. และพรรค
พท.ยืนยันกับทุกพรรคว่าขณะนี้รวบรวมเสียงของ สส.ได้เกินกึ่งหนึ่งของสภาฯ
ที่ประชุมได้พูดถึงอย่างชัดเจนว่าจะไม่มีนโยบายใดๆที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 112 พรรคพท.มีความแน่วแน่แก้ไขปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ เกือบ 3
เดือนนับแต่การเลือกตั้งที่ผ่านมา
เรามีรัฐบาลรักษาการแต่มีขีดจำกัดในการบริหารประเทศ วิกฤติเศรษฐกิจรอไม่ได้
ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับต่างประเทศ นักลงทุนทั้งในและนอกประเทศ
ทั้งนี้พรรค ชพก.จะประชุมใหญ่พรรควันที่ 21 ส.ค.ที่ จ.นครราชสีมา
เลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่
หัวหน้าพรรคคนใหม่ต้องมีประสบการณ์ การเมือง เศรษฐกิจวิกฤติ
เมื่อถามว่าต้องกลับมาควบตำแหน่งหัวหน้าพรรคหรือไม่ นายสุวัจน์ตอบติดตลกว่า
“ก็ไม่เลวนะ”
“ทวี” ชี้มีนายกฯให้ได้ก่อนค่อยคิด รมต.
พ.ต.อ.ทวี
สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวว่า 8 พรรคเดิมตกลงจะเลือกพรรค
พท.เป็นนายกฯ เราตระหนักว่าพรรคอันดับ 1 และอันดับ 2 มีความชอบธรรม
ภารกิจขณะนี้จึงต้องช่วยกันส่งเสริมสนับสนุนพรรค
พท.เป็นแกนนำรวบรวมเสียงให้ได้ 375 เสียงขึ้นไป เพื่อให้ได้นายกฯ
จะนำไปสู่กระบวนการสรรหาผู้มาเป็นรัฐมนตรี และแก้ปัญหาประเทศ
วันนี้ปัญหาประเทศเป็นสิ่งสำคัญจึงต้องมีนายกฯ
จากนั้นตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นสิทธิของนายกฯพิจารณา
จึงยังไม่มีการพูดคุยเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีเลย
ส่วนนโยบายพรรคประชาชาติยังแสดงจุดยืนในนโยบายต่างๆ
เชื่อว่าพรรคแกนนำคงรับฟังไปประกอบสำหรับอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ
“เสรี” ยกสามก๊ก เลี้ยงดูไพร่พลลุง
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์
เตมียเวส สส.บัญชีรายชื่อ ฐานะหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า พรรค
พท.กำลังทำทุกวิถีทางสลายขั้วการเมืองให้เดินหน้า
จึงวิงวอนประชาชนที่เข้าใจผิดว่าตอนหาเสียงพูดแบบนั้นแบบนี้
จะเปลี่ยนแปลงหรือละเมิดไม่ได้ แต่การหาเสียงคือการหาเสียง
เพื่อให้ได้คะแนนมาบริหารประเทศ ไม่ใช่นโยบายพรรค
หากไม่ทำตามนโยบายแบบนั้นจึงจะผิดสัญญา การหาเสียงเป็นเรื่องปกติ
ได้คะแนนมาก็บริหารกันไป
นอกจากนี้ยังได้ยินเสียงบอกว่ารวมพรรคนั้นได้พรรคนี้ไม่ได้
อยากขอให้ดูสามก๊กหรือประวัติศาสตร์ชาติไทย ถ้าฆ่าแม่ทัพตาย
เราจะเอาไพร่พลไว้เลี้ยงดูหรือไม่ หรือจะฆ่าทิ้งให้หมด พรรครวมไทยสร้างชาติ
(รทสช.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ไปแล้ว ไม่มีแม่ทัพ
ถามว่าเราควรเอาหรือไม่ ส่วนตัวเห็นว่าควรเลี้ยงดูไว้ ส่วนพรรคพลังประชารัฐ
(พปชร.) แม่ทัพอยู่ แต่ยอมแพ้ เราควรเอาไพร่พลมาเลี้ยงดูหรือไม่
อยากขอให้ประชาชนเปิดใจให้กว้างเพื่อให้พรรค พท.จัดตั้งรัฐบาลให้ได้
ย้ำยินดีรับทุกเสียงโหวตหนุน
เมื่อถามว่าเสียง
สส.ที่มีเกินกึ่งหนึ่งแล้ว แต่ตอบตกลงเพียง 238 เสียง
เสียงที่เหลือเป็นของพรรคใด จะดึงพรรค 2 ลุงร่วมรัฐบาลหรือไม่
นพ.ชลน่านกล่าวว่า วันที่ 10 ส.ค.จะมีพรรคเข้ามาเพิ่มเติม ขอให้รอติดตาม
จะมีพรรคลุงเข้าร่วมหรือไม่ พรรค
พท.ออกแถลงการณ์ไปแล้วว่าขอความร่วมมือจากทุกพรรคเพื่อสลายขั้วแก้วิกฤติ
เมื่อถามว่า สส.พรรค ปชป. พปชร. รทสช.จะมาร่วมรัฐบาลเป็นรายบุคคลใช่หรือไม่
และหากพรรค ก.ก.มาร่วมโหวตนายกฯให้พรรค พท. จะทำให้ สว.ไม่สบายใจหรือไม่
นพ.ชลน่านตอบว่า เราแสวงหาความร่วมมือจากทุกพรรคทุกบุคคล
ทั้งแง่องค์กรตัวบุคคล แต่การโหวตนายกฯเป็นเอกสิทธิ์ที่ตัดสินใจได้
ส่วนพรรค ก.ก. ชัดเจนเราเคารพเอกสิทธิของพรรค ก.ก.ว่าจะโหวตให้พรรค
พท.หรือไม่ แต่เราปรารถนาเสียงจากทุกพรรค ยินดีถ้าพรรค ก.ก.มาร่วมโหวตให้
จะไม่ทำให้ สว.กังวล เพราะไม่ได้ตั้งรัฐบาลกับพรรค ก.ก. และไม่ได้แก้มาตรา
112 ทำให้ชัดเจนว่า สว.จะไว้ใจและสนับสนุนเรา เมื่อถามว่ามีกระแสข่าว
สส.พรรค พท.ไม่เห็นด้วยหากตั้งรัฐบาลข้ามขั้วถึงขั้นขู่ย้ายพรรค
นพ.ชลน่านตอบว่า ในที่ประชุม สส.พรรคเมื่อวันที่ 8 ส.ค. ไม่มี
สส.คนใดแสดงแนวคิดไม่เห็นด้วย มีแค่การแสดงความห่วงใยที่เกิดขึ้นจริง
แต่ถึงขั้นจะย้ายพรรคไม่มี พรรค
พท.มีเอกภาพทุกคนรับสภาพที่เป็นอยู่และพร้อมชี้แจงประชาชน

ลั่นชื่อ “เศรษฐา” ยื่นแล้วต้องผ่าน
เมื่อถามว่าแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย
ที่จะเสนอคือนายเศรษฐา ทวีสิน ใช่หรือไม่ หากชื่อนายเศรษฐาไม่ผ่าน
จะเสนอชื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาต่อหรือไม่
นพ.ชลน่าน ตอบว่า แคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทยที่จะเสนอต่อรัฐสภา
ยืนยันคือชื่อนายเศรษฐา
ส่วนที่ตั้งคำถามว่าถ้าชื่อนายเศรษฐาไม่ผ่านความเห็นชอบนั้น บอกได้เลย
ไม่มีคำว่าถ้า ต้องผ่านเท่านั้น ด้านนายภูมิธรรมกล่าวเสริมว่า
ข้อสังเกตเกี่ยวกับนายเศรษฐา ยืนยันตรวจสอบหมดแล้ว
ไม่มีปัญหาตามที่มีผู้ท้วงติง
โวหลังฉากคุยกันเสียงเกินแล้ว
นายภูมิธรรมกล่าวว่า
เราเอาวาระประชาชนและวาระประเทศเป็นที่ตั้ง วันที่ 10 ส.ค.
จะมีพรรคชทพ.มาเข้าร่วมรัฐบาล ยืนยันว่าเรามีเสียงเกินครึ่งแล้ว
เป้าหมายต้องมีเสียงเกิน 375 เสียงโหวตนายกฯให้ได้ นโยบายใดแม้อยู่ฝ่ายค้าน
ถ้ามีประโยชน์พร้อมดำเนินการ แต่ข้อเสนอที่กระทบสถาบันหรือมาตรา 112
เราไม่สนับสนุน เราแบ่งแยกหน้าที่กันทำงาน แต่ไม่ได้รวมกันเป็นรัฐบาล
เชื่อมั่นในวาระประเทศ เรามุ่งหน้าตั้งรัฐบาลพิเศษ
แสวงหาความร่วมมือจากทุกพรรคทุกฝ่ายทุกคน ต้องการการสนับสนุนให้ พท.
เป็นแกนนำและมีนายกฯจากพรรค พท. ถ้าทำสำเร็จจะตั้งรัฐบาลได้
จะไม่สามารถคิดแบบเดิมเหมือนในอดีตได้
ต้องใช้ความพยายามจากทุกพรรคเพื่อตั้งรัฐบาล บางส่วนอาจมาเป็นกลุ่ม
หรือเป็นรายบุคคลก็มาได้ “วันนี้ถ้าให้พูดชัดเจนคงยังไม่ได้
แต่ที่พูดกับเราข้างหลังมันเกินไปแล้ว
เราต้องการรัฐบาลที่มีเสถียรภาพเข้มแข็งผลักดันนโยบายได้
คิดมิติใหม่อยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันแก้วิกฤติประเทศช่วงนี้ อยากให้ สส.และ
สว.ที่มีเอกสิทธิ์ใช้เอกสิทธิ์ ร่วมแก้ไขวิกฤติประเทศ
จากข้อจำกัดในหลักการนี้มันจะไม่มีข้อจำกัด อาจมีบางกลุ่ม บางคนมา”
“แพทองธาร” ปลื้มแฟนคลับให้กำลังใจ
เมื่อเวลา
13.30 น. ที่พรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯพรรค
พท.เดินทางเข้าพรรคร่วมประชุมอัปเดตงาน โดย น.ส.แพทองธาร
แวะซื้อเครื่องดื่มร้าน Think lab และเจอบรรดาแฟนคลับพรรค
พท.ที่มารอให้กำลังใจ ขอถ่ายภาพ ขอลายเซ็น ช่วงหนึ่งบรรดาแฟนคลับถาม
น.ส.แพทองธารถึงความคืบหน้าการรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล
ที่แฟนคลับสนับสนุนให้ดึงพรรค 2 ลุงมาช่วยเพิ่มเสียง โดย
น.ส.แพทองธารกล่าวตอบว่า ที่คนพูดว่าเราบอกจะปิดสวิตช์ สว.
ถ้าเราแลนด์สไลด์ แต่วันนี้เราทำไม่สำเร็จ
พอไม่สำเร็จต้องมาดูตัวเลขทำอย่างไรจะได้ตั้งรัฐบาล
เราอยากผลักดันนโยบายพรรค พท. พรรคต้องสู้เต็มที่
รู้ว่าบรรดาแฟนคลับหลายคนเข้าใจ ส่วนคนที่ไม่เข้าใจยังคงมีอารมณ์อยู่
แต่หวังว่าจะได้อธิบายกันด้วยเหตุผล ไม่ต้องสู้กันด้วยความรุนแรง
บอกพยายามตั้งรัฐบาลเต็มที่
จากนั้น
น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์ว่ามีคนมาให้กำลังใจแล้วรู้สึกดีใจ
และดีใจที่ทุกคนเข้าใจเพราะพรรค พท.ทำแลนด์สไลด์ไม่สำเร็จ
ในฐานะพรรคที่ชนะเลือกตั้งอันดับ 2 ต้องจัดตั้งรัฐบาล พยายาม
เต็มที่จัดตั้งรัฐบาลให้ได้ เพื่อผลักดันนโยบายที่เคยสัญญากับประชาชนไว้
รวมถึงเข้าใจทุกคนที่มีความรู้สึกต่างๆ
ตนผ่านความรู้สึกเหล่านั้นมาแล้วเหมือนกัน
ต้องมุ่งหน้าว่าประโยชน์ประชาชนและประเทศต้องมาก่อน
เพราะฉะนั้นเรื่องต่างๆคงต้องก้าวข้ามผ่านไปให้ได้ ถ้าอิ๊งจะขออะไรสักอย่าง
ขอแค่กำลังใจจากทุกคนเท่านั้นเอง ส่วนการประชุม สส.พรรคเพื่อไทย
เมื่อวันที่ 8 ส.ค. ดีที่ได้เจอทุกคน ทุกคนในพรรคให้กำลังใจกัน
นาทีนี้ยังมีหลายคนที่ไม่เข้าใจพรรค พท.
แต่หากดูตามหลักการแล้วเราพยายามทำให้ดีที่สุดอยู่ จากนั้น น.ส.แพทองธาร
เดินเข้าร้าน Think lab ซื้อเครื่องดื่ม “แดงโซดามะนาว”
พร้อมกล่าวติดตลกว่า “เติมความแดง ยังแดงไม่พอต้องเติมอีก”
ก่อนเดินออกมาแจกลายเซ็นให้แฟนคลับอย่างเป็นกันเอง

“ไอติม” นำทีมยื่น ก.ม.เปลี่ยนประเทศ
ส่วนความเคลื่อนไหวของพรรคก้าวไกล
(ก.ก.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ
พรรค ก.ก.นำทีม สส.พรรค ก.ก.แถลงข่าวเสนอร่างกฎหมายเปลี่ยนประเทศจำนวน 3
ชุด รวม 9 ฉบับ ได้แก่ ชุดกฎหมายปลดล็อกท้องถิ่น 4 ฉบับ
ชุดกฎหมายป้องกันการทุจริต 2 ฉบับ และชุดกฎหมายโอบรับความหลากหลาย 3 ฉบับ
ผ่านตัวเเทนประธานสภาฯเป็นผู้รับเอกสาร จากนั้นนายพริษฐ์กล่าวว่า
ก.ก.เตรียมชุดกฎหมายเปลี่ยนประเทศ ไว้ทั้งหมด 14 ชุด สอดคล้องกับ 300
นโยบายที่เสนอต่อประชาชน เมื่อ 18 ก.ค. ได้ยื่นต่อสภาฯไปแล้วจำนวน 2 ชุด
ได้แก่ ชุดกฎหมายปฏิรูปกองทัพและชุดกฎหมายปิดช่องทุนผูกขาด รวม 7 ร่าง
ส่วนวันนี้ ก.ก.เดินหน้าเสนอชุดกฎหมายเพิ่มอีก 3 ชุด 9
ร่างประกอบด้วยชุดปลดล็อกท้องถิ่น 4 ฉบับ ได้แก่ร่าง
พ.ร.บ.แผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่าง
พ.ร.บ.การขนส่งทางบก ร่าง พ.ร.บ.ถนน ร่าง
พ.ร.บ.ว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ ชุดป้องกันการทุจริต
2 ฉบับได้แก่ ร่าง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารสาธารณะและร่าง
พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตและการให้บริการแก่ประชาชน
รวมถึงชุดโอบรับความหลากหลาย 3 ฉบับ ได้แก่ร่าง
พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หรือร่างสมรสเท่าเทียม ร่าง
พ.ร.บ.การรับรองเพศ
คำนำหน้านามและการคุ้มครองบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ และร่าง
พ.ร.บ.ส่งเสริมและคุ้มครองกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง
ย้ำขั้ว 8 พันธมิตรเดิมเป็นคำตอบดีที่สุด
นายพริษฐ์กล่าวถึงกรณี
พท.ระบุว่าจะพูดคุยกับพรรค ก.ก.เพื่อขอโทษ
และขอให้สมาชิกโหวตแคนดิเดตนายกฯของ พท.ว่า ท่าทีและจุดยืนของพรรค ก.ก.
ต้องให้ผู้เจรจาที่มีข้อมูลครบถ้วนมาชี้แจง ส่วนในที่ประชุมพรรคเมื่อวันที่
8 ส.ค. ไม่มีการพูดคุยถึงการโหวตนายกฯ เมื่อถามว่าส่วนตัวแล้วถ้าพรรค
พท.มาขอโทษจะรู้สึกดีขึ้นหรือไม่ นายพริษฐ์ตอบว่า ส่วนตัวตนไม่ได้แทรกแซง
แต่จุดยืนของพรรคชัดเจนกว่า เมื่อถามถึงกรณีพรรค พท.ระบุว่ามีการสลายขั้ว
ทั้งหมด นายพริษฐ์กล่าวว่า คิดว่าจุดยืนของพรรค ก.ก. ชัดเจนมาตลอด
ว่าผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14
พ.ค.สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของประชาชน
ส่วนใหญ่ที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงจึงแปลงมาเป็นคะแนนสนับสนุน 8
พรรคที่เซ็นเอ็มโอยูร่วมกัน เราเชื่อว่าพันธมิตรจาก 8 พรรคเดิม
เป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับประเทศ
ขอโทษดีสุดคือการกลับมาขั้วเดิม
เมื่อเวลา
11.00 น. นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กรรมการบริหารพรรค
ก.ก.โพสต์ข่าวนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.)
พร้อมเจรจาขอโทษก้าวไกล เพื่อขอเสียงโหวตนายกฯ ฝ่าวิกฤติประเทศ
บนเฟซบุ๊กส่วนตัว
พร้อมข้อความระบุว่าการขอโทษที่ดีที่สุดคือการกลับใจมาร่วมกับขั้ว 8
พรรคเดิมที่มี 312 เสียง และใช้เอ็มโอยูเดิมที่เคยทำร่วมกัน
จากนั้นช่วงเช้าวันเดียวกัน นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กก.บห.พรรค ก.ก.
ให้สัมภาษณ์เปิดเผยในรายการ กรรมการข่าวคุยนอกจอ ตอนหนึ่งว่า
ทราบจากนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค ก.ก.ว่า พรรค พท.นัดหารือ 2
ฝ่ายกับพรรค ก.ก. แต่ยังไม่รู้หัวข้อว่าคุยกันประเด็นไหน จะได้ทราบท่าทีของ
พท.ด้วยว่าอยากให้เราทำอะไร
ไม่แน่ใจว่าเป็นการหารือชุดใหญ่หรือนัดคุยส่วนตัวกับนายชัยธวัช
“อิ๊ง” ยกคณะ พท.เดินข้ามตึกถก ก.ก.
ต่อมาเวลา
15.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) แกนนำพรรค พท.นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร
แคนดิเดตนายกฯของพรรค พท. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน และหัวหน้าพรรค
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง
สส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรค นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
เดินออกจากตึกเอโอไอ ที่ทำการพรรค พท. ไปยังตึกไทยซัมมิท
เพื่อร่วมหารือกับแกนนำพรรค ก.ก. ประกอบด้วยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรค น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ
และรองหัวหน้าพรรค นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรค และนายชัยธวัช
ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรค โดยใช้เวลาหารือนานประมาณ 1
ชั่วโมง 30 นาที

ไม่ชัดเพื่อนเก่าเทคะแนนให้หรือไม่
จากนั้นเวลา
16.30 น. น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์ว่า
วันนี้เราได้มารับฟังความเห็นซึ่งกันและกัน
มาคุยกันว่าเราอยู่ในสถานการณ์ไหนบ้าง เพื่อทำความเข้าใจกับทั้ง 2
ฝ่ายว่าเราทำงานกันถึงขั้นไหนแล้ว เมื่อถามว่าได้คำตอบว่าพรรค
ก.ก.จะสนับสนุนแคนดิเดตพรรค พท.หรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า รออีกนิด
วันนี้ยังไม่พร้อมตอบคำถามใดๆ เพราะยังไม่มีคำตอบใดๆ จริงๆเวลาที่คุยกัน
เราจะพูดกันเสมอว่าบางครั้งกองเชียร์ของเราทั้ง 2 พรรคทะเลาะกัน
แต่เราไม่เคยทะเลาะกัน เราคุยกันด้วยเหตุผลเสมอ วันนี้ไม่มีอะไรมาก
เมื่อถามว่าการพูดคุยออกมาแฮปปี้ทั้งสองฝ่ายหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า
วันนี้เราคุยกันว่าเงื่อนไขต่างๆ ในการจัดตั้งรัฐบาลพรรค
พท.ตั้งใจอย่างมากที่จะจัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ โดยมีเสียงสนับสนุนทั้ง
สส.และ สว. อย่างที่ตนหาเสียงไปว่า
พท.หาเสียงแบบแลนด์สไลด์เพื่อจะให้ทุกอย่างกลับมาเป็นระบบเหมือนเดิม
แต่ในเมื่อเราแลนด์สไลด์ไม่สำเร็จพรรค ก.ก.ได้เป็นพรรคอันดับหนึ่ง
ลองจัดตั้งรัฐบาลแล้วทำไม่สำเร็จ และได้ส่งไม้ต่อมาให้พรรคพท.
ยันฟอร์ม รบ.แข็งแรงเพื่อประชาชน
“สิ่งที่เราทำตอนนี้ไม่ใช่เกมการเมือง
เรากำลังฟอร์มรัฐบาลที่แข็งแรงให้ได้ เพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชนต่อไป
ยังมีสิ่งที่สำคัญรออยู่ข้างหน้าอีกมากมาย
ยังมีประเทศและประชาชนที่เดือดร้อน ยังมีต่างชาติที่รอเข้ามาลงทุนกับเรา
ยังมีเศรษฐกิจภาพใหญ่ที่เราต้องช่วยกันผลักดันนโยบายเพื่อให้ประเทศไปต่อ
นี่คือสิ่งที่เราพยายามโฟกัสมากที่สุด
และกำลังจัดตั้งรัฐบาลของประชาชนให้แข็งแรงที่สุด” น.ส.แพทองธารกล่าว
ย้ำสองพรรคไม่มีปัญหาต่อกัน
เมื่อถามว่า
นายพิธาได้ฝากอะไรหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า
นายพิธารับฟังและเข้าใจซึ่งกันและกันในหลายจุด
ฉะนั้นหากถามเรื่องความสัมพันธ์ ให้ไปถามทางพรรค ก.ก.ด้วยได้
เพราะเราไม่มีปัญหากัน และคิดว่าในขณะนี้เราทำงานกันอย่างผู้ใหญ่
เราพูดกันแบบผู้ใหญ่ที่คุยกันว่าเราจะทำอย่างไรให้ประเทศเดินต่อ
เป็นสิ่งที่เราต้องการทั้งสองฝ่าย เมื่อถามว่าหากเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน
แคนดิเดตนายกฯพรรค พท.ไม่ผ่าน พร้อมเป็นคนต่อไปหรือไม่
น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เราต้องพยายามเต็มที่ให้ผ่าน
อุบตอบวัน “ทักษิณ” กลับไทย
น.ส.แพทองธารยังกล่าวถึงกรณีโพสต์ภาพในอินสตาแกรมส่วนตัวที่พาลูกชายและลูกสาวไปฉีดวัคซีน
เป็นการเตรียมตัวจะเดินทางไปหานายทักษิณ ชินวัตร
อดีตนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ “นั่นน่ะสิ” พร้อมกล่าวว่า
จะเดินทางอยู่ในเร็วๆนี้ เมื่อถามต่อว่ารู้สึกตื่นเต้นหรือไม่
ที่จะพาลูกชายไปเจอคุณตา น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ยังมีเรื่องตื่นเต้นอีกเยอะ
ขอให้รอดู เมื่อถามว่าการเดินทางกลับไทยของนายทักษิณครั้งต่อไป
นายทักษิณจะเป็นคนแจ้งเองหรือไม่ น.ส.แพทองธารตอบว่าให้นักข่าวรอดู
เพราะยังมีอีกหลายเรื่องที่จะทำให้นักข่าวตื่นเต้น
“เสี่ยอ้วน” พร้อมขอโทษให้ ปท.เดินหน้า
เมื่อถามถึงมิตรภาพการทำงานร่วมระหว่างสองพรรค
นพ.ชลน่านกล่าวว่า ในการทำงานเราทำงานด้วยกันได้ดีอยู่แล้ว
แต่มิติทางการเมืองในสภาพบังคับ เป็นไปตามที่เราทราบและรู้เห็นกันอยู่
ฉะนั้นวันนี้เป็นเหมือนที่
น.ส.แพทองธารกล่าวคือมีการมาพบปะแลกเปลี่ยนความเห็นกัน
เมื่อถามว่าในการพูดคุยกันได้ขอโทษพรรค ก.ก.หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า
ได้แจ้งไปว่าได้ขอโทษต่อสาธารณะแล้ว
อะไรที่คิดว่าทำให้เกิดการผิดพลาดตนพร้อมขอโทษเพื่อให้ประเทศเดินหน้า
ทุกอย่างได้พูดคุยและทุกคนไปช่วยกันคิดต่อ
เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะมีโอกาสกลับไปจับมือกับพรรค ก.ก.อีกครั้งหรือไม่
นายภูมิธรรมกล่าวว่า
อีกสักครู่ไม่นานคงได้ทราบและการได้พูดคุยถือเป็นเรื่องที่ดี
“พิธา” ชี้เเค่ตั้งใจฟังอย่างมีวุฒิภาวะ
ช่วงเย็นที่อาคารไทยซัมมิท
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค
ก.ก.ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมหารือกับแกนนำ พท.
กรณีขอเสียงโหวตสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ พท.ว่า เป็นการรับฟังซึ่งกันและกัน
แต่ว่าต้องคอยสื่อสารกันเรื่อยๆอยู่ยังไม่มีผลสรุปอะไร
ก็รับฟังกันอย่างมืออาชีพ ผู้สื่อข่าวถามว่า แนวโน้มน่าจะโหวตให้พรรค
พท.หรือไม่ นายพิธากล่าวว่า วันนี้รับฟังอย่างเดียวก่อน เมื่อถามย้ำว่า
ต้องนำไปหารือกับ สส.ในพรรคก่อนหรือไม่ นายพิธากล่าวว่า
ตอนนี้ยังไม่ได้มีแผนต่อ วันนี้เป็นแค่การรับฟังอย่างตั้งใจและมีวุฒิภาวะ
ส่ง “พงศธร” ลงเลือกตั้งซ่อมระยอง
ที่
จ.ระยอง นายนครชัย ขุนณรงค์ อดีต สส.ระยอง เขต 3 เปิดเผยว่า พรรค
ก.ก.เลือกผู้สมัคร สส.ลงเลือกตั้งซ่อมเขต 3 ไว้แล้ว โดยนายพิธา
ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก.จะเดินทางมาเปิดตัวผู้สมัคร ที่ อ.แกลง
จ.ระยอง ในวันที่ 13 ส.ค.คาดว่าจะส่งนายพงศธร ศรเพชรนรินทร์
ผู้สมัครบัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก.ลำดับที่ 52
ที่เป็นหนึ่งในทีมงานพรรคในพื้นที่ จ.ระยอง ร่วมทำงานกับพรรคมาอย่างยาวนาน
ตั้งแต่สมัยอนาคตใหม่ ลงสมัคร และตนยังคงช่วยหาเสียงทำงานเคียงคู่กันไป
ขอให้ด้อมส้มให้กำลังใจต่อไป
“สาธิต” ปลุกขั้วเดิมหลีกทาง ปชป.
นายสาธิต
ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข รักษาการรองหัวหน้าพรรค
ปชป.กล่าวถึงการส่งผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม สส.ระยอง เขต 3 ว่า
จะได้ข้อสรุปเร็วๆนี้โดยพรรค ปชป.ให้สิทธิตนพิจารณาส่งผู้สมัครเดิมพรรค
ปชป.มีผู้สมัครคือ นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ แต่กำลังดูข้อมูลในพื้นที่
การตัดสินใจส่งผู้สมัครต้องคำนึงถึงผลเลือกตั้ง
เพราะเขตเดียวอาจเป็นตัวชี้วัดบางเรื่อง
โครงสร้างคะแนนเลือกตั้งครั้งที่แล้วมีพรรคร่วมรัฐบาลเดิม และฝั่งพรรค
พท.และพรรค ก.ก.ลงสมัคร ต้องวิเคราะห์คะแนนให้ชัดเจน
ถ้าพรรคร่วมเดิมตกลงกันได้ส่งผู้สมัครเพียงคนเดียวจะเป็นประโยชน์
โดยจะให้พรรค ปชป.ส่งผู้สมัครเพียงพรรคเดียว
ได้เริ่มพูดคุยแล้วสัปดาห์นี้จะคุยให้ตกผลึก
“หนู” ไม่ขัด พท.ยกขบวนขมาพรรคส้ม
ที่กระทรวงสาธารณสุข
(สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุขหัวหน้าพรรค
ภท.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรค พท.นัดหารือกับพรรค ก.ก.ว่า พรรค
ภท.และพรรคพท.ได้บรรลุข้อตกลงยอมรับเงื่อนไขของกันและกัน
ที่จะสนับสนุนให้จัดตั้งรัฐบาลใหม่โดยเร็วที่สุด
ส่วนของเราถือว่าสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องอื่นๆ เป็นหน้าที่ของพรรค
พท.ที่เป็นแกนนำ ที่ต้องไปหาเสียงสนับสนุนให้ได้โดยเร็ว เราไม่ก้าวก่ายกัน
เมื่อถามว่ากลุ่มทะลุวังนำวาทกรรม“ฆาตกรโควิด-19” มาโจมตี
นายอนุทินผายมือไปยังผู้บริหาร สธ.ก่อนตอบว่า “นี่คือฆาตกรหรือไม่
คนใส่ชุดขาวๆหรือว่าคนที่คอยรักษาทุกคนเป็นฆาตกรหรือไม่ ตรงนี้ต้องระวัง
เป็นคำพูดที่บั่นทอนจิตใจคนทำงาน รมว.สาธารณสุขไม่ได้เป็นผู้รักษาคนไข้
แต่เป็นผู้รวบรวม
สนับสนุนคณะแพทย์มารองรับสถานการณ์ฉุกเฉินไม่ใช่เฉพาะโควิด-19
แต่รวมถึงสถานการณ์ต่างๆที่กระทบชีวิตของประชาชน
เราทำงานเป็นทีมทุ่มเทเต็มที่”
เมื่อถามว่าจะดำเนินการอะไรกับผู้สร้างวาทกรรมหรือไม่ นายอนุทินตอบสั้นๆว่า
แผ่เมตตา ให้มีความสุขทุกคน

“บิ๊กตู่” โนคอมเมนต์ขั้ว รบ.พิเศษ
เมื่อเวลา
09.30น. ที่สำนักงานใหญ่เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก
(อีอีซี) อ.วังจันทร์ จ.ระยอง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ
รมว.กลาโหม
นำคณะลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าโครงการเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก
(อีอีซี) แล้วไปติดตามงานที่สถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) ท่าเรืออุตสาห
กรรมมาบตาพุด
เยี่ยมชมโครงการนำพลังงานความเย็นเหลือใช้จากการเปลี่ยนสถานะของก๊าซธรรมชาติเหลว
(LNG) จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรค พท.ประกาศสลายขั้ว
โดย พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า ขั้วอะไรเหรอ มีที่ไหน มีเหรอ
ไม่รู้สิก็แล้วแต่ให้นึกถึงประเทศชาติโดยรวมด้วยแล้วกัน
ทำอะไรทำได้ทั้งหมดนั่นแหละ ไม่มีความเห็น ทำไมต้องมีความเห็นด้วยจ๊ะ
อย่าคิดว่าฉันเป็นคนสำคัญ ขอให้ฟังเพลงดู เพลงคนไม่สำคัญ
แล้วชี้นิ้วไปที่ตัวเองย้ำว่าคนไม่สำคัญ
กกต.ตีตกคำร้องยุบ พท.-ก.ก.-พปชร.
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง
(กกต.) ว่า เมื่อวันที่ 9 ส.ค.นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.
ในฐานะนายทะเบียนพรรค การเมือง มีความเห็นให้ยุติเรื่องกรณี นายสนธิญา
สวัสดี อดีตสมาชิกพรรค พปชร.ยื่นคำร้องต่อ กกต.ขอให้ตรวจสอบพรรค พท.และ
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร
ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมและหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยฝ่าฝืน
พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมีพฤติการณ์ยินยอมให้บุคคลอื่นหรือนายทักษิณ
ชินวัตร อดีตนายกฯ ครอบงำพรรค พท.ขณะเดียวกัน
สั่งไม่รับคำร้องกรณีนายสนธิญาร้องให้ตรวจสอบยุบพรรค
ก.ก.กรณีจัดชุมนุมในหลายจังหวัด รวมทั้งนัดชุมนุมวันที่ 13
ก.ค.หน้าอาคารรัฐสภา รวมทั้งสั่งไม่รับคำร้องของนายเอกชัย หงส์กังวาน
นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่ให้พิจารณายุบพรรค
พปชร.กรณีไม่ดำเนินการตามนโยบายหาเสียงในปี 62 หลายโครงการ
ก.ก.จี้ไต่สวนคำร้องทุจริตสุราษฎร์
นายชาติพงศ์
กุลรัตน์ ผู้สมัคร สส.สุราษฎร์ธานี เขต 7 พรรค
ก.ก.เข้ายื่นหนังสือถึงประธาน
กกต.ให้เร่งรัดตรวจสอบเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริตเลือกตั้งที่ก่อนหน้านี้ได้ยื่นร้องต่อ
กกต.จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.66 แต่ยังไม่มีคำตอบใดๆ
โดยนายชาติพงศ์กล่าวว่า ได้ยื่นให้ กกต.ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ กกต.เขต 7
ไปนับคะแนนในพื้นที่มืด กั้นเชือกไม่ให้ผู้สังเกตการณ์เข้าไปตรวจสอบ
รายงานผลคะแนนล่าช้า เมื่อท้วงติง กกต.เขต 7 ชี้แจงว่า
เจ้าหน้าที่ลืมคีย์ข้อมูล นอกจากนี้ยังมีกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ในฐานะนายกฯรักษาการ ให้สัมภาษณ์วันที่ 14 พ.ค.วันเลือกตั้ง
เชิญชวนประชาชนออกมาใช้สิทธิเป็นการให้คุณให้โทษกับพรรคการเมือง
ทั้งนี้ได้สอบถามความคืบหน้าจาก กกต.จังหวัดสุราษฎร์
ธานีแล้วแจ้งว่าส่งเรื่องมาที่ส่วนกลางแล้ว
“สนธิญา” ร้องดะสอยคนโหวต “พิธา”
เมื่อเวลา
11.30 น. ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายสนธิญา สวัสดี อดีตสมาชิกพรรค
พปชร.ยื่นหนังสือให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน
พิจารณาและส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณี สส. 8 พรรค
การเมืองรวมถึง สว.รวม 314 คน เสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าและแคนดิเดตพรรค
ก.ก.รับการโหวตเป็นนายกฯต่อที่ประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 13 ก.ค.และ 19
ก.ค.ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 159 และ 160 (6) หรือไม่ โดยนายสนธิญากล่าวว่า
ก่อนหน้านั้น กกต.มีมตินายพิธา เป็นบุคคลต้องห้ามไม่มีสิทธิสมัคร
สส.ตามรัฐธรรมนูญ แต่สมาชิกคงมีการเสนอชื่อนายพิธาและดำเนินการโหวตต่อ
เห็นว่าการกระทำของสมาชิกรัฐสภา 314 คนขัดต่อรัฐธรรมนูญ
ออกหมายเรียก “ทะลุวัง” ป่วน วธ.
เมื่อเวลา
10.50 น. ที่ สน.นางเลิ้ง พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.
เปิดเผยถึงความคืบหน้าการออกหมายเรียกกลุ่มทะลุวังที่บุกไปก่อความวุ่นวายและทำลายทรัพย์สินทางราชการ
ที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เมื่อวันที่ 6 ส.ค.ว่า ออกหมายเรียกไปครบทั้ง 18
คนแล้ว มี 6 คนภูมิลำเนาอยู่ใน
กทม.และปริมณฑลให้มารับทราบข้อกล่าวหาภายในเวลา 7 วัน อีก 12
คนมีที่อยู่ตามทะเบียนราษฎรในต่างจังหวัดให้เวลาเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาภายใน
10 วัน นับแต่วันที่ 8 ส.ค. ล่าสุดยังไม่มีผู้ใดมารับทราบข้อกล่าวหา
ส่วนคดีเกิดขึ้นที่พรรค พท.เจ้าของอาคารยังไม่ได้แจ้งความ
ตำรวจอยู่ระหว่างการประสานงานกับเจ้าของอาคาร
ส่วนกรณีที่มีบุคคลอาจเข้าข่ายผิดเงื่อนไขการประกันตัวชั่วคราวของศาล
พนักงานสอบสวนได้ยื่นเรื่องต่อศาลให้เพิกถอนประกันชั่วคราวแล้ว
ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล
ศปปส. ยื่นศาลถอนประกัน “ตะวัน”
ช่วงสาย
ที่ศาลอาญา นายอานนท์ กลิ่นแก้ว แกนนำศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.)
เข้ายื่นหนังสือถึงอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ขอให้มีคำสั่งถอนประกันตัว
น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน นักกิจกรรมอิสระ ผู้ต้องคดีมาตรา 112
เนื่องจากมีพฤติการณ์ขัดเงื่อนไขปล่อยตัวชั่วคราวของศาล นายอานนท์เผยว่า
ตลอดเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่ศาลให้ประกันตัวไป
น.ส.ทานตะวันออกไปสร้างความวุ่นวาย สร้างความเดือดร้อน
ส่วนศาลจะมีคำสั่งถอนการประกันหรือไม่ เราไปก้าวล่วงไม่ได้
แต่อย่างน้อยเรามาขอความกรุณาศาลให้พิจารณาถึงพฤติกรรมของคนที่สร้างความวุ่นวายให้กับประเทศ
สร้างความปั่นป่วนกับประชาชนจนเกิดความระแวงเข้าใจผิดกัน
"เพื่อไทย" นำ 6 พรรค ประกาศตั้งรัฐบาล มั่นใจ ได้เสียงโหวตเกินกึ่งหนึ่ง

เพื่อไทย นำ 6
พรรคประกาศจัดตั้งรัฐบาล รวมเสียงเพิ่มมั่นใจ สลายขั้วการเมือง
ได้เสียงข้างมากในสภาแล้ว เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และมีนายกฯ
มาจากพรรคเพื่อไทย
วันที่
9 ส.ค.66 เวลา 12.35 น. ที่รัฐสภา พรรคเพื่อไทย แถลงข่าวการจัดตั้งรัฐบาล
ร่วมกับ 6 พรรคเล็ก ประกอบด้วย พรรคประชาชาติ, พรรคเสรีรวมไทย,
พรรคเพื่อไทรวมพลัง, พรรคพลังสังคมใหม่ และพรรคท้องที่ไทย โดยนำโดย
นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย
รองหัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายสุวัจน์
ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง
เลขาธิการพรรคประชาชาติ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย
นายวรเชษฐ์ พรรคเพื่อไทรวมพลัง

นายแพทย์
ชลน่าน กล่าวว่า วันนี้ พรรคเพื่อไทยได้รวบรวมเสียงเพิ่มเติม
และได้รับการสนับสนุนจาก 6 พรรคการเมือง ประกอบด้วย พรรคประชาชาติ
พรรคเสรีรวมไทย พรรคชาติพัฒนากล้า พรรคเพื่อไทรวมพลัง พรรคพลังสังคมใหม่
พรรคท้องที่ไทย และรวมเสียงโหวตได้มากกว่ากึ่งหนึ่งแล้ว
พรรคเพื่อไทยและทุกพรรคการเมืองคาดหวังอย่างยิ่งว่า
จะสามารถคลี่คลายสถานการณ์ สลายขั้วการเมือง ทุกฝ่าย
เดินหน้าขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย
ทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากหลายพรรคการเมือง
และเสียงสนับสนุนจากสมาชิกวุฒิสภา
เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ สามารถบริหารประเทศ
และเร่งแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้โดยเร็ว
ที่ขณะนี้กำลังเผชิญความเดือดร้อนรุนแรง
การประวิงเวลาออกไปยิ่งทำให้เกิดความเสียหายยิ่งขึ้น
การจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วเท่าไรจะยิ่งแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น

เรายืนยันจะทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์
โดยเฉพาะในสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความพิเศษ ท่ามกลางวิกฤติรัฐธรรมนูญ
วิกฤติเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องของประชาชน และวิกฤติความขัดแย้งในสังคม
แบ่งฝักแบ่งฝ่าย แบ่งสีแบ่งขั้ว
การที่จะแก้วิกฤติครั้งนี้ได้
ต้องสลายขั้วการเมือง ดึงความร่วมมือจากทุกพรรคทุกฝ่าย ทุกกลุ่ม ทุกคน
เพื่อร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทย
และนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำ เพื่อนำรัฐธรรมนูญออกจากวิกฤติ
เพื่อนำประชาชนให้พ้นทุกข์ เพื่อสร้างความสามัคคี สมานฉันท์ โดยถือเป็น
“วาระประเทศ” ที่สำคัญอย่างสูงสุด
เราอยากขอวิงวอนให้พี่น้องประชาชนมั่นใจในพรรคเพื่อไทย
และพรรคการเมืองที่ให้การสนับสนุนในครั้งนี้
เราจะช่วยกันฝ่าวิกฤติเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้
และประโยชน์สูงสุดแก่พี่น้องประชาชนทุกคน
เราหวังจะเห็นความสามัคคีของทุกฝ่ายในประเทศ
ต่อมา
นายสุวัจน์ ขอบคุณหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยินดีตอบรับคำเชิญร่วมรัฐบาล 1
พรรคเพื่อไทย เป็นพรรคชอบธรรม เป็นพรรคอันดับ 2 ในการจัดตั้งรัฐบาล 2.
ที่ประชุมหารือ ตอนนี้รวบรวมเสียงในสภา เกินกึ่งหนึ่งแน่นนอน
จากจัดตั้งรัฐบาลเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก 3. ไม่มีนโยบายเกี่ยวแก้ไขมาตรา
112 แต่อย่างใด 4. มีความแน่วแน่แก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจ พรรคชาติพัฒนากล้า
มีความมั่นใจ 2 ลุง-ประชาธิปัตย์ตัวเลือกท้ายสุด จีบ 6 พรรคมาร่วมรัฐบาล ทัวร์ลงเพื่อไทยประท้วง-เชียร์
เพื่อไทย”
ผวาม็อบทะลุวังบุกป่วนซ้ำ เพิ่ม รปภ.คุมเข้ม ระดมตั้งแผงเหล็กสกัด
สส.ย้ำประชาชนเลือกมาเป็นรัฐบาล นายกฯต้องเป็นแคนดิเดตของพรรค “ฐิติมา”
ห่วงจับมือ 2 ลุงตอบชาวบ้านไม่ได้ บางส่วนตั้งแง่ไม่เอา
ปชป.เอี่ยวสลายเสื้อแดง “ทีมเจรจา” ยัน 2 ลุงกับ ปชป.เป็นทางเลือกสุดท้าย
ถ้ามาไม่มาในนามพรรค “ลุงตู่” ยักคิ้ว รทสช.จะร่วมรัฐบาลก็แล้วแต่ “ธนกร”
อ่อยวันนี้พรรคไม่มีลุงแล้ว คุยกันได้ทุกค่าย “อนุทิน” อู้อี้จูงมือ
สส.พรรค 2 ลุงข้ามขั้ว ชทพ.แต่งตัวรอเทียบเชิญ “ลุงป้อม” สั่งลูกพรรคนิ่ง
ยังไร้ดีลจาก พท. “ธรรมนัส” ยันถ้าไปร่วมต้องไปทั้งพรรค “สุพิศาล”
จ่อชงที่ประชุม สส.โหวตแคนดิเดต พท.ปิดสวิตช์ สว. ปิดประตูผสมพันธุ์สองลุง
เพื่อน สส.ไม่ตอบรับ ถอยกลับตั้งหลักก่อน ยก พท.มหามิตรแบไต๋พร้อมคืนดีหลังจากพรรคเพื่อไทย
(พท.) ประกาศจับมือกับพรรคภูมิใจไทย รวม 212 เสียง ลุยจัดตั้งรัฐบาล
ก่อให้เกิดกระแสทั้งต่อต้านและสนับสนุน
โดยมีกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองไปแสดงกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์หน้าที่ทำการพรรค
พท. จนต้องมีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
พร้อมเพิ่มความเข้มข้นรับมือม็อบต่างๆ
เมื่อเวลา 11.00 น. เมื่อวันที่ 8
ส.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทย (พท.)
ว่ามีกลุ่มแท็กซี่ทวงคืนความยุติธรรม กลุ่มแท็กซี่อิสระเพื่อสังคม
กลุ่มเสื้อแดงรักประชาธิปไตย
เดินทางมาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เพื่อคัดค้านการที่พรรค
พท.จับมือกับพรรครัฐบาลขั้วเดิมตั้งรัฐบาลใหม่
โดยนำดอกไม้จันทน์และถอดเสื้อสีแดงที่ใส่ไว้บนพานทองเหลืองวางไว้หน้ารถแท็กซี่
และยังมีตัวแทนกลุ่มถอดเสื้อสีแดงใส่พานนำมามอบให้ตัวแทนพรรค พท.
มีบางส่วนจุดไฟเผาบัตรสมาชิกครอบครัวเพื่อไทย
เสริม รปภ.ตั้งเพิ่มแผงเหล็กกั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
ในเวลาไล่เลี่ยกันกลุ่มญาติวีรชน เมษายน-พฤษภาคม 53
มาให้กำลังใจมอบดอกไม้ให้พรรค พท.ในการจัดตั้งรัฐบาล
ที่ไม่มีพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)
และพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ผ่านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ
กลุ่มวีรชน ได้กล่าวว่า “เราสนับสนุนเพื่อไทย เรากตัญญูต่อเพื่อไทย
เพื่อไทยให้ทุกอย่างกับเรา เพื่อไทยมีนโยบายที่กินได้
เพื่อไทยเป็นต้นแบบของพรรคอื่น เพื่อไทยสู้ๆ”
สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยรอบพรรค หลังจากที่เมื่อวันที่ 7
ส.ค.กลุ่มทะลุวังมาทำกิจกรรมหน้าพรรค
จนกระทบกระทั่งกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของพรรค รวมถึงผู้สื่อข่าว
เจ้าหน้าที่เพิ่มมาตรการเข้มข้นขึ้น นำราวเหล็ก มากั้นหน้าประตูทางเข้าพรรค
พร้อมจัดกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำจุด
และเตรียมถังดับเพลิงประจำไว้ 2 ถัง
พร้อมเพิ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรอบที่ทำการพรรคจากเดิม 16 คน เป็น
20 คน
วง สส.ตอกย้ำต้องการเป็นรัฐบาล
เมื่อเวลา 15.45 น. มีการประชุม สส.ของพรรค นำโดย นพ.ชลน่าน
ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค นายประเสริฐ
จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค โดยมีแคนดิเดตนายกฯของพรรค พท. ประกอบด้วย
นายชัยเกษม นิติสิริ นายเศรษฐา ทวีสินและ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร
เข้าร่วมประชุมด้วย โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
โดยที่ประชุมเปิดโอกาสให้ตัวแทนแต่ละภาคได้แสดงความคิดเห็น โดยนางมนพร
เจริญศรี สส.นครพนม ได้ลุกขึ้นแสดงความเห็นว่า คนอีสานเลือกตั้งมา
เพื่อต้องการให้ สส. เป็นรัฐบาลไม่ใช่มาเป็นฝ่ายค้าน ซึ่ง
สส.หลายคนก็แสดงความคิดเห็นทิศทางเดียวกัน
ขอให้ 2 ลุงเป็นทางเลือกสุดท้าย
ขณะที่นางฐิติมา
ฉายแสง สส.ฉะเชิงเทรา แสดงความเป็นห่วง หากพรรคจับมือกับ “2 ลุง”
จะไม่สามารถตอบคำถามกับประชาชนในพื้นที่ได้ นอกจากนี้ ยังมี
สส.บางส่วนระบุว่า ไม่อยากให้พรรค พท. จับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)
เพราะมีส่วนเกี่ยวกับเหตุการณ์สลายการชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อปี 53
จนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 99 ศพ แต่ในส่วนของพรรคภูมิใจไทย (ภท.)
ที่จะมาร่วมรัฐบาลนั้น ไม่มีใครลุกขึ้นมาทักทวง ขณะที่ทีมเจรจาชี้แจงว่า
ทั้ง “2 ลุง” และพรรค ปชป. จะเป็นทางเลือกสุดท้าย
หากจะมีเข้ามาจะไม่เป็นในรูปแบบของพรรค เพราะหาก
สส.คนไหนจะยกมือสนับสนุนก็ถือเป็นเอกสิทธิ์
ยันนายกฯต้องเป็นแคนดิเดตจาก พท.
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า
สส.บางคนยังแสดงความเป็นห่วงถึงการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้
อาจจะถูกสับขาหลอกในวันโหวตเลือกนายกฯทำให้ตำแหน่งดังกล่าวไปตกอยู่ที่พรรคอื่น
ซึ่งทางคณะเจรจาได้ยืนยันกับ สส.ว่า ถึงอย่างไรนายกฯต้องมาจากแคนดิเดตพรรค
พท. และทางพรรคก็ยังพูดคุยกับพรรคก้าวไกล (ก.ก.) อยู่
เพราะเขาพร้อมสนับสนุน
ต้องการรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยฉบับประชาชนอย่างแท้จริง
โชว์ 236 เสียง 6 พรรคร่วม รบ.
ต่อมาเวลา
19.30 น. แกนนำพรรค พท.
ได้มีการประชุมและมีข้อสรุปถึงการแถลงเปิดตัวพรรคการเมืองที่จะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรค
พท.เพิ่มเติมอีก 6 พรรค โดยจะมีการแถลงข่าวเปิดตัวเวลา 12.00 น. วันที่ 9
ส.ค.ที่รัฐสภา จำนวน 5 พรรค ประกอบด้วยพรรคประชาชาติ 9 เสียง
พรรคเพื่อไทรวมพลัง 2 เสียง พรรคเสรีรวมไทย 1 เสียง พรรคพลังสังคมใหม่ 1
เสียง และพรรคท้องที่ไทย 1 เสียง ส่วนวันที่ 10 ส.ค. เวลา 10.00 น.
ที่รัฐสภาจะเป็นการแถลงเปิดตัวพรรคชาติไทยพัฒนาที่มี สส. 10
เสียงเข้าร่วมรัฐบาล รวมแล้วพรรคเพื่อไทยสามารถรวมเสียงตั้งรัฐบาลได้ขณะนี้
236 เสียง

“สุพิศาล” ชงโหวตปิดสวิตช์ สว.
เมื่อเวลา
14.00 น. ที่อาคารไทยซัมมิท มีการประชุม สส.พรรค ก.ก.ประจำสัปดาห์
มีนายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคก.ก.
เป็นประธานการประชุม โดย พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รองหัวหน้าพรรค ก.ก.
ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมว่า จะหารือเรื่องเลือกตั้งซ่อม สส.ระยอง
รวมถึงหารือเรื่องการโหวตนายกฯด้วย จะเสนอให้พรรค
ก.ก.โหวตเห็นชอบแคนดิเดตนายกฯจาก พท. เนื่องจากต้องการโหวตเพื่อปิดสวิตช์
สว. เชื่อว่าพรรค พท.จะรับปากว่าจะไม่มีการดึงพรรค 2 ลุงเข้าร่วมรัฐบาล
สิ่งที่เราอยากทำคือการปิดสวิตช์ สว.
โหวตเพื่อให้มีรัฐบาลมาแก้วิกฤติของประเทศ
ต้องการให้ประเทศชาติเดินไปด้วยดี ส่วนพรรค
พท.จะไปร่วมกับใครถือเป็นอำนาจของพรรคพท. ขณะเดียวกันพรรค ก.ก.เปิดประตูไว้
หากพรรคพท.จะกลับมาหาก็ได้
แบไต๋ พท.มหามิตรพร้อมคืนดี
เมื่อถามว่าหากพรรค
ก.ก.โหวตให้นายกฯพรรค พท. แล้วต้องไปเป็นฝ่ายค้าน พล.ต.ต.สุพิศาลตอบว่า
เป็นหน้าที่ที่ชำนาญอยู่แล้ว จะได้เห็นพรรคก.ก.รุ่นที่ 4 ไม่ได้โกรธพรรค
พท.เนื่องจาก พท.ต้องหาทางออกเพียงแต่รอไม่ได้ถึง 9 เดือนเท่านั้น
ถ้าหากรอได้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ แต่หากรออีก 9 เดือน
อาจจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงก็ได้ ส่วนกรณีพรรค พท.จับมือจัดตั้งรัฐบาลกับพรรค
ภท.เป็นเรื่องของ พท. ต้องหาทางออกที่พรรค พท.รอ 10 เดือน ไม่ได้
เมื่อถามว่าพรรค ก.ก.จะปิดโอกาสหรือไม่ หากพรรค พท.กลับมาจับมือกันอีกครั้ง
พล.ต.ต.สุพิศาลตอบว่า วันหนึ่งเราอาจจะร่วมมือกันอีกครั้ง
เขาเป็นมหามิตรเรา เป็นเพื่อนเรา พรรค พท.อาจจำเป็นต้องไป
ต้องปล่อยให้เขาไป
ขอชักกลับ “ชัยธวัช” แตะเบรก
ต่อมาหลังประชุม
พล.ต.ต.สุพิศาลให้สัมภาษณ์อีกครั้ง
ยังไม่ได้เสนอเรื่องให้โหวตเลือกแคนดิเดตนายกฯ จากพรรค พท.เพื่อปิดสวิตซ์
สว. เนื่องจากเมื่อฟังจากคนข้างๆแล้ว เขาเงียบกันหมด
บางคนพูดง่ายๆว่าไม่เห็นด้วย จึงไม่ได้มีการเสนอวาระเรื่องนี้ในที่ประชุม
สส. อีกทั้งนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค ก.ก. ประธานที่ประชุม
บอกว่าเราจะยังไม่โหวต ให้ทำงานสภาฯไปก่อน
ใกล้ถึงวันโหวตเลือกนายกฯถึงจะหารือกันอีกครั้ง
ทสท.ยืนยันไม่สลับขั้ว-ย้ายฝั่ง
วันเดียวกัน
พรรคไทยสร้างไทยออกแถลงการณ์ถึงจุดยืนทางการเมืองว่า ขณะนี้มีประเด็นสำคัญ
รัฐสภายังรอคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ
และยังรอความชัดเจนการจัดตั้งรัฐบาลของพรรค
พท.จะรวบรวมเสียงสนับสนุนได้เท่าใด พรรค
ทสท.แสดงจุดยืนภายใต้หลักการที่ชัดเจนมาตลอดว่าจะไม่สลับขั้ว-ย้ายฝั่ง
ไม่เป็นที่เหยียบยืนให้เผด็จการเด็ดขาด เพื่อยุติการสืบทอดอำนาจ 2
ลุงอย่างถาวร รวมทั้งประเด็นที่จะทำงานร่วมกับพรรคอื่น
ที่สนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญให้เกิดประชาธิปไตยแท้จริงเพื่อประชาชน
และแนวทางการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องให้ประชาชนอย่างเร่งด่วน
เมื่อทราบแนวทางชัดเจนแล้ว พรรค
ทสท.จะเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณาจะร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาลต่อไป
เรายืนยันยึดมั่นสัญญาเป็นสัจจะไว้กับประชาชน ไม่เป็นนั่งร้านให้เผด็จการ
ผลักดันรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน เร่งแก้ปัญหาปากท้องประชาชนให้เป็นรูปธรรม
ลุงตู่” ขอทุกฝ่ายทำบ้านเมืองไปต่อ
เมื่อเวลา
09.30 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ
และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)
ก่อนการประชุมนายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ
นำคณะผู้บริหารสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติเข้าพบนายกฯรายงานผลการดำเนินงานโครงการโคล้านครอบครัว
และกิจกรรมกระตุ้นและพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก โดยนายกฯสวมเสื้อผ้ามูลมงคล
เป็นผ้าย้อมด้วยมูลวัว สะพายย่ามผ้ามูลวัวโชว์สื่อ
และกล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า ขอให้อุดหนุนกันด้วย
จะแก้ปัญหายากจนให้เกษตรกรมีรายได้ ทุกอย่างต้องร่วมมือทั้งตัวเองและรัฐ
ทั้งนี้ นายกฯยิ้มแย้มได้ทักทายสื่อว่า มีหลายคนไปอยู่เวทีในทางการเมือง
ขอให้ช่วยกันดูแลบ้านเมือง เพราะบ้านเมืองต้องไปต่อ
ช่วยกันทำให้บ้านเมืองเดินหน้า
ยักคิ้ว รทสช.จะร่วม รบ.ก็แล้วแต่
ต่อมานายเอนก
เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดม ศึกษาฯ
และคณะประชาสัมพันธ์งานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี 66
ส่วนนายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม นำคณะนักร้องประสานเสียงเยาวชนไทย
มาแสดงบทเพลงที่ชนะการแข่งขันขับร้องประสานเสียงนานาชาติ ครั้งที่ 12 ณ
เมืองบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย และ น.ส.นฤดี ภู่รัตนรักษ์
ผอ.สำนักวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมและคณะประชาสัมพันธ์แคมเปญรณรงค์ส่งเสริมการใช้ผ้าไทยและงานศิลปหัตถกรรมไทยในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ
แซวได้ รบ.ใหม่เมื่อไหร่ถาม “พี่หนู”
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า
ในที่ประชุม ครม.พล.อ.ประยุทธ์ค่อนข้างอารมณ์ดี การประชุม
ครม.เป็นไปอย่างเฮฮาสนุกสนาน มีการแซวกันไปมาระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์กับ
ครม.เป็นระยะ ช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์พูดถึงวันคล้ายวันเกิดของ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและหัวหน้าพรรค พปชร.วันที่ 11 ส.ค.
เดี๋ยวจะไปอวยพรส่วนตัวอยู่แล้ว แล้วถาม ครม.ว่า มีรัฐมนตรีคนใดเกิดเดือน
ส.ค.อีกบ้าง ทำให้นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวฯ
ที่มีวันคล้ายวันเกิดในวันที่ 5 ส.ค.ยกมือ
นายกฯจึงแซวนายพิพัฒน์ที่เพิ่งปะทะคารมกับแกนนำกลุ่มทะลุวังที่พรรค พท.
เมื่อเย็นวันที่ 7 ส.ค.ว่า “ได้พรใหญ่กันเลย ต้องอดทนนะครับ
บ้านเมืองต้องใช้ความอดทน” บรรดา ครม.ต่างหัวเราะชอบใจ
พล.อ.ประยุทธ์ยังพูดอีกว่าเรื่องการเมืองเป็นเรื่องการเมืองไป
สื่อถามเรื่องการเมืองผมก็ไม่ตอบคำถาม” และยังแซวนายอนุทิน ชาญวีรกูล
รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรค ภท.ว่า
“จะได้รัฐบาลใหม่เมื่อไหร่อย่างไรผมไม่รู้ ต้องถามพี่หนูเขาดู” เรียกเสียง
ครม.หัวเราะกันยกใหญ่อีกครั้ง

“ธนกร” อ่อยวันนี้พรรคไม่มีลุงแล้ว
นายธนกร
วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค
รทสช.กล่าวถึงกระแสข่าวพรรค
รทสช.อาจไปร่วมรัฐบาลเป็นกลุ่มหรือเป็นตัวบุคคลว่า ยังไม่มีข้อมูลประสานมา
คงจะคุยกันในพรรค พรรค ภท.และพรรค พท.รวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลได้เป็นเรื่องดี
บอกว่าเป็นการสมานฉันท์ปรองดอง หากเดินแบบนี้จะใช้เวลาไม่นาน
ถ้าไปร่วมรัฐบาลโดยหลักการต้องไปทั้งพรรค ส่วนพรรค รทสช.วันนี้ยังอยู่
แม้ไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ดำเนินการตามที่
พล.อ.ประยุทธ์ให้นโยบายไว้ วันนี้เรื่อง 2
ลุงต้องให้ความเป็นธรรมกับพรรคด้วย
เพราะวันนี้ไม่มีลุงตู่อยู่ในพรรคแล้วและไม่ได้เล่นการเมืองแล้ว
เรื่องนี้น่าจะจบได้แล้ว ทุกพรรคน่าจะพูดคุยกันได้
ไม่น่าจะมีเงื่อนไขอะไรแบบนี้
เพราะพรรคที่จะร่วมรัฐบาลกันได้หลักๆต้องดูที่นโยบายและแนวทางการทำงานของพรรค
ไม่ควรไปดูมีลุงไม่มีเรา เรื่องนี้เป็นวาทกรรม ไม่ได้เกี่ยวข้องแล้ว
“สุชาติ” ทิ้งนัยโหวตให้ ปท.ไปต่อ
ด้านนายสุชาติ
ชมกลิ่น รมว.แรงงาน รองหัวหน้าพรรค รทสช.
ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวมีชื่อย้ายไปอยู่พรรคอื่นว่า ยังอยู่
รทสช.ทำงานการเมือง รทสช. เป็นทั้ง สส. และสมาชิกพรรค เมื่อถามถึงกระแสข่าว
รทสช.จะไปร่วมรัฐบาล นายสุชาติตอบว่า มีสูตรคณิตศาสตร์เยอะ
แต่เราไม่ได้เป็นคนคิดสูตร ตกผลึกอย่างไรไม่ได้อยู่ที่เรา แต่อยู่ที่ สส.
และ สว.รวมถึงยังไม่รู้ว่า
ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องเสนอชื่อนายกฯซ้ำอย่างไร ต้องอยู่เฉยๆก่อน
เมื่อถามว่า หาก รทสช.มีมติไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรค พท.จะทิ้ง
รทสช.ไปร่วมกับพรรค พท.หรือไม่ นายสุชาติตอบว่า อยากให้ดูวันที่ 16 ส.ค.
ว่าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอย่างไร แต่ยืนยันจากปากว่า สส. สว.
มีเอกสิทธิ์ร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาลไม่ใช่เรื่องใหญ่
แต่ทำอย่างไรให้ประเทศไทยเดินไปได้
“ขิง” ย้ำ 36 สส.ยืนหยัดไม่แตกแถว
นายเอกนัฏ
พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครทสช.โพสต์เฟซบุ๊กย้ำจุดยืนของพรรค
รทสช.และการเดินหน้าการทำงานทั้งในและนอกสภามีเนื้อหาระบุว่า รทสช.
พร้อมเดินไปข้างหน้าอย่างพร้อมเพรียง ในสภายืนหยัดปักหลักต่อสู้ด้วย สส. 36
คน ปฏิเสธตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย คัดค้านแก้มาตรา 112
เราไม่หยุดอยู่แค่นี้ มองไปถึงอนาคตที่ต้องเติบโต
แข็งแรงขึ้นเรื่อยๆที่สำคัญที่สุดประชาชนให้การสนับสนุน
“อนุทิน” อู้อี้จูงมือ สส.พรรค 2 ลุง
เมื่อเวลา
12.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ
รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.)
กล่าวถึงการเชิญพรรคอื่นเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลว่า ต้องให้พรรค
พท.แกนนำจัดตั้งรัฐบาลเป็นคนแถลง ต้องให้เกียรติเขา
มั่นใจขณะนี้ได้เสียงร่วมรัฐบาลเกิน 250 เสียงแล้ว ไม่ต้องกังวล
ทุกฝ่ายต้องช่วยกันทำความมั่นใจแก่ สส.และ สว.ให้ข้อกังวลต่างๆหายไป
ครั้งที่แล้วกังวลการแก้มาตรา 112 แต่ครั้งนี้ไม่มีแล้ว เมื่อถามว่า พรรค
พท.ประสานให้พรรค ภท.ช่วยดึงเสียงจากพรรค 2 ลุงมาหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า
พรรค พท.บอกแล้วว่า ให้ช่วยหาวิธีดึงเสียง สส. และ
สว.ให้ได้เสียงเกิดความมั่นคง เพราะผ่านมาเกือบ 3
เดือนแล้วยังเลือกนายกฯไม่ได้ เมื่อถามว่า การออกมาจับมือกับพรรค
พท.ไม่มีปัญหากับพรรค 2 ลุงใช่หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า
เราไม่ได้ออกมาจับมือกับพรรค พท.เขาเชิญมาหารือ และรับเงื่อนไขต่างๆกันได้
เมื่อถามว่า พรรค พท.ได้ประสานพรรค ปชป.มาร่วมหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า พรรค
ภท.ไม่ได้เป็นแกนนำ ไปก้าวล่วงเกินบทบาทไม่ได้
ชทพ.รอเทียบเชิญร่วมรัฐบาล
นายวราวุธ
ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์ว่า ได้คุยกับพรรค
พท.ระดับหนึ่ง ก่อนโหวตนายกฯครั้งต่อไปจะพูดคุยกันอีก รอให้พรรค
พท.เป็นผู้ส่งเทียบเชิญนัดหมายพร้อมไปคุย ยังยึดไม่แตะต้องมาตรา 112
ทัศนคติการทำงานและทัศนคติต่อหลายเรื่อง เช่น
สถาบันพระมหากษัตริย์ต้องไปทิศทางเดียวกัน
หากตรงกันต้องมาพูดคุยว่าจะไปทิศทางใด การแถลงข่าวของพรรค พท.และพรรค
ภท.พูดชัดไม่แตะต้องมาตรา 112 เป็นสัญญาณที่ดี ไปในทิศทางเดียวกัน
การแก้รัฐธรรมนูญให้มี สสร. แนวทางชัดเจนตรงกับพรรค ชทพ.เคยทำสมัยนายบรรหาร
ศิลปอาชา หัวใจสำคัญไม่ควรแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2
เพราะถือว่าเป็นหมวดที่สำคัญอย่างยิ่ง
เราจึงมีแนวคิดว่าไม่ควรไปแตะต้องทั้งนี้ พรรค ชทพ.ได้ 10 เสียง
จะใช้เหตุผลและหลักการพูดคุย คงไม่ไปเรียกร้อง ต้องการให้รัฐบาลเข้มแข็ง
การต่อรองกระทรวงค่อยไปว่ากันทีหลัง ต้องดูสส.ซีกรัฐบาลมีเท่าไหร่
คิดเป็นสัดส่วนเท่าใด สำหรับคุณสมบัตินายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ
ของพรรค พท.ต้องให้เกียรติพรรค พท.คงพิจารณาคุณสมบัติมาเพียบพร้อมแล้ว
เราให้เกียรติพรรคใหญ
“บิ๊กป้อม” ลา ครม.บอก พท.ยังไม่ดีล
วันเดียวกัน
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯในฐานะหัวหน้า พปชร.เข้าทำเนียบรัฐบาล
แต่ลาการประชุม ครม. โดยให้สัมภาษณ์สั้นๆถึงพรรค
พท.ประสานร่วมรัฐบาลมาหรือยังว่า ยังไม่ได้รับ
เมื่อถามว่าถ้ามีสัญญาณมาสนใจหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ส่ายหน้าตอบเพียงว่า
ไม่ทราบ เมื่อถามว่ามีเงื่อนไขอะไรหรือไม่หากจะร่วมรัฐบาล พล.อ.ประวิตร
ไม่ตอบเช่นเดิม ต่อมาเวลา 09.30 น. พล.อ.ประวิตร ให้การต้อนรับนายสวี่
กานลู่
รมช.ความมั่นคงสาธารณะและผู้บังคับการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแห่งชาติ
สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ตึกบัญชาการ 1 โดย
พล.อ.ประวิตรชื่นชมพัฒนาการความสัมพันธ์ไทย-จีนที่ใกล้ชิด
พร้อมผลักดันความร่วมมือด้านความมั่นคงและการบังคับใช้กฎหมายให้ก้าวหน้าเป็นรูปธรรม
ด้าน รมช.ความมั่นคงสาธารณะจีนฯชื่นชม
ที่มีบทบาทสำคัญส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างไทยกับจีนมาตลอด
และเห็นพ้องยกระดับความร่วมมือระหว่างกัน ช่วงท้าย
พล.อ.ประวิตรแสดงความเสียใจต่อรัฐบาลและประชาชนจีน
กรณีอุทกภัยที่เกิดขึ้นในกรุงปักกิ่งและมณฑลเหอเป่ย
เชื่อมั่นรัฐบาลจีนจะช่วยเหลือประชาชนและฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบให้กลับคืนสู่ปกติโดยเร็ว
ย้ำคำเดิมไม่มีการติดต่อมา
จากนั้น
พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงการร่วมรัฐบาลกับพรรค พท.ว่า
“ยังไม่ติดต่อมา” เมื่อถามยํ้าว่า หากติดต่อมาจะร่วมหรือไม่
เพราะดูจากเงื่อนไขก็ร่วมได้ พล.อ.ประวิตรไม่ตอบคำถาม เมื่อถามอีกว่า
หากพรรค พท.ไม่เชิญ พร้อมเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ปฏิเสธตอบคำถาม
เมื่อถามว่า วันนี้งอน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ
รมว.กลาโหมหรือไม่ จึงไม่เข้าร่วมประชุม ครม.พล.อ.ประวิตร ไม่ตอบคำถาม
ก่อนขึ้นรถออกจากทำเนียบฯกลับเข้ามูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดทันที
ขอพรวันเกิดให้คน พปชร.รักกัน
เมื่อเวลา
15.00 น. ที่พรรค พปชร.พรรคพปชร.จัดประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.)
กรรมการยุทธศาสตร์และ สส. ก่อนเริ่มประชุมบรรยากาศคึกคัก ทันทีที่
พล.อ.ประวิตรเดินทางถึงพรรค แกนนำ กรรมการบริหารพรรค สส.และอดีตผู้สมัคร
สส.กทม.ได้ร่วมร้องเพลงอวยพรวันเกิดล่วงหน้าให้ พล.อ.ประวิตร
เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดอายุครบ 78 ปี ในวันที่ 11 ส.ค. โดย
พล.อ.ประวิตรได้เป่าเค้กและกล่าวขอพรว่า
”ขอให้พรรครักกันทุกคนเป็นหนึ่งเดียว
เพื่อทำให้พรรคเป็นสถาบันการเมืองต่อไป“ ผู้สื่อข่าวถามถึงการตั้งรัฐบาล
พล.อ.ประวิตร ตัดบทว่า ”ไม่ต้องถามแล้วครับ“ ก่อนเดินเลี่ยงขึ้นห้องประชุม
สส. ส่วนที่บริเวณโถงด้านล่างของอาคารที่ประชุม มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ
สน.พหลโยธิน มาสังเกตการณ์
หลังมีกลุ่มการเมืองเคลื่อนไหวทำกิจกรรมในช่วงนี้
สั่งนิ่งก่อนยังไม่รู้เป็นฝ่ายค้าน-รบ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
ในที่ประชุมช่วงหนึ่งพล.อ.ประวิตร หยิบยกแนวทางให้ผู้สมัคร สส.สอบตก
แต่ได้อันดับ 2 มาเป็นผู้ช่วยสส.ต่อยอดเลือกตั้งครั้งหน้า แต่มี
สส.หลายคนไม่ค่อยเห็นด้วย เห็นควรจะนำคนในพื้นที่ของ สส.มาเป็นดีกว่า
พล.อ.ประวิตรได้รับเรื่องไว้ มอบให้นายวราเทพ รัตนากร
ผอ.สำนักงานพรรคไปดูว่าจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร ขณะที่
ร.อ.ธรรมนัสกล่าวเสริมว่า ผู้ช่วย สส.ให้รอก่อน
เพราะยังไม่รู้ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล
จะให้คนนั้นคนนี้เป็นอาจเกิดประเด็นบาดหมางในหมู่ สส. ผู้สมัคร สส.และพรรค
และมีการเสนอให้หาบุคลากรมาช่วยหาข้อมูลให้ สส.อภิปรายในสภาฯ ทั้งนี้
พล.อ.ประวิตรไม่ได้ย้ำอะไรเป็นพิเศษ แต่ขอให้อยู่นิ่งๆ
โดยในที่ประชุมแจ้งนัด สส.เข้าอวยพรวันคล้ายวันเกิด พล.อ.ประวิตร
ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯเวลา 11.00 น. วันที่ 11 ส.ค.

“ธรรมนัส” บอกไร้สัญญาณจาก พท.
ร.อ.ธรรมนัส
พรหมเผ่า สส.พะเยา เลขาธิการพรรค
พปชร.กล่าวถึงท่าทีเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรค พท.ว่า ต้องดูท่าที
พล.อ.ประวิตร หัวหน้าพรรค พปชร. ตอนนี้เหมือนเดิมคืออยู่นิ่งๆ
อย่าให้ข่าวอะไรมาก เดี๋ยวจะผิดเพี้ยนไป ขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่ออะไร
ถามว่าเรามีโอกาสหรือไม่อยู่ที่พรรค พท.เราต้องอยู่นิ่งๆตามมารยาท
แต่เชื่อว่าพรรค ภท.กับพรรค
พท.คงประสานไปเบื้องต้นแล้วว่าจะมีพรรคอื่นเพิ่มเติมหรือไม่ เมื่อถามว่า
เป็นการวัดพลัง 212 เสียงกับพรรค พปชร.หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า
ได้ยินแต่ข่าว ไม่เคยมีเรื่องการวัดพลัง ไม่มีประเด็นว่าพรรค พปชร.ถูกพรรค
พท.หลอก ทำให้ดีลไม่ลงตัว
ร่วม รบ.ต้องไปกันทั้งพรรค
เมื่อถามว่าพรรค
พปชร.และพรรค ภท.มีสัญญาใจไปไหนไปกันใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า
เป็นเรื่องเอกภาพของแต่ละพรรค
เมื่อถามว่าพรรคพท.แถลงว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะไม่มี 2 ลุงแน่นอน การที่มี
สส.บางส่วนจะไปสมทบเป็นไปได้หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า
ทำอะไรต้องเป็นมติคณะกรรมการบริหารพรรคและ สส.เป็นเอกฉันท์ว่าไปในทิศทางใด
ไม่ใช่กลุ่มไหนคิดจะไปก็ไป เมื่อถามว่าการที่พรรคพท.ไม่เอาลุง พรรค
พปชร.จะทำอย่างไรจะไม่ไปร่วมแน่นอนใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า
เรื่องลุงไม่ใช่เรื่องสาระสำคัญสำหรับพรรค
พปชร.คือเรื่องบ้านเมืองเราจะร่วมแก้วิกฤติได้อย่างไร
ประชาชนต่างประสบความเดือดร้อน สำคัญที่สุดเร่งจัดตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุด
เมื่อถามว่าเงื่อนไขเรื่องลุงเป็นปัญหาที่พรรคพท.ต้องแก้เองใช่หรือไม่
ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า เวลานี้ พรรค พท.ประกาศตั้งรัฐบาลสมานฉันท์ก็ชัดเจนว่า
พรรค พท.ต้องหาทางออกเองว่าจะแก้อย่างไร
“อู๊ดด้า” ย้ำ ปชป.ไร้ซิกร่วมรัฐบาล พท.
นายจุรินทร์
ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ปชป. ให้สัมภาษณ์
ว่า พรรค พท.ไม่มีการติดต่อมา เป็นไปตามข้อบังคับพรรค เป็นหน้าที่
กก.บห.พรรคจะประชุมร่วมกับสส.
ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณอะไรที่ต้องนัดประชุมเรื่องนี้ พรรคมีความเห็นเป็น 2
ทางเสมอ
ทุกคนในพรรคมีสิทธิจะมีความเห็นที่ดีที่สุดสำหรับพรรคและประเทศสุดท้ายต้องยุติที่มติของพรรค
ถ้าต้องตัดสินใจเกี่ยวข้องกับการจัดตั้งรัฐบาล หรือการตัดสินใจทาง
การเมืองที่สำคัญ
พรรค ปชป.เป็นเช่นนี้มาตลอดต้องยึดมติพรรคเป็นหลัก
ส่วนวันประชุมใหญ่วิสามัญเลือก กก.บห.พรรคชุดใหม่
กก.บห.ชุดรักษาการจะหารือกับเลขาธิการพรรคอีกว่าวันเวลาเหมาะสมนัดประชุมอีกครั้งจะเมื่อไหร่
เป็นเรื่องภายในพรรคที่พูดคุยกันได้
ก.ก.เป็นฝ่ายค้าน “หมออ๋อง” ต้องออก
นายวิษณุ
เครืองาม รองนายกฯให้สัมภาษณ์ถึงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน
ที่รัฐธรรมนูญระบุห้ามไม่ให้ สส.ในพรรคการเมืองที่มีสมาชิกเป็นรัฐมนตรี
ประธานสภาฯและรองประธานสภาฯดำรงตำแหน่งว่า แม้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
หัวหน้าพรรคถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ยังไม่ถือว่าพรรค ก.ก.เป็นฝ่ายค้าน
จึงยังแต่งตั้งไม่ได้ ต้องรอให้รู้ก่อนว่าพรรคไหนเป็นพรรคร่วมรัฐบาลบ้าง
ผู้นำฝ่ายค้านต้องมาจากพรรคที่ไม่ได้ร่วมรัฐบาล
และต้องเป็นพรรคที่ใหญ่ที่สุดในฝ่ายค้าน กรณีนายปฏิพัทธ์ สันติภาดา
สส.พิษณุโลก พรรค ก.ก.รองประธานสภาฯคนที่ 1 ถ้าพรรค ก.ก.
ต้องเป็นผู้นำฝ่ายค้าน ต้องลาออกจากรองประธานสภาฯ
ทั้งนี้ที่ยังไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้หลายฝ่ายกังวลปีงบฯล่าช้าออกไป
ปกติช่วงนี้งบฯปี 67 จะเข้าสภาฯถ้าได้รัฐบาลเดือน
ก.ย.กว่าจะทำงบฯได้ต้องแถลงนโยบายให้เสร็จก่อน อาจช่วงปลาย ก.ย.หรือต้น
ต.ค.ต้องใช้อีก 1 เดือนทำงบฯปี 67 เข้าสภาฯ เดือน พ.ย.-ธ.ค.อยู่ในสภาฯอีก 3
เดือน จะพอดีกับการทำงบฯปี 68 ทำให้งบฯ 2 ปีซ้อนกัน
ไม่ทราบว่าจะเสียหายเท่าใด ต้องให้ภาคเอกชนประเมิน
สว.รับลูกสอบคุณสมบัติ “เสี่ยนิด”
เมื่อเวลา
09.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง
และการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา มีนายเสรี สุวรรณภานนท์
สว.ในฐานะประธาน กมธ.ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณากรณีนายเรืองไกร
ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรค พปชร.ยื่นเรื่องให้ กมธ.ตรวจสอบคุณสมบัตินายเศรษฐา
ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯพรรค พท.กรณีหลีกเลี่ยงภาษีซื้อขายที่ดิน 512 ล้านบาท
หลังการประชุมนายเสรีกล่าวว่า
กมธ.รับเรื่องร้องเรียนของนายเรืองไกรไว้ตรวจสอบ
หลังจากนี้จะเชิญฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง
พยายามให้ได้ข้อสรุปก่อนวันโหวตนายกฯในครั้งถัดไป
ที่ประชุมยังได้ประเมินสถานการณ์การเมือง หลังจากพรรค พท.จับมือพรรค
ภท.ตั้งรัฐบาลว่า
เนื่องจากคะแนนแต่ละฝ่ายยันกันไปมาไม่มีฝ่ายใดได้คะแนนเด็ดขาด
และยังตั้งแง่กันเรื่องนโยบาย การตั้งนายกฯจึงไม่ใช่เรื่องง่าย
สถานการณ์ความวุ่นวายต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มที่ก้าวร้าว
กังวลว่าจะนำไปสู่ความรุนแรงมากขึ้น ดังนั้น
กมธ.จะจัดสัมมนาเชิญกลุ่มผู้ชุมนุม พรรคการเมือง ศาลยุติธรรม ตำรวจ อัยการ
มาหารือร่วมกันในวันที่ 1 ก.ย. ที่รัฐสภา ร่วมกันหาแนวทางออก ลดความรุนแรง
ก้าวร้าว เน้นทำความเข้าใจกัน และการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง
ย้ำไม่โหวตให้ พท.พา “ทักษิณ” กลับ
ต่อมาเวลา
13.30 น. ที่รัฐสภา พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม
สว.ให้สัมภาษณ์ถึงการจะไม่โหวตสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ พรรค พท.ว่า
ไม่สนับสนุนพรรค พท.ที่มีนโยบายเร่งด่วนจะตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.)
ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ดูแล้วมีวาระซ่อนเร้นนำไปสู่การแก้ไข
พ.ร.ป.รัฐธรรมนูญโดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขอายุความคดีทุจริตที่ไม่มีอายุความ
เพื่อช่วยเหลือนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
อดีตนายกฯให้กลับบ้านได้ เป็นการช่วยเหลือนายทุนพรรค พท.
ถ้าอยากได้เสียงสนับสนุนจากตน ขอให้ยุติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เพราะไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ตัวเลือกจากพรรค ก.ก.และ พรรค พท.ตนไม่สนับสนุน
หากตัวเลือกอื่นๆในลำดับ 3 คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภท. ลำดับ 4
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร.ถูกเสนอชื่อตนจะงดออกเสียง
จ้องตั้ง ส.ส.ร.โละ รธน.จะหนุนได้ไง
ต่อมา
พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สว. ให้สัมภาษณ์ว่า
ตั้งใจมาตลอดว่าเมื่อไม่สนับสนุนพรรคก.ก.เป็นนายกฯ ต้องสนับสนุนพรรค พท.
แม้ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่ทันทีที่ได้เสียงสนับสนุนจากพรรค
ภท.ประกาศจะเสนอให้ทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดย ส.ส.ร.ในการประชุม
ครม.ครั้งแรก สร้างวิกฤติความขัดแย้งขึ้นในชาติอีกครั้ง
ทำไมจึงให้ความสำคัญต่อการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นวาระเร่งด่วน
มากกว่าการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องประชาชน
ทั้งที่พรรค พท.ชนะเลือกตั้งตามกติการัฐธรรมนูญ 2560 หรือรัฐธรรมนูญ 2560
เป็นปัญหาอุปสรรคของนายทุน เจ้าของ พท.ทำให้ไม่สามารถกลับไทยได้แบบเท่ๆ
ไม่ต้องติดคุก จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องทำทันที
แล้วแบบนี้จะสนับสนุนนายกฯจากพรรค พท.ได้อย่างไร
“เสรี” รอดูท่าทีโฉมหน้ารัฐบาลใหม่
นายเสรี
สุวรรณภานนท์ สว. กล่าวถึงการจับมือตั้งรัฐบาลระหว่างพรรค พท.กับพรรค ภท.
ว่า สว.ต้องรอให้พรรคการเมืองรวมตัวจัดตั้งรัฐบาลให้เสร็จ
ต้องดูว่าจะมีพรรคใดเป็นรัฐบาลบ้าง แม้พรรค พท.จะเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน
แคนดิเดตนายกฯพรรค พท. แต่ยังมีระยะเวลาเหลืออยู่
ต้องรอดูว่าสุดท้ายจะเสนอชื่อใคร จะมีพรรค 2
ลุงหรือไม่ขึ้นอยู่กับแต่ละพรรคจะไปตกลงกัน
สว.ต้องรอดูการตั้งรัฐบาลจะสำเร็จมากน้อยแค่ไหน
ตอบตอนนี้จะกลายเป็นไปสนับสนุนพรรคใดจะไม่เหมาะสม การที่
สว.จะพิจารณาเห็นชอบนายกฯจะดูจาก 1.ไม่แตะมาตรา 112
และไม่แก้รัฐธรรมนูญหมวดสถาบัน
2.ดูคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของคนได้รับเสนอเป็นนายกฯว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่
3.ดูนโยบายแต่ละพรรค นำมาประกอบการตัดสินใจ
ส่วนที่นายเศรษฐาถูกยื่นตรวจสอบ กรณีเลี่ยงภาษีที่ดิน ขณะนี้นายเรืองไกร
ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ
มายื่นเรื่องให้คณะกรรมาธิการพัฒนาสังคมและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา
ตรวจสอบแล้ว กมธ.จะพิจารณารายละเอียด ต้องตรวจสอบให้ชัดเจน
ยื่น กกต. สอย “ชลน่าน” หาเสียงเท็จ
นายเรืองไกร
ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรค พปชร.กล่าวว่า
ได้ส่งจดหมายผ่านไปรษณีย์อีเอ็มเอสถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
เมื่อวันที่ 8 ส.ค.ให้ตรวจสอบกรณี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค
พท.แถลงข่าวตอบคำถามสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 7 ส.ค.ตอนหนึ่งว่า
“ไล่หนูตีงูเห่าเป็นภาพการรณรงค์ให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียงเลือกตั้ง
กิจกรรมแต่ละครั้งจัดบนวัตถุประสงค์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้นๆ มิติทางการเมือง
เราไปขอเสียงสนับสนุนจากพี่น้องประชาชน เราไม่เคยประกาศว่าเป็นศัตรูกับใคร
เราเป็นคู่แข่งกันจริง เทคนิคการหาเสียง วิธีการหาเสียง ต่างฝ่ายต่างมี
อันนี้เรียนด้วยความเคารพว่า เราไม่เคยคิดว่าเป็นศัตรูกัน”
เข้าข่ายหาเสียงหลอกลวงจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมืองตาม
พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.มาตรา 73 (5) หรือไม่
ครม.ไฟเขียว ลต.ซ่อมระยอง
น.ส.ไตรศุลี
ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุม ครม.
อนุมัติร่าง พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง สส.ระยอง เขตเลือกตั้งที่ 3
แทนนายนครชัย ขุนณรงค์ อดีต สส.ระยองพรรค ก.ก.ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 105
วรรคหนึ่ง (1) กำหนดให้ในกรณีที่
สส.เขตว่างลงเพราะเหตุอื่นใดนอกจากถึงคราวออกตามอายุของสภาฯให้ดำเนินการตรา
พ.ร.ฎ.เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้ง สส.แทนตำแหน่งที่ว่างลงภายใน 45 วัน
ตามที่ กกต.ยกร่าง พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง
และร่างแผนการจัดการเลือกตั้งเสนอต่อ ครม.คาดว่าวันเลือกตั้งคือวันที่ 10
ก.ย.66
ผบ.ตร.เล็งถอนประกันกลุ่มทะลุวัง
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
(ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.กล่าวว่า กลุ่มทะลุวัง
ที่ไปกระทรวงวัฒนธรรมผิดหลายข้อหา ทั้งเรื่องบุกรุก ทำให้เสียทรัพย์
พ.ร.บ.รักษาความสะอาด มีอัตราโทษสูง ได้ออกหมายเรียกตามขั้นตอนแล้ว
ส่วนกรณีที่พรรค พท. เมื่อวันที่ 7
ส.ค.ทราบว่าจะมีการมากล่าวหาดำเนินคดีข้อหาคงคล้ายๆกัน
มาตรการการดูแลความเรียบร้อยแต่ละพื้นที่ได้วางแผนรองรับไว้ทั้งหมดแล้ว
แต่เหตุการณ์วันที่ 7 ส.ค.ทาง บก.น.1
ต้องประเมินเพิ่มเติมหากมีประชุมเกี่ยวข้องกับการตั้งรัฐบาล
ต้องเตรียมมาตรการให้เข้มงวดมากขึ้น
อยากเตือนว่าทุกคนมีสิทธิที่ชุมนุมได้แต่ต้องอยู่ในกรอบกฎหมาย
ทุกคนมีกรอบกฎหมายเท่ากัน แต่ละครั้งที่ทำเท่ากับความผิด 1 กรรม
บางคดีหากเป็นความผิดเสียหายต่อรัฐบางข้อหาตำรวจดำเนินคดีได้อยู่แล้วแต่หน้างาน
หากเหตุไม่รุนแรงมากอาจหลีกเลี่ยงการจับกุมซึ่งหน้า
ทุกคดีเราจะดำเนินคดีย้อนหลัง และใครที่เคยได้รับการประกันตัว
หรือทำผิดซ้ำซาก มีโอกาสถูกเพิกถอนประกัน ตำรวจจะเสนอต่ออัยการทั้งหมด
ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลหรืออัยการ
“ชูวิทย์” เหน็บ พท.คบชู้หิ้วอีหนูเข้าบ้าน
นายชูวิทย์
กมลวิศิษฎ์ นักเคลื่อนไหว โพสต์เฟซบุ๊กว่า แล้วก็ถึงวันที่เพื่อไทยพา
“อีหนู” ออกงานอย่างเป็นทางการหลังฉีก “ทะเบียนสมรส (MOU)” ไม่ถึงอาทิตย์
หน้าตาพอพาไปวัดตอนค่ำได้ แถมพกกัญชาเข้าบ้านมาด้วยจะไหวหรือ?
หมดเวลาทำลับๆ ล่อๆหลบๆซ่อนๆแอบคบชู้เจรจาหวานแหววลับหลังเมียหลวงก้าวไกล
พากันประกาศให้ลุงข้างบ้านฟังว่า ที่จำเป็นต้อง “ผิดผี”
เพราะวิกฤติของประเทศชาติรอไม่ได้
ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนสร้างวิกฤติให้เกิดขึ้นเอง เอะอะอ้างเรื่องปากท้อง
ไม่รู้ปากท้องของใคร? ยังหน้าด้านให้เมียหลวงช่วยกลับมา “ซักผ้า” ให้อีก
คือขอ 151 เสียง ของก้าวไกลมาโหวตนายกฯให้ จิตใจมันช่างเหี้ยมโหด
นี่แหละหนาชายสามโบสถ์ แต่ก่อนบอกว่า “ไล่หนูตีงูเห่า ไม่เอากัญชา”
ตอนนี้กลับอ้างว่า “เป็นเทคนิคการหาเสียง” ให้มันได้อย่างนี้ ยังเหลือ
“ความเป็นชายชาตรี” อยู่ไหม?
ศาลสั่ง กกต.แจงคดีจ้องสอย “พิธา”
ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง
ศาลนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาในคดีที่นายยงยุทธ เสาแก้วสถิต ทนายความ
ยื่นฟ้องนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.กับพวกรวม 7 คน
ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ กระทำการในฐานะเจ้าพนักงานของรัฐ
โดยทุจริต เจตนา ร่วมกันออกประกาศ กกต.เลือกตั้ง สส. 2566
กรณีตรวจสอบคุณสมบัตินายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
สมัครรับเลือกตั้งกรณีถือหุ้นไอทีวี
วันนี้โจทก์และทนายโจทก์มาศาลโจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มจำเลยที่เป็น กกต.อีก 1
คนรวมมีจำเลย 8 คน ศาลตรวจคำฟ้องและเอกสารท้ายฟ้องของโจทก์
เห็นว่าคำฟ้องยังไม่ได้ระบุข้อเท็จจริงรายละเอียดและพฤติการณ์ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดของจำเลยทั้ง
8 และเรื่องอื่นๆให้โจทก์แสดงพยานหลักฐานชัดเจนเพียงพอ
แก้ฟ้องให้ถูกต้องภายใน 30 วัน ศาลยังมีคำสั่งเห็นควรมีหนังสือถึงสำนักงาน
กกต.ให้ส่งเอกสารการตรวจสอบผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งต่างๆกับแนบระเบียบ
คำสั่งและกฎหมายที่เกี่ยวข้องมายังศาลภายใน 30 วันด้วย
นัดฟังคำสั่งอีกครั้ง 25 ก.ย.
ด่วน “บิ๊กป้อม” ลาออกจากหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐแล้ว
นายกรัฐมนตรี สวมผ้าใบ ควง รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม และคณะ นั่งรถไฟขบวนพิเศษ 995 จากหัวลำโพงไปตรวจราชการ ชลบุรี-ระยอง
เมื่อเวลา 08.45 น. วันที่ 4 พ.ย. 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ออกเดินทางด้วยรถไฟขบวนพิเศษ 995 ชานชาลาที่ 5 จากสถานีรถไฟกรุงเทพฯ (หัวลำโพง) ไปยังสถานีรถไฟแหลมฉบัง ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการตณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก นายสนธยา คุณปลื้ม ประธานที่ปรึกษาเมืองพัทยา ร่วมคณะ
โดยเวลา 08.12 น. นายกฯ เดินทางมาถึงสถานีรถไฟหัวลำโพงด้วยชุดเสื้อสูทลำลอง รองเท้าผ้าใบ ได้แวะดื่มกาแฟร่วมกับคณะ ก่อนเดินมาขึ้นรถไฟ ทั้งนี้นายกฯ จะเดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.ชลบุรี และ จ.ระยอง
อย่างไรก็ตามระหว่างที่นายเศรษฐา พร้อมคณะ โดยสารรถไฟจากสถานีรถไฟกรุงเทพฯ (หัวลำโพง) ไปยังสถานีรถไฟแหลมฉบัง ตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เพื่อตรวจราชการภาคตะวันออก ชลบุรี – ระยอง ได้รับทราบรายงานจาก นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือ AOT ว่า แม้จะได้รับแรงผลักดันมาจากนโยบายวีซ่าฟรี แต่ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าไทย ยังต่ำกว่าที่คาดการณ์อยู่ที่ 60-70 % จากปี 2562 จึงยังต้องช่วยกันผลักดันอยู่
นอกจากนี้ ยังได้ประสานกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เรื่องการปรับมาใช้เครื่อง ในการตรวจผู้โดยสารขาออก โดยตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.เป็นต้นไป จะใช้เครื่อง และ กำลังคนผสมกัน โดยให้ความมั่นใจว่า เครื่องดังกล่าว สามารถดักจับได้ทั้งอาชญากร ผู้ที่พำนักอยู่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และ ผู้ไม่พึงประสงค์ต่างๆ ถ้าหากตกลงกันจนได้ข้อสรุปภายในปีนี้ คาดว่า ในเดือน ก.ค. 67 จะติดตั้งอุปกรณ์เสร็จ และ สามารถปรับมาใช้เครื่องตรวจผู้โดยสารขาออกแทนกำลังคนได้ทั้งหมด
ขณะที่ นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการท่าเรือแห่งประเทศไทย รายงานความคืบหน้าโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ถูกนายกรัฐมนตรี เบรกถึง 2 ครั้ง ให้พูดเข้าประเด็นปัญหา ไม่ต้องรายงานเรื่องอื่น พร้อมทวงถามถึงความล่าช้า ที่มีหลายเสียงสะท้อนมา ก่อนจะได้รับคำตอบว่า ล่าช้าเพียง 1.8 % เหตุผลหลักมาจากการส่งมอบพื้นที่ และ เรือขุดจากประเทศจีนเข้ามาไม่ได้ เพราะการระบาดโรคโควิด-19 และ คาดว่าจะเสร็จตามแผนเดือน มิ.ย. 67 และ เมื่อ EEC เสร็จสมบูรณ์แบบ อัตราการรองรับขนถ่ายสินค้าของท่าเรือ จะอยู่ในอันดับ 13-15 ของโลก ดังนั้น นายกรัฐมนตรี จึงขอให้จัดแถลงข่าวใหญ่ความคืบหน้าให้สังคมได้รับทราบในสัปดาห์หน้า และ กำชับให้เร่งรัดงาน ไม่งั้นเราเสียหายหนัก เพราะเวียดนาม และ อินโดนีเซีย เป็นคู่แข่งสำคัญ อย่าให้ใครมาใส่ไฟนักลงทุน ที่จะเข้ามาลงทุนในไทย อย่าให้ใครมาด้อยค่าหน่วยงานของท่าน มันไม่ดี ต้องเร่งทำความเข้าใจ ต้องสร้างความเชื่อมั่น




“นายกฯ เศรษฐา” เผย กรณีเปลี่ยนเรือดำน้ำ เป็นเรือฟริเกต ยืนยันมีการเจรจาแล้วด้วยบรรยากาศที่ดี สั่งติดตาม “เสี่ยแป้ง นาโหนด” นักโทษหลบหนี ใครมีเอี่ยวเอาผิดถึงที่สุด ย้ำ เดินหน้านโยบายดิจิทัลวอลเล็ต
เวลา 15.00 น. วันที่ 23 ตุลาคม 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงข่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉินความไม่สงบในอิสราเอล-กาซา ณ กระทรวงการต่างประเทศ โดยในช่วงหนึ่งได้ตอบคำถามกรณีการจะเปลี่ยนเรือดำน้ำ เป็นเรือฟริเกต ว่า ขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเมื่อมีข้อมูลครบแล้วค่อยเจรจาดีกว่า เชื่อว่าเป็นข่าวดีและมีความคืบหน้าไปได้ด้วยดี ต้องให้เกียรติกระทรวงกลาโหม ให้เวลาทำงาน
“ไปเจรจามาแล้ว ยืนยันว่ามีการพูดคุยกันด้วยบรรยากาศที่ดี คอยอีกสักประเดี๋ยวนึงให้มีความคืบหน้าจริงๆ ให้มันชัดเจนจริงๆ ดีกว่า” เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่าประเทศไทยจะเสียเปรียบใช่หรือไม่ นายเศรษฐา ตอบสั้นๆ ว่า “ไม่ครับ”
ส่วนเรื่องประเด็นนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท นายกรัฐมนตรี ระบุว่ายังคงยืนยันในนโยบาย ขณะนี้กำลังปรับแต่งนโยบายในเรื่องที่มาที่ไปของเงิน วิธีการใช้ต่างๆ ขอให้มีการประชุมคณะอนุกรรมการ และคณะกรรมการก่อน แล้วจึงจะแถลงให้ทราบ เมื่อถามต่อไปว่าวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 ประชาชนจะได้รับข่าวดีตามที่เคยพูดไว้ใช่หรือไม่ นายเศรษฐา ตอบว่า เดี๋ยวจะมีการแถลง
ขณะที่กรณี นายเชาวลิต ทองด้วง หรือ เสี่ยแป้ง นาโหนด นักโทษชายที่หลบหนีขณะเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราชนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า มีการกำชับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไปแล้ว รวมถึง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งดูแลกรมราชทัณฑ์ ต้องไปสืบให้ได้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร และไม่ว่าใครทำผิดก็ต้องเอาผิดถึงที่สุด เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง.

นายกฯ เศรษฐา เผย รถไฟรางคู่เฟส 2 ขอนแก่น-หนองคาย เตรียมเข้าครม. อีกครั้งเดียวจบ เชื่อนายกฯ อบจ.อุดรฯ เข้าใจหลังจวกแรงของบฯ พืชสวนโลก งอก 5,500 ล้านบาท หยอดคำหวาน ลงพื้นที่อีสานรู้สึกอบอุ่น แวะเดินตลาดเลือกผ้าไทยตัดชุดประชุม ครม. แม่ค้าสุดดีใจเจอนายกฯ ตัวเป็นๆ ถึงกับโทรศัพท์หาเพื่อน บอก ดีใจสุดๆ จนขนแขนลุกซู่
วันที่
9 กันยายน 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน
นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
กล่าวถึงการลงพื้นที่จังหวัดอุดรธานีและหนองคาย ว่า
ดูเรื่องจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้าและศุลกากร
เพราะหนองคายเป็นประตูเศรษฐกิจสำคัญที่สุด
ปริมาณการค้าระหว่างประเทศที่ผ่านจากประเทศไทยไปลาวและไปประเทศจีนเป็นเรื่องใหญ่
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของศุลกากรการเกษตรและคมนาคม
รถไฟรางคู่ที่ต้องมาจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้า
สะพานมิตรภาพไทยลาวต้องยกระดับรับน้ำหนักมากขึ้น และมีประเด็นอื่นๆ อีกเยอะ
ส่วนการพัฒนาสถานีรถไฟนาทา จ.หนองคาย
ที่จะเป็นจุดเวียนถ่ายสินค้าคงต้องใช้เวลาพอสมควรในการสร้างพื้นที่ให้เป็นจุด
One stop service ถ่ายสินค้า แต่ตอนนี้เราต้องมีการนับหนึ่งก่อน
โดยกลับไปต้องมีการประชุมกันอีกครั้ง โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นโต้โผหลักในการประสานงาน
รวมถึงการเจรจาการค้าระหว่างประเทศที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศร่วมด้วย
เพราะถ้าหากเราทำดีแล้วยังติดขัดกับฝ่ายลาวอีกทำให้ไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้
สำหรับความแตกต่างทางด้านเศรษฐกิจระหว่างจังหวัดขอนแก่นและจังหวัดอุดรธานีนั้น ทั้งสองจังหวัดถือว่าเป็นพื้นที่ใหญ่ของภาคอีสานตอนบนและเป็นเมืองท่า เพราะมีสนามบิน มีศักยภาพสูงที่จะพัฒนาต่อไปได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการท่องเที่ยวหรือภาคอุตสาหกรรมที่จังหวัดอุดรธานีจะมีการสร้างนิคมอุตสาหกรรมขึ้นมา มีสินค้าหลายอย่างที่ยังไม่สามารถนำศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ ซึ่งทั้ง 3 วันที่ผ่านมาได้พบปะและรับฟังปัญหาพี่น้องภาคเอกชนและข้าราชการ

ส่วนรถไฟรางคู่เฟส 2 จากจังหวัดขอนแก่นมาจังหวัดหนองคายต้องเข้าที่ประชุมครม.หรือสามารถทำต่อไปได้เลย นายเศรษฐา ระบุว่า เข้าใจว่าเข้าครม.อีกครั้งเดียวก็จบแล้ว เพราะงบประมาณมีการกันไว้เรียบร้อยและเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนอีกเรื่องหนึ่ง ใช้เงินไม่มากนักแต่ประโยชน์มหาศาล แต่ก็ต้องทำควบคู่กันไปกับจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้า ทำให้สะพานมิตรภาพไทยลาวรับน้ำหนักได้มากขึ้น การเจรจากับลาวและต้องมีการทำวันสตอปเซอร์วิสด้วยเพื่ออำนวยความสะดวกให้ภาคเอกชน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แนวทางในการส่งออกสินค้าระหว่างไทย ลาว และจีนมีการรวมหลายภาคส่วนเข้าด้วยกัน ทั้งการคมนาคมเกี่ยวกับเรื่องรถไฟรางคู่ จุดเปลี่ยนถ่ายสินค้าที่ต้องมีความทันสมัย และต้องแข่งกับฝ่ายลาวด้วย ซึ่งการเจรจาการค้าระหว่างประเทศการขนถ่ายสินค้าเป็นไปด้วยดี รวมทั้งสิ่งก่อสร้างต่างๆ และหวังว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้งในปลายเดือนหน้าเพื่อติดตามความคืบหน้า
ส่วนเรื่องงบประมาณที่ลงมาในพื้นที่ภาคอีสานจำนวนมากและเพิ่มมากขึ้นจะทำให้เป็นปัญหาต่อการทำงานหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องงบประมาณไม่อยากให้เป็นเรื่องยาก เป็นเรื่องที่ต้องบริหารจัดการกัน ทุกหน่วยงาน ทุกภาคส่วน ประชาชนทุกจังหวัดก็ต้องการการพัฒนาต่อไป เป็นหน้าที่ของฝ่ายรัฐบาล กระทรวงทบวงกรมทุกแห่งต้องมีการจัดสรรงบประมาณที่เหมาะสมและเรียงลำดับความสำคัญให้ดี ดูเรื่องงบประมาณให้ดี งบประมาณที่อนุมัติไปแล้วก็อย่าให้เพิ่มมากขึ้น ต้องช่วยกันบริหารจัดการงบประมาณให้อยู่ในกรอบที่สามารถทำได้ ไม่เช่นนั้นก็จะมีปัญหาเรื่องวินัยการเงินการคลังอีก เราเองทราบดีและตระหนักถึงว่าประชาชนมีความเดือดร้อนเยอะ ความเดือดร้อนก็ต้องแก้ไขด้วยการมีงบประมาณออกไป
ถ้าหากการของบของแต่ละหน่วยงานแต่นายกรัฐมนตรีไม่ได้ให้จะให้การทำงานมีปัญหาหรือไม่นั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า อะไรที่เหมาะสมเราก็ต้องทำ อะไรไม่เหมาะสมก็ต้องถูกตีกลับไปพิจารณากันใหม่ เพราะหลายกระทรวงก็มีความต้องการกันเยอะ เรื่องบางอย่างไม่ต้องการงบประมาณก็สามารถทำได้ ซึ่งอยากให้รัฐมนตรีหลายท่านโฟกัสที่จุดนี้ด้วยเช่นกัน ในการเปลี่ยนแปลงนโยบาย รวมถึงการแก้กฎกติกา บางอย่างที่ไม่ต้องการงบประมาณก็สามารถทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้นได้

ส่วนกังวลหรือไม่เพราะที่ผ่านมาการใช้งบประมาณเกี่ยวข้องกับคะแนนของแต่ละพรรคด้วย
นายเศรษฐา กล่าวว่า เรามาทำงานวันนี้เพื่อประชาชน
ซึ่งเรื่องความต้องการของประชาชนเป็นเรื่องที่สุด
ส่วนการจัดงานมหกรรมพืชผลโลกที่มีการของบประมาณเพิ่มเท่าตัว ซึ่งงานเหลือระยะเวลาอีก 3 ปี จะมีการเพิ่มงบให้หรือไม่และจะบริหารจัดการอย่างไร นายเศรษฐา ระบุว่า เป็นเรื่องที่แปลกใจ เมื่อวานนี้ (8 ก.ย.) เป็นการมารับฟังความคืบหน้า ซึ่งเหลือเวลาอีก 3 ปีเราก็ต้องดูให้ดี หากสร้างไม่ทันก็จะเป็นปัญหา ซึ่งการเพิ่มงบประมาณอีก 3,000 ล้านบาท ตนเชื่อว่าทุกคนมีความกังวล แต่ทาง อบจ.บอกแล้วว่าเป็นผู้นำเสนอ และทางนักวิชาการก็ต้องกลับไปช่วยกันดูให้เหมาะสม ลดค่าใช้จ่ายทำให้อยู่ในกรอบงบประมาณที่สามารถทำได้ หาเพิ่มมานิดหน่อยก็น่าจะสามารถพิจารณาได้ แต่สำคัญที่สุดคือจุดเริ่มต้น ที่ต้องเริ่มแล้วไม่เช่นนั้นไม่ทัน และจะเป็นการเสียหน้า ทั้งนี้ หวังว่าอบจ.จะเข้าใจ เพราะทุกภาคส่วนต้องการงบประมาณหมด ซึ่งบางนโยบายก็เป็นเรื่องยาก ตนจึงบอกว่าอยากลงพื้นที่ให้ได้มากที่สุดเพื่อมารับฟังปัญหา ซึ่งหลายเรื่องยังไม่ได้ถูกหยิบยกมาพูด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญหายาเสพติด
ส่วนจะมีการประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แล้วจะเร่งบริหารจัดการต่อไป นอกจากเรื่องปากท้องแล้ว ปัญหายาเสพติดก็เป็นปัญหาสำคัญของภาคอีสานเช่นกันที่ไม่อยากให้รัฐบาลเราต้องดูทุกเรื่อง
นอกจากนี้นายเศรษฐา ระบุว่า การลงพื้นที่ภาคอีสาน หลังได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รู้สึกอบอุ่นมากกว่าช่วงหาเสียง เนื่องจากว่าเมื่อถูกวิพากษ์วิจารณ์หรือต้องการให้กำลังใจ แล้วได้มาลงพื้นที่อีสานโดยเฉพาะสามจังหวัดนี้ (ขอนแก่น อุดรธานี และหนองคาย) ซึ่งได้รับการต้อนรับที่ดีนั้น จะทำให้มีกำลังกลับไปมากขึ้น

ทั้งนี้ ก่อนเดินทางไปขึ้นเครื่องที่สนามบินอุดรธานีนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ได้เดินมาถึงอุโบสถได้มีชาวบ้านเข้ามาขอถ่ายรูป พร้อมนำผ้าขาวม้ามาผูกที่เอว และกล่าวว่า ต้องผูกแน่นๆ จะได้อยู่นานๆ พวกเรารอมานานแล้ว นายกรัฐมนตรีต้องอยู่นานๆ จากนั้นนายเศรษฐา ได้เข้ากราบสักการะพระพุทธรูปหลวงพ่อพระใส พระพุทธรูปสำคัญคู่เมืองหนองคาย และนมัสการพระเทพวชิรคุณ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ชัย พร้อมทั้งรับพรจากเจ้าอาวาสที่ระบุว่า ได้ติดตามพวกท่านทั้งหมด รู้จักชื่อรัฐมนตรีทุกคน ขอให้ช่วยกันบริหารประเทศให้ดี จากนั้นนายเศรษฐา ได้ก้มกราบรับน้ำมนต์จากเจ้าอาวาส โดยเจ้าอาวาสได้ใช้ตอกพรมน้ำมนต์แตะไปที่ศีรษะของนายกรัฐมนตรี
ระหว่างทางนายกรัฐมนตรีได้แวะตลาดผ้านาข่า เพื่ออุดหนุนสินค้าของวิสาหกิจชุมชน โดยบรรยากาศที่ตลาดเป็นที่ฮือฮาของแม่ค้าและประชาชนที่มาเดินซื้อของในตลาด เข้ามาขอถ่ายรูปและนำผ้าขาวม้าผ้าทอมาผูกเอวให้กับนายกรัฐมนตรี
พร้อมกับบอกว่าตัวจริงนายกรัฐมนตรีไม่ได้แก่เหมือนที่เห็นในโทรทัศน์ แต่ตัวสูงมาก ขณะที่แม่ค้าคนนึงถึงกับโทรศัพท์บอกเพื่อนว่าดีใจหลายไม่คาดคิดว่านายกรัฐมนตรีจะลงมาเดินซื้อของที่ตลาดนาคาพร้อมโชว์ขนแขนลุก ดีใจมากได้เห็นนายกฯ ตัวเป็นๆ
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินชมสินค้าพร้อมบอกว่า ประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรกจะต้องใส่ผ้าไทย ซึ่งได้เตรียมตัดไว้แล้ว แต่มาวันนี้ก็อยากจะมาเลือกผ้าเพื่อไปตัดเพิ่ม โดยนายกรัฐมนตรีได้เลือกซื้อผ้าทอสีเหลือง ยกดอกสุรินทร์ 1 ผืน ในราคา 8,500 บาท

ก่อนเดินทางกลับนายเศรษฐา กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับสินค้า OTOP แต่เข้าใจว่าตอนนี้มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายที่สูง แต่ขอยืนยันว่าในการประชุมครม. นัดแรกจะลดค่าไฟฟ้า และค่าน้ำมัน เพื่อเป็นการบรรเทาทุกข์เบื้องต้น ส่วนปัญหาหนี้สินก็จะดูแลด้วย
จากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะได้เดินทางต่อไปยังสนามบินนานาชาติจังหวัดอุดรธานีเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร



คาด "ทักษิณ" พ้นโทษ ไม่ต้องติดกำไล เงื่อนไขห้ามยุ่งการเมือง 13 ต.ค.นี้
บิ๊ก ยธ. ย้ำ "ทักษิณ" ต้องรับโทษ 1 ใน 3 ของโทษที่ได้พระราชอภัยโทษ 1 ปี และเข้ารายงานตัวรายเดือน แต่เนื่องจากเป็นผู้ต้องขังสูงวัย ป่วยรุมเร้า 4 โรคเรื้อรัง และเคยเป็นนายกรัฐมนตรี อาจเข้าข่ายไม่ต้องติดกำไล EM แต่พ่วงเงื่อนไขไม่ให้ยุ่งงานการเมืองใดๆ โดยเชื่อว่า "โทนี่" จะพ้นโทษและได้รับการปล่อยตัวทันที เมื่อมีพระราชกฤษฎีกา พระราชทานอภัยโทษในวาระสำคัญ 13 ต.ค. หรือ วันที่ 5 ธ.ค.
กรณีเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระราชทานอภัยลดโทษ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากโทษจำคุก ใน 3 คดี จำนวน 8 ปี ลดเหลือรับโทษเพียง 1 ปี เพื่อจะได้ใช้ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ ช่วยเหลือและทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบไป อีกทั้งในกรณีอดีตนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ต้องขังสูงวัยพร้อมกับมีอาการเจ็บป่วย 4 โรคเรื้อรังและยังอยู่ระหว่างการนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ เป็นเหตุให้อาจเข้าข่ายเกณฑ์ผู้ต้องขังสูงวัย ที่จะได้รับการพิจารณาพักการลงโทษ ตามที่มีการนำเสนอข่าวไป
เมื่อเวลา
10.00 น. วันที่ 3 ก.ย. 66 ผู้สื่อข่าว
สอบถามกรณีดังกล่าวกับแหล่งข่าวระดับสูงของกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า
กรณีของนายทักษิณ เป็นผู้ต้องขังสูงวัยและมีอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง
อาจเข้าเกณฑ์อย่างใดอย่างหนึ่งตามกฎกระทรวง แห่ง พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560
คือ อาจจะต้องรับโทษอย่างน้อย 1 ใน 3 ดังนั้น หากนายทักษิณ ผ่านหลักเกณฑ์
ก็จะเหลือโทษ 1 ใน 3 ของ 1 ปี และหากได้รับการพักการลงโทษ
ก็จะเป็นไปตามขั้นตอน คือ ราชทัณฑ์นำตัวไปรายงานต่อเจ้าพนักงานคุมประพฤติ
ภายใน 3 วัน เพื่อกำหนดนัดหมายวันเวลาสำหรับการรายงานตัวรายเดือน
ส่วนเรื่องการติดหรือไม่ได้ติดกำไล
(EM) ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพนักงานคุมประพฤติ แต่ในกรณีของนายทักษิณ
เป็นผู้ต้องขังสูงวัยที่ป่วยรุมเร้าด้วย 4 โรคเรื้อรัง
และยังเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และสำนึกในการกระทำความผิด
เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี
จึงเป็นไปได้ว่าจะไม่เข้าข่ายต้องติดกำไล EM
แต่อาจจะพ่วงเงื่อนไขไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับงานการเมืองใดๆ แหล่งข่าวระดับสูงเผยอีกว่า อย่างไรก็ตาม
ความเป็นไปได้ที่นายทักษิณจะพ้นโทษและได้รับการปล่อยตัวทันที คือ
กรณีมีพระราชกฤษฎีกา ประกาศลงราชกิจจานุเบกษา
โดยการพระราชทานอภัยโทษเป็นการทั่วไป ในวาระโอกาสสำคัญ เช่น วันที่ 13 ต.ค.
หรือ วันที่ 5 ธ.ค. เป็นต้น
ซึ่งจะต้องดูรายละเอียดแนบท้ายด้วยว่ามีสาระเนื้อหาการยกเว้นอื่นใดหรือไม่
แต่ทั้งหมดเป็นเรื่องของพระราชอำนาจ
พระราชทานอภัยลดโทษ นช.ทักษิณ เหลือ 1 ปี "อิ๊งค์" สํานึกในพระมหากรุณาธิคุณ
พระราชทานอภัยลดโทษ “ทักษิณ ชินวัตร” ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว หลังจากเป็นนักโทษเด็ดขาดตามคำพิพากษาจำคุก 8 ปี ลดโทษเหลือจำคุก 1 ปี “วิษณุ” ชี้ หลังจากนี้จะดำเนินการตามปกติเหมือนนักโทษทั่วไป เมื่อนายทักษิณหายป่วยจะกลับเข้าเรือนจำ ถ้าอาการป่วยไม่ดีขึ้นก็ต้องรักษาตัวต่อไป ด้าน “เศรษฐา” นายกรัฐมนตรี แสดงความยินดีกับครอบครัวชินวัตร คาดสภาพจิตใจน่าจะดีขึ้น
กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตัดสินใจเดินทางกลับประเทศไทยเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปีเข้ารับโทษในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ตามคำพิพากษา 3 คดีรวม 8 ปี ตรวจร่างกายเบื้องต้นพบมีโรคประจำตัว 4 โรค ระหว่างอยู่ในเรือนจำ 13 ชม. อาการป่วยกำเริบ แน่นหน้าอก ความดันสูง ประกอบกับ เป็นโรคหัวใจ ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่มีแพทย์เฉพาะทาง ตัดสินใจส่งรักษาตัวที่ชั้น 14 หอผู้ป่วยพิเศษระดับสูง อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา โรงพยาบาลตำรวจ จนมีกระแสต่อต้านกล่าวหาว่าไม่ได้ป่วยจริง นอกจากนี้ยังมีข่าวการขอพระราชทานอภัยโทษออกมาอย่างต่อเนื่อง ต่อมานายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมาเปิดเผยว่า นายทักษิณยื่นขอพระราชทานอภัยโทษแล้ว ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ความคืบหน้าจากทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 14.09 วันที่ 1 ก.ย. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่ รมว.ยุติธรรม กล่าวให้สัมภาษณ์ก่อนหน้าจะโปรดเกล้าฯอภัยลดโทษนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯว่า เรื่องนี้ขอไม่ตอบ มันไม่สมควรที่เราจะไปคอมเมนต์หรือไปพูดตรงไหนและการถวายฎีกาคือ การติดต่อระหว่างนักโทษกับพระเจ้าอยู่หัวเรา อย่าไปวิจารณ์ตรงนั้น ข้อความเขาไม่เอามาเปิดเผยกัน ธรรมเนียมของการขอพระราชทานอภัยโทษจะบอกเพียงว่า ขอพระราชทานอภัยโทษจะไม่เขียนอย่างอื่น การอภัยโทษมี 3 อย่างคือ ลดโทษ เปลี่ยนโทษ และปล่อยตัวจะมีเงื่อนไข ถามว่า จะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวทำให้สังคมเกิดความแตกแยกหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า เป็นสิทธิที่นักโทษพึงมี ถ้าป่วยจริงถือเป็นสิทธิธรรมดาไม่ใช่อภิสิทธิ์ นักโทษธรรมดาส่งไปโรงพยาบาลตั้งเยอะแยะ
ต่อมาเวลา 15.20 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชหัตถเลขาพระราชทานอภัยลดโทษความว่า ตามที่นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร ยื่นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาจำนวน 3 คดี คดีที่ 1 คดีหมายเลขแดงที่ อม.4/2551 ความผิดต่อหน้าที่ราชการ กำหนดโทษจำคุก 3 ปี คดีที่ 2 คดีหมายเลขแดงที่ อม.10/2551 ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ กำหนดโทษจำคุก 2 ปี ซึ่งคดีที่ 1 กับคดีที่ 2 นับโทษซ้อนกันรวมกำหนดโทษจำคุก 3 ปี และคดีที่ 3 คดีหมายเลขแดงที่ อม.5/2551 ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวมกำหนดโทษจำคุก 5 ปี รวมกำหนดโทษจำคุก 8 ปี รับโทษมาแล้ว 10 วัน เหลือโทษจำคุก 7 ปี 11 เดือน 20 วัน อยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
ความว่า เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อถูกดำเนินคดีและศาลมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกดังกล่าว ด้วยความเคารพในกระบวนการยุติธรรม ยอมรับผิดในการกระทำ มีความสำนึกในความผิด จึงขอรับโทษตามคำพิพากษา ขณะนี้อายุมากมีปัญหาสุขภาพเจ็บป่วยต้องเข้ารักษาพยาบาลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนั้น ซึ่งความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว จึงพระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษให้นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร เหลือโทษจำคุกต่อไปอีก 1 ปีตามกำหนดโทษตามคำพิพากษา เพื่อจะได้ใช้ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ช่วยเหลือและทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ สังคมและประชาชนสืบไป พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหา วชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ต่อมาเวลา 16.00 น. นายวิษณุให้สัมภาษณ์อีกครั้งผ่านทางโทรศัพท์ภายหลังเว็บไซต์ราชกิจจา นุเบกษาเผยแพร่พระราชทานอภัยลดโทษนายทักษิณเหลือ 1 ปีว่า ขั้นตอนหลังจากนี้จะดำเนินการตามปกติเหมือนนักโทษทั่วไป เมื่อนายทักษิณหายป่วยจะกลับเข้าเรือนจำ ถ้าอาการป่วยไม่ดีขึ้นก็ต้องรักษาตัวต่อไป เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วบังคับใช้ได้ทันที ตั้งแต่วันที่โปรดเกล้าฯลงมา
ที่พรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน นายก รัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษว่า เห็นบอกว่าลดโทษเหลือ 1 ปีใช่หรือไม่ ก็ยินดีกับครอบครัวด้วย ครอบครัวน่าจะสบายใจขึ้น เพราะเห็นว่านายทักษิณเป็นความดันสูงซึ่งน่าเป็นห่วง และสภาพจิตใจของนายทักษิณน่าจะดีขึ้น
นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เผยทางโทรศัพท์กรณีราชกิจจานุเบกษาลงประกาศพระบรมราชโองการพระราชทานอภัยลดโทษนายทักษิณ ชินวัตร เหลือจำคุก 1 ปีว่า ได้ทราบข่าวจากการประกาศราชกิจจา นุเบกษา วันนี้ทนายความยังไม่ได้เดินทางไปเยี่ยม แต่ผลที่ประกาศราชกิจจานุเบกษาดังกล่าวถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยเมตตาให้นายทักษิณ เรื่องดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนที่กรมราชทัณฑ์ต้องนำไปดำเนินการต่อไป หลังจากนี้ต้องขอร้องประชาชนคนไทยไม่สมควรวิพากษ์วิจารณ์ หรือออกมาโต้แย้งคัดค้านใดๆ เพราะอาจเป็นก้าวล่วงหรือละเมิดพระราชอำนาจพระมหากษัตริย์ในส่วนคดีที่ยังค้างพิจารณาอยู่ ไม่ว่าเป็นชั้นสอบสวนหรือชั้นศาล ทางทนายความจะดำเนินการในฐานะจำเลยหรือผู้ถูกกล่าวหาตามสิทธิของกระบวนการยุติธรรมทางอาญา เรื่องใดในชั้นสอบสวน จะร้องขอความเป็นธรรม และขอให้สอบสวนต่อพนักงานอัยการ เนื่องจากต้องให้โอกาสผู้ต้องหาต่อสู้คดีอาญาอย่างเต็มที่ ส่วนคดีที่อยู่ระหว่างพิจารณาในชั้นศาล หากมีคดีที่สามารถถอนฟ้องหรือยอมความได้ต้องดำเนินการเพื่อหาข้อยุติตามกฎหมายต่อไป ผมจะเดินทางไปเยี่ยมนายทักษิณอีกครั้งต้นสัปดาห์หน้า” นายวิญญัติกล่าว
เย็นวันเดียวกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาว นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ข้าพเจ้า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ และนายทักษิณ ชินวัตร จะใช้ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ ทั้งชีวิต ทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ สังคม ประชาชน และรับใช้สถาบันพระมหากษัตริย์สืบไป ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
วันเดียวกันสำนักข่าวต่างประเทศรายงานอ้างเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาว่า พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงมีพระมหากรุณาอภัยลดโทษนักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เหลือโทษจำคุกต่อไป 1 ปี จากเดิม 8 ปี เนื่องจากเคยทำคุณประโยชน์ให้ประเทศชาติ ประชาชน และจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมทั้งแสดงให้เห็นว่า เคารพกระบวนการยุติธรรม ยอมรับความผิดและน้อมรับคำตัดสินของศาล นอกจากนี้ยังมีโรคประจำตัวที่ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์
สื่อต่างประเทศยังระบุด้วยว่า นายทักษิณ อดีตนายก รัฐมนตรี วัย 74 ปี ทำเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษเมื่อวันก่อน หลังจากเดินทางกลับประเทศไทยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว และถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ ต่อมาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจเนื่องจากอาการเจ็บหน้าอกและความดันโลหิตสูงจนถึงปัจจุบัน
โผ ครม.เศรษฐา 1 "เสี่ยนิด" นายกฯ ควบ รมว.คลัง-"วราวุธ" นั่ง รมว.พาณิชย์

วันที่ 24 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทย (พท.) การแบ่งโควตาคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า การแบ่งเก้าอี้ ครม. โดย นายเศรษฐา ทวีสิน ว่าที่นายกรัฐมนตรี จะควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และมี นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการ (รมช.) เพื่อขับเคลื่อนนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ตามที่พรรคได้หาเสียงไว้
ขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค เมื่อลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทยแล้ว ก็อาจจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรค เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเศรษฐกิจและสังคม
โดยกระทรวงคมนาคม ขณะนี้มีชื่อ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย
ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศเป็น นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค ชัดเจน ได้เป็นรัฐมนตรี แต่ยังไม่ชัด เป็นกระทรวงใด
นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านพื้นที่กรุงเทพมหานคร (มาดามนครบาล) เป็นกระทรวงวัฒนธรรม
ขณะที่ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มี สส. 40 คน จะได้รัฐมนตรี 4 ตำแหน่ง แต่มีผู้ต้องการเกินโควตา คือ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า น.ส.ตรีนุช เทียนทอง นายสันติ พร้อมพัฒน์ และนายไผ่ ลิกค์ จึงยังคุยกันไม่ลงตัว มีตำแหน่งคาดว่า ลงตัวแล้ว พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ประธานที่ปรึกษาพรรค นั่งรองนายกฯ ควบ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำหรับ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม ชัดเจน พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ จะรับตำแหน่งรมว.พลังงาน ส่วน ม.ล.ชโยทิต กฤดากร จะรับตำแหน่งรมว.อุตสาหกรรม
พรรคภูมิใจไทย ยังมีสิทธิ ได้ตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่ต้องดูการเจรจา ระหว่างพรรค เพื่อไทย กับ พรรค พปชร.เกี่ยวกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะจบลงอย่างไร เพราะหากพรรคเพื่อไทย ไม่ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับพรรค พปชร. อาจยกกระทรวงดังกล่าวให้กับพรรคภูมิใจไทย นอกจากนี้ยังจะได้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) จะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งมีชื่อของ นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค เป็นผู้รับตำแหน่ง หรือไม่ก็เป็น รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ขณะที่ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี คาด กระจายให้ผู้บริหารแต่ละพรรค ทั้ง พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ประธานที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐ และนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
ยืนยัน "ทักษิณ" ย้ายไปรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจแล้ว เนื่องจากอาการป่วยกำเริบ
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยืนยัน "ทักษิณ" ย้ายไปรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจแล้ว เนื่องจากอาการป่วยกำเริบในช่วงกลางดึก ทางโรงพยาบาลเตรียมแถลงข้อมูลชี้แจง
วันที่ 23 สิงหาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีข่าวลือ รายงานว่า อดีตนายายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ถูกย้ายตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจในช่วงกลางดึก ดังที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น (ลือสะพัด "ทักษิณ" ป่วยกลางดึก ย้ายไปรักษาตัวโรงพยาบาลตำรวจ)
ล่าสุด นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้ยืนยันกับไทยรัฐออนไลน์ว่า ย้ายไปกลางดึกแล้ว โดยได้รับรายงานจาก ผบ.เรือนจำว่า นายทักษิณมีอาการป่วยกำเริบกลางดึก จึงย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ ช่วงเวลาประมาณ 01.00-02.00 น. ในวันที่ 23 ส.ค. ซึ่งจะรีบชี้แจงรายละเอียด และทางโรงพยาบาลตำรวจจะแถลงอีกครั้ง
เมื่อถามถึง กรณีที่อาการดีขึ้น จะต้องกลับมาเรือนจำไหม ทางอธิบดีกล่าวว่า ต้องกลับมาตามจำคุกที่เรือนจำ แต่อยู่ที่การวินิจฉัยของแพทย์ และตำรวจ
อย่างไรก็ตาม หากมีรายงานเพิ่มเติม ไทยรัฐออนไลน์ จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง.
เพื่อไทย มั่นใจได้เสียงหนุน “เศรษฐา ทวีสิน” เกิน 375 รอแถลงเป็นทางการ
เพื่อไทย มั่นใจได้เสียงหนุน “เศรษฐา ทวีสิน” เกิน 375 เสียง คณะเจรจาเดินสายคุยทุกพรรคการเมือง ได้ 314 พร้อมคืบหน้าคุยขอเสียง สว.เป็นไปด้วยดี รอทุกพรรคแถลงข่าวร่วมเป็นทางการ ก่อนโหวตนายกฯ 22 ส.ค.นี้
เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า วันเดียวกันนี้ทีมเจรจาของพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค, นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค ได้เดินสายพูดคุยกับพรรคการเมืองต่างๆ ที่แสดงตัวสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย เพื่อยืนยันเสียงสนับสนุน นายเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งทุกพรรคยืนยันสนับสนุน ทำให้ตอนนี้มีเสียงที่แน่นอนแล้ว 314 นอกจากนี้ยังได้ไปพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และขอเสียงสนับสนุนจาก สว. ซึ่งมีความคืบหน้าไปได้ด้วยดี ทำให้ทางพรรคเพื่อไทยมั่นใจว่าวันที่ 22 ส.ค. จะมีเสียงเกินหนึ่งของรัฐสภา โดยหลังจากนี้เมื่อทุกอย่างชัดเจนแล้วพรรคเพื่อไทยจะเชิญตัวแทนทุกพรรคที่ร่วมสนับสนุนมาแถลงข่าวร่วมกับพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นทางการ ก่อนโหวตเลือกนายกฯ วันที่ 22 ส.ค.
"รังสิมันต์" ยัน เดินหน้าญัตติ เสนอชื่อซ้ำ ย้ำจุดยืน ไม่หนุน "เศรษฐา"
"โรม" ยัน เดินหน้าญัตติ เสนอชื่อซ้ำ ยังไม่ตอบพร้อมเป็นฝ่ายค้าน รอดูพรรคร่วมรัฐบาล ย้ำจุดยืน ไม่หนุน "เศรษฐา" ทุกแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย รับผิดหวัง แต่ต้องมูฟออน บอก ไม่อยากให้ไปถึง รัฐบาลลุง สังคมรับไม่ไหว
วันที่ 18 ส.ค. ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ยืนยันว่า จะยังเดินหน้าในญัตติที่เคยยื่นไว้ เรื่องการพิจารณาเสนอชื่อนายกฯ ซ้ำ มองว่า คำวินิจฉัยของศาล คือ ยังไม่วินิจฉัย สภา ยังสามารถทบทวนได้ และการประชุมวันนี้ ก็จะหารือกับนายวันมูหะมัดนอร์ เพื่อขอเวลาและโอกาสในการพิจารณาญัตติ
หากถ้าเกมการโหวตออกมาในรูปเดิม นายรังสิมันต์ บอกว่า คงทำอะไรไม่ได้ และคงไม่เสนอญัตติซ้ำ หากสภายังยึดถือบรรทัดฐานแบบนี้ ก็คงต้องยอมรับไปก่อน และอนาคตค่อยมาว่ากันอีกที
ส่วนพร้อมจะไปเป็นฝ่ายค้านเลยหรือไม่ หากกระบวนการโหวตนายกฯ สำเร็จ นายรังสิมันต์ บอกว่า ฝ่ายค้านจะเกิดขึ้นได้ ต้องมีฝ่ายรัฐบาลก่อน ซึ่งต้องรอดูในวันที่ 22 สิงหาคม นี้
เมื่อถามถึง การที่พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ ชัดเจนแล้วว่า จะร่วมสนับสนุนพรรคเพื่อไทย เรื่องนี้พรรคก้าวไกล ยังไม่ได้มีการประชุม แต่จะมีการนัดประชุม ย้ำจุดยืนพรรคยังเหมือนเดิม จะไม่โหวตให้แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย ไม่ว่า นายเศรษฐา หรือใครก็ตาม เพราะยืนยันไปหลายครั้งว่า "มีลุง ไม่มีเรา"
ส่วนในวันโหวตจะถึงขั้นวอล์กเอาต์หรือไม่ นายรังสิมันต์ บอกว่า ยังไม่ได้คิด เบื้องต้นต้องทำหน้าที่การประชุม และอยู่ในกลไกปกติ แต่อย่างไรคงต้องประชุมในพรรคอีกครั้ง
เมื่อถามถึงการพูดคุยถึงตำแหน่งรองประธานสภา ของนายปดิพัทธ์ สันติภาดา นายรังสิมันต์ บอกว่า การประชุมพรรคยังไม่ได้พูดคุยตำแหน่งรองประธานสภา ว่าจะอย่างไร เพราะต้องมีรัฐบาลก่อน มองว่า หากจะตัดสินใจอะไรในเรื่องพวกนี้ ใช้เวลาแค่แป๊บเดียวเท่านั้น
ส่วนความรู้สึกของ สส. ในพรรคตอนนี้ บอกว่า เราได้รับความรู้สึกของประชาชนมาค่อนข้างเยอะ และก็รู้สึกแบบเดียวกันกับเรา มาถึงจุดนี้ยังอยู่แบบเดิม เพิ่มเติม คือ พรรคการเมืองที่จะเป็นพันธมิตร นำมาซึ่งความผิดหวัง แต่เราต้องมูฟออน
เมื่อถามว่า ในอนาคตจะทำงานกับพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ นายรังสิมันต์ บอกว่า เป็นกลไกของสภา เพราะกฎหมายที่เสนอไปหลายฉบับ ก็ต้องขอเสียงจากทุกฝ่าย ย้ำว่า หากต้องเป็นฝ่ายค้านจริงก็ต้องทำหน้าที่ฝ่ายค้าน
ส่วนสถานการณ์เสียงของ สว. ตอนนี้ ดูเหมือนไม่อยากโหวตให้นายเศรษฐา จะส่งผลให้หลุดไปยังพรรคพลังประชารัฐ ที่จะเสนอ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกฯ หรือไม่ นายรังสิมันต์ บอกว่า ไม่อยากให้ไปถึงขั้นนั้น เป็นรัฐบาลลุง เพราะยากที่สังคมจะรับไหว
สำหรับสถานการณ์การชุมนุมหลังโหวตนายกฯ เสร็จสิ้น นายรังสิมันต์ บอกว่า ยังตอบไม่ได้ว่า จะเกิดขึ้นหรือไม่ เพราะยังไม่เห็นหน้าตารัฐบาล ว่า มีพรรคการเมืองไหน ได้กระทรวงอะไรบ้าง
“เพื่อไทย” ตีปี๊บสลายขั้ว ชวนทุกพรรคทุกกลุ่มหนุนตั้งรัฐบาลพิเศษ แก้วิกฤติชาติ ดับไฟขัดแย้ง 20 ปี อ้อนขอ เสียงโหวต สว. และ สส.ทุกพรรคทุกค่ายเป็นรายบุคคล ไม่เหมารวมพรรค ตั้งโต๊ะโชว์ตัว 6 พรรคร่วมฯ 238 เสียง ได้พรรค ชทพ.มาสมทบ “ชลน่าน” โอ่มีเสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว แต่ยังอ้าแขนรับทุกเสียงโหวต “ภูมิธรรม” วอนข้ามเส้นงูเห่า ไม่มีขั้ว ไม่มีลุง พร้อมขอขมาง้อขอเสียง สส.พรรคก้าวไกล เพื่อประเทศเดินหน้า “เสรี” ยกสามก๊ก แนะเปิดรับเลี้ยงดูไพร่พลพรรคลุง “แพทองธาร” นำทีมแกนนำเดินข้ามตึกหารือขอเสียงหนุนจาก ก.ก. “อุ๊งอิ๊ง” บอกคุยกันด้วย เหตุผลแบบผู้ใหญ่ ไม่ใช่การเล่นเกมการเมืองแต่ยังไร้คำตอบเพื่อนเก่าเทเสียงให้หรือไม่ “พิธา” ออกตัวไร้ข้อสรุป แค่รับฟังกันแบบมืออาชีพอย่างตั้งใจและมีวุฒิภาวะ กกต.ตีตก 3 คำร้องยุบ พท.-ก.ก.-พปชร.พรรคเพื่อไทย (พท.) ทยอยเปิดตัวพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล โดยเดินหน้าขายแนวคิดสลายขั้วการเมือง เพื่อขอเสียงสนับสนุนจากทั้ง สส.ทุกพรรค และสว. เพื่อโหวตเลือกแคนดิเดตนายกฯของพรรค พท.และจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรค พท.เป็นแกนนำ ขอให้ยึดวาระประเทศไทยและประชาชนเป็นหลัก โดยได้รับการตอบรับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

“พลังสังคมใหม่” รับร่วม รบ.เพื่อไทย
เมื่อเวลา 08.40 น. วันที่ 8 ส.ค. นายเชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ หัวหน้าพรรคพลังสังคมใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคเพื่อไทย (พท.) ทาบทามให้เข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลว่า ได้ตอบรับเรียบร้อยแล้ว พรรคไม่ได้มีเงื่อนไขใด ยินดีเข้าร่วมเพื่อจัดตั้งรัฐบาลให้ได้เร็วที่สุด หากการตั้งรัฐบาลนี้ต้องมีพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) มาร่วม พรรค พท.ได้ละลายความขัดแย้ง นำศัตรูมาเป็นมิตรเพื่อให้สามารถตั้งรัฐบาลได้สำเร็จด้วยดี เชื่อว่าน่าจะมีเสียงสนับสนุนเพียงพอ ส่วนนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯพรรค พท.จะมีปัญหาถูกร้องเรียนภาษีที่ดิน 500 ล้านบาท ไม่กังวลเป็นธรรมดาของการเสียภาษี กรมสรรพากรมีอัตราการเสียภาษีอยู่แล้ว นายเศรษฐาไม่กังวลอะไร ไม่ติดใจเรื่องนี้ เชื่อว่าคุณสมบัติยังครบถ้วนอยู่ พรรค พท.ยังหวังเสียง สว.ที่ประสานอยู่ คงจะได้เสียงพอในครั้งนี้ จะเชิญใครมาร่วมอีกหรือไม่ ไม่ได้ถามเป็นสิทธิของพรรค พท.จะเชิญพรรคใดมาร่วมรัฐบาลให้สำเร็จ
มั่นใจแก้ รธน.ไม่กระทบเสียง สว.
เมื่อถามว่าพรรค พท.ระบุจะแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ จะกลายเป็นชนวนความขัดแย้งในเวลานี้หรือไม่ นายเชาวฤทธิ์กล่าวว่า เชื่อว่าการแก้ไขต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปีขึ้นไป สว.จะหมดวาระเดือน พ.ค. 67 จึงไม่น่าจะกังวล กว่าจะมีรัฐธรรมนูญประกาศ ใช้เวลา 4-5 ปี สำหรับ สส.ชุดที่ 26 ส่วนท่าทีพรรคก้าวไกล (ก.ก.) จะยกมือโหวตหนุนนายกฯจากพรรคเพื่อไทยให้หรือไม่ พรรค ก.ก.สอบถามความเห็นคนในพรรคไปแล้ว จะมีมติสนับสนุนพรรค พท.หรือไม่เป็นเอกสิทธิ์ของ สส. เชื่อว่าหากตั้งรัฐบาลได้รวมเสียงได้ 260-270 เสียง ไม่เป็นเสียงปริ่มน้ำ เพราะรัฐบาลชุดที่แล้วรวมเสียงได้เพียง 255-256 เสียง ยังอยู่ได้ครบ 4 ปี อยู่ที่ สส.พรรคร่วมรัฐบาลขัดแย้งกันหรือไม่

2 พรรคจิ๋วถูกทาบแต่ยังไม่ตัดสินใจ
นายสุรทิน พิจารณ์ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ เปิดเผยว่า มีคนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) โทรศัพท์มาชักชวนเข้าร่วมรัฐบาล แต่ยังไม่ให้คำตอบจะเข้าร่วมหรือไม่ มีประเด็นต้องพิจารณาความชัดเจน อาทิ ตัวบุคคลที่จะเสนอเป็นนายกฯ ถ้าเป็นนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯมีประเด็นต้องพิจารณาข้อมูลที่มีการกล่าวหา การเลือกนายกฯของประเทศไม่อยากให้มีข้อผิดพลาด จะโหวตเห็นชอบได้หรือไม่ยังประเมินอยู่ หากนายกฯพรรค พท.มีปัญหาแล้วเปลี่ยนเป็นนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท. อาจมีปัญหาอีก เพราะมีประเด็นถูกตรวจสอบ แต่หากเปลี่ยนเป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อาจเป็นไปได้ เบื้องต้นทราบว่าจะนัดโหวตอีกครั้งวันที่ 18 ส.ค.
นายกฤดิทัช แสนธนโยธิน สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคใหม่ กล่าวว่า มีบางพรรคโทรศัพท์มาชวนให้ร่วมจัดตั้งรัฐบาล แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจ ยังรอความชัดเจนจากพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ประสานให้เข้าร่วมเป็นรัฐบาลโดยตรง พรรคใหม่ไม่ติดใจจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ที่ผ่านมาเน้นทำนโยบายเพื่อประชาชน ไม่หวังตำแหน่งใดๆ
ครูไทยฯยังไม่ได้รับเทียบเชิญ
นายปรีดา บุญเพลิง สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคครูไทยเพื่อประชาชน กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีพรรคการเมืองใดต่อสายให้ไปร่วมสนับสนุนจัดตั้งรัฐบาล พรรคครูไทยเพื่อประชาชน มี สส.เสียงเดียว จึงอาจไม่สนใจ การจัดตั้งรัฐบาลแม้เปลี่ยนขั้ว แต่ยังดูไม่ราบรื่นถือเป็นปกติของการเมือง แต่หากพรรคอันดับ 1 จัดตั้งไม่ได้ ต้องส่งต่อให้พรรคอันดับ 2 หากยังไม่ได้ต้องส่งไม้ต่อไปพรรคลำดับอื่นไปเรื่อยๆจนถึงนายกฯคนนอก พรรคที่ตั้งไม่ได้ต้องถอย แต่ไม่ใช่ถอยไปลงถนน
“วราวุธ” ตอบรับร่วมวงหารือ
นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์ว่า พรรค พท.นัดหารือถึงแนวทางทำงานร่วมกันที่รัฐสภา วันที่ 10 ส.ค.เวลา 09.30 น. จากนั้นจะมีแถลงข่าวร่วมกันเวลา 10.00 น. ยังตอบไม่ได้ว่าจะตอบรับการรวมเป็นรัฐบาลหรือไม่ ต้องขอคุยแนวทางร่วมกันอีกครั้งก่อน เมื่อถามว่าพรรค พท.เตรียมดึงเสียงสนับสนุนจากพรรค ก.ก.ช่วยโหวตนายกฯ นายวราวุธตอบว่า หากเป็นเช่นนั้นต้องพิจารณาอีกครั้ง ยังตอบไม่ได้และเหตุการณ์ยังไม่เกิด ต้องรอดูสถานการณ์อีกครั้ง พรรค ชทพ.เคยให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืนของพรรคไปก่อนหน้านี้แล้ว
“อ้วน” ชวนตั้ง รบ.พิเศษสลายขั้ว
เมื่อเวลา 09.55 น. ที่รัฐสภา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค พท.ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดตั้งรัฐบาลว่า ได้เสนอให้จัดตั้งรัฐบาลแบบพิเศษ ไม่ใช่การเปลี่ยนขั้ว แต่เป็นการสลายขั้วทั้งหมด อยากให้ทุกคนร่วมกันหาทางออก นี่คือโอกาสทำให้ความขัดแย้งที่มีอยู่ 20 กว่าปีสลายไป เป็นโอกาสที่เราจะแก้ไขวิกฤติรัฐธรรมนูญแก้ไขปัญหาประชาชน พรรค พท.ได้รับโอกาสจัดตั้งรัฐบาล หวังเสนอนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรค พท.หวังเป็นแกนกลางดึงทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วม แถลงการณ์พรรค พท.ชัดเจน ต้องการทุกพรรคทุกฝ่ายมาร่วมกันให้พรรค พท.เป็นแกนนำและส่งนายเศรษฐาเป็นนายกฯได้ จะเร่งแก้ไขปัญหาของประเทศ ดึงนโยบายที่ดีของทุกพรรคมาดำเนินการ การแถลงวันที่ 9 ส.ค. จะมีพรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) ร่วมด้วย ขณะที่พรรคเพื่อไทรวมพลังแจ้งว่าอยู่ต่างจังหวัด ฉุกละหุกเกินไป ไม่เป็นอะไร เพราะไม่ใช่ที่สิ้นสุด จะมีการแถลงต่อไปเรื่อยๆ จนวันที่คิดว่าไปไม่ได้แล้ว
ง้อ ก.ก.หนุนนายกฯ ยินดีขอขมา
นายภูมิธรรมกล่าวว่า ส่วนพรรคก้าวไกล ได้ติดต่อประสานงาน อยากพูดคุยกันว่าวาระสำคัญของประเทศเป็นแบบนี้ อยากทำให้ความต้องการของประชาชนบรรลุ อยากให้ร่วมแสดงเจตจำนง ในการโหวตครั้งนี้ด้วย ไม่ว่าอะไรที่เคยเป็นปัญหา ที่อาจมีส่วนกับพรรค พท.หรือกับตน เรายินดีจะไปขอโทษ ขอขมาและยินดีจะไปแสดงความต้องการ ความคิดเห็นทางออกวิกฤติของประเทศชาติ หรือจะให้ไปที่พรรค ก.ก.ยินดี เรายินดีไปทุกพรรคถ้าคือทางออกของประเทศ เราคิดเรื่องใหญ่ของประเทศเป็นหลัก ไม่ได้คิดเรื่องเล็กๆน้อยๆหรือตัวบุคคลเป็นสำคัญ ถ้าเราอยากทำงานใหญ่ ต้องคิดใหญ่ด้วย ต้องมองข้ามความขัดแย้ง ไม่ว่าเรื่องไล่หนูตีงูเห่าหรือความขัดแย้งหลายอย่างต้องเอาวาระประเทศและประชาชนเป็นที่ตั้ง ถ้าแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ ประเทศไทยคงนับหนึ่งและเดินหน้าต่อไปได้
ทางเลือกมีไม่มาก-มีต้นทุนต้องจ่าย
นายภูมิธรรมกล่าวอีกว่า เราติดต่อทุกพรรค ได้รับการตอบรับค่อนข้างดีในจุดเริ่มต้น แต่จะมีรายละเอียดที่ต้องทำความเข้าใจกัน ปัญหาความมั่นใจว่าเราจริงใจที่จะทำหรือไม่ พรรค พท.ยินดียืนยันจะทำตามเจตจำนง ตัวเลขคณิตศาสตร์เห็นชัดเจนอยู่แล้ว ถ้าตั้งรัฐบาลไม่ได้ มีทางเลือกไม่กี่ทางและหลายทางเลือกถ้าจะทำให้รัฐบาลตั้งได้โดยยึดวาระประเทศเป็นที่ตั้ง จำเป็นต้องเป็นไปในทางใดทางหนึ่ง มีต้นทุนที่ต้องจ่ายทั้งนั้น อาจมีเรื่องที่ประชาชนไม่สบายใจก็ได้ พรรค พท.ยอมทุกอย่างที่จะทำได้ เรายินดีร่วมกับทุกพรรค ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายอิสระ มีเรื่องเดียวมาตรา 112หรือเรื่องเกี่ยวกับสถาบันหลักเราจะไม่แตะต้อง เพราะเป็นจุดศูนย์รวมของประเทศ ถ้าเสนอเรื่องนี้มา คงเข้าร่วมไม่ได้
อ้อมแอ้มไม่มีขั้ว ไม่มีลุง
เมื่อถามว่า ที่ระบุว่าหากจำเป็นให้ประเทศต้องเดินหน้าต่อไปได้ อาจต้องร่วมงานกับพรรคสองลุงใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า พูดชัดเจนแล้วว่าวันนี้เราพูดคุยกับทุกฝ่าย เราสลาย เราไม่มีขั้วไม่มีลุง อะไรก็ได้ที่ร่วมมือกัน ทางที่ดีที่สุดคือให้ตอบสนองการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อแก้ปัญหาประเทศได้ พยายามทำให้เจตนารมณ์ของประชาชนสัมฤทธิผลมากที่สุด เท่าที่คุยทุกพรรคยังไม่มีใครบอกว่าไม่ร่วม ทุกคนบอกว่าอยากฟังรายละเอียด เมื่อถามว่าที่ต้องขอเสียงพรรค ก.ก.แสดงว่าเสียง สว.ไม่พอ นายภูมิธรรมตอบว่า ตนเรียกร้องเป็นรายบุคคล ทั้งกลุ่มการเมือง ทั้งพรรคการเมือง ทั้ง สส.และ สว. อยากให้จุดนี้เป็นจุดเริ่มต้นแก้ปัญหาความขัดแย้งที่มีมา 20 ปี พรรค พท.อาสาและมีต้นทุนที่ประชาชนต้องตรวจสอบ ถ้าทำไม่ได้อนาคตประชาชนจะตรวจสอบและตัดสินพรรค พท.เอง
ข้ามเส้นงูเห่าลุยสยบไฟขัดแย้ง
เมื่อถามว่าจะเรียกแนวทางขอคะแนนโหวตนายกฯ แต่ไม่ร่วมรัฐบาลว่าอย่างไร เพราะมีเส้นแบ่งระหว่างงูเห่าในบางพรรค นายภูมิธรรมกล่าวว่า เท่าที่คุยไม่มีใครเรียกร้องให้แบ่งกระทรวง ทบวง กรม จะเห็นว่าการตั้งรัฐบาลครั้งนี้ ไม่ได้ยินว่าใครจะเอากระทรวงไหน เราพูดในฐานะแกนนำว่าเราไม่คุยเรื่องกระทรวงกับใครปัญหาแย่งกระทรวงกันไม่เกิด และวันนี้พิสูจน์ชัดเจนว่าเราจะเปลี่ยนกระบวนทัศน์ใหม่ เพื่อไปทำงานในจุดที่ใช้วาระของประชาชน ประเทศชาติเป็นที่ตั้ง สลายขั้วเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ เพราะความขัดแย้ง 20 ปี เพียงพอแล้ว

พท.ชูสลายขั้วตั้ง รบ.ดับวิกฤติชาติ
ต่อมาเวลา 12.35น. ที่รัฐสภา พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค พท. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค พท.พร้อมอีก 6 พรรค ประกอบด้วยพรรคประชาชาติ พรรคชาติพัฒนากล้า พรรคเสรีรวมไทย พรรคพลังสังคมใหม่ พรรคท้องที่ไทย พรรคเพื่อไทรวมพลัง ร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรค พท. นพ.ชลน่านอ่านแถลงการณ์ว่า วันนี้พรรค พท.ได้รวบรวมเสียงเพิ่มเติม และได้รับการสนับสนุนจาก 6 พรรคการเมืองและรวมเสียงโหวตได้มากกว่ากึ่งหนึ่งแล้ว พรรค พท.และทุกพรรคคาดหวังอย่างยิ่งว่าจะคลี่คลายสถานการณ์ สลายขั้วการเมืองทุกฝ่าย ทั้ง สส.และ สว. เพื่อเลือกนายกฯและจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ ยืนยันจะทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความพิเศษ ต้องสลายขั้วการเมือง ดึงความร่วมมือจากทุกพรรคทุกฝ่าย เพื่อจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรค พท. และนายกฯ จากพรรค พท.เป็นแกนนำ เราอยากขอวิงวอน ให้พี่น้องประชาชนมั่นใจในพรรคเพื่อไทย และพรรคที่สนับสนุนในครั้งนี้ เราจะช่วยกันฝ่าวิกฤติเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ และประโยชน์สูงสุดแก่พี่น้องประชาชนทุกคน เราหวังจะเห็นความสามัคคีของทุกฝ่ายในประเทศ
“สุวัจน์” อวย พท.ชอบธรรมตั้ง รบ.
นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา กล้า กล่าวว่า เรายินดีตอบรับคำเชิญในการเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล ด้วยเหตุผล 5 ข้อ คือพรรคพท.มีความชอบธรรม เมื่อพรรคอันดับที่หนึ่งไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ จึงเป็นหน้าที่ของพรรค พท. และพรรค พท.ยืนยันกับทุกพรรคว่าขณะนี้รวบรวมเสียงของ สส.ได้เกินกึ่งหนึ่งของสภาฯ ที่ประชุมได้พูดถึงอย่างชัดเจนว่าจะไม่มีนโยบายใดๆที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พรรคพท.มีความแน่วแน่แก้ไขปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ เกือบ 3 เดือนนับแต่การเลือกตั้งที่ผ่านมา เรามีรัฐบาลรักษาการแต่มีขีดจำกัดในการบริหารประเทศ วิกฤติเศรษฐกิจรอไม่ได้ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับต่างประเทศ นักลงทุนทั้งในและนอกประเทศ ทั้งนี้พรรค ชพก.จะประชุมใหญ่พรรควันที่ 21 ส.ค.ที่ จ.นครราชสีมา เลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่ หัวหน้าพรรคคนใหม่ต้องมีประสบการณ์ การเมือง เศรษฐกิจวิกฤติ เมื่อถามว่าต้องกลับมาควบตำแหน่งหัวหน้าพรรคหรือไม่ นายสุวัจน์ตอบติดตลกว่า “ก็ไม่เลวนะ”
“ทวี” ชี้มีนายกฯให้ได้ก่อนค่อยคิด รมต.
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวว่า 8 พรรคเดิมตกลงจะเลือกพรรค พท.เป็นนายกฯ เราตระหนักว่าพรรคอันดับ 1 และอันดับ 2 มีความชอบธรรม ภารกิจขณะนี้จึงต้องช่วยกันส่งเสริมสนับสนุนพรรค พท.เป็นแกนนำรวบรวมเสียงให้ได้ 375 เสียงขึ้นไป เพื่อให้ได้นายกฯ จะนำไปสู่กระบวนการสรรหาผู้มาเป็นรัฐมนตรี และแก้ปัญหาประเทศ วันนี้ปัญหาประเทศเป็นสิ่งสำคัญจึงต้องมีนายกฯ จากนั้นตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นสิทธิของนายกฯพิจารณา จึงยังไม่มีการพูดคุยเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีเลย ส่วนนโยบายพรรคประชาชาติยังแสดงจุดยืนในนโยบายต่างๆ เชื่อว่าพรรคแกนนำคงรับฟังไปประกอบสำหรับอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ
“เสรี” ยกสามก๊ก เลี้ยงดูไพร่พลลุง
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส สส.บัญชีรายชื่อ ฐานะหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า พรรค พท.กำลังทำทุกวิถีทางสลายขั้วการเมืองให้เดินหน้า จึงวิงวอนประชาชนที่เข้าใจผิดว่าตอนหาเสียงพูดแบบนั้นแบบนี้ จะเปลี่ยนแปลงหรือละเมิดไม่ได้ แต่การหาเสียงคือการหาเสียง เพื่อให้ได้คะแนนมาบริหารประเทศ ไม่ใช่นโยบายพรรค หากไม่ทำตามนโยบายแบบนั้นจึงจะผิดสัญญา การหาเสียงเป็นเรื่องปกติ ได้คะแนนมาก็บริหารกันไป นอกจากนี้ยังได้ยินเสียงบอกว่ารวมพรรคนั้นได้พรรคนี้ไม่ได้ อยากขอให้ดูสามก๊กหรือประวัติศาสตร์ชาติไทย ถ้าฆ่าแม่ทัพตาย เราจะเอาไพร่พลไว้เลี้ยงดูหรือไม่ หรือจะฆ่าทิ้งให้หมด พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ไปแล้ว ไม่มีแม่ทัพ ถามว่าเราควรเอาหรือไม่ ส่วนตัวเห็นว่าควรเลี้ยงดูไว้ ส่วนพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แม่ทัพอยู่ แต่ยอมแพ้ เราควรเอาไพร่พลมาเลี้ยงดูหรือไม่ อยากขอให้ประชาชนเปิดใจให้กว้างเพื่อให้พรรค พท.จัดตั้งรัฐบาลให้ได้
ย้ำยินดีรับทุกเสียงโหวตหนุน
เมื่อถามว่าเสียง สส.ที่มีเกินกึ่งหนึ่งแล้ว แต่ตอบตกลงเพียง 238 เสียง เสียงที่เหลือเป็นของพรรคใด จะดึงพรรค 2 ลุงร่วมรัฐบาลหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า วันที่ 10 ส.ค.จะมีพรรคเข้ามาเพิ่มเติม ขอให้รอติดตาม จะมีพรรคลุงเข้าร่วมหรือไม่ พรรค พท.ออกแถลงการณ์ไปแล้วว่าขอความร่วมมือจากทุกพรรคเพื่อสลายขั้วแก้วิกฤติ เมื่อถามว่า สส.พรรค ปชป. พปชร. รทสช.จะมาร่วมรัฐบาลเป็นรายบุคคลใช่หรือไม่ และหากพรรค ก.ก.มาร่วมโหวตนายกฯให้พรรค พท. จะทำให้ สว.ไม่สบายใจหรือไม่ นพ.ชลน่านตอบว่า เราแสวงหาความร่วมมือจากทุกพรรคทุกบุคคล ทั้งแง่องค์กรตัวบุคคล แต่การโหวตนายกฯเป็นเอกสิทธิ์ที่ตัดสินใจได้ ส่วนพรรค ก.ก. ชัดเจนเราเคารพเอกสิทธิของพรรค ก.ก.ว่าจะโหวตให้พรรค พท.หรือไม่ แต่เราปรารถนาเสียงจากทุกพรรค ยินดีถ้าพรรค ก.ก.มาร่วมโหวตให้ จะไม่ทำให้ สว.กังวล เพราะไม่ได้ตั้งรัฐบาลกับพรรค ก.ก. และไม่ได้แก้มาตรา 112 ทำให้ชัดเจนว่า สว.จะไว้ใจและสนับสนุนเรา เมื่อถามว่ามีกระแสข่าว สส.พรรค พท.ไม่เห็นด้วยหากตั้งรัฐบาลข้ามขั้วถึงขั้นขู่ย้ายพรรค นพ.ชลน่านตอบว่า ในที่ประชุม สส.พรรคเมื่อวันที่ 8 ส.ค. ไม่มี สส.คนใดแสดงแนวคิดไม่เห็นด้วย มีแค่การแสดงความห่วงใยที่เกิดขึ้นจริง แต่ถึงขั้นจะย้ายพรรคไม่มี พรรค พท.มีเอกภาพทุกคนรับสภาพที่เป็นอยู่และพร้อมชี้แจงประชาชน

ลั่นชื่อ “เศรษฐา” ยื่นแล้วต้องผ่าน
เมื่อถามว่าแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย ที่จะเสนอคือนายเศรษฐา ทวีสิน ใช่หรือไม่ หากชื่อนายเศรษฐาไม่ผ่าน จะเสนอชื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาต่อหรือไม่ นพ.ชลน่าน ตอบว่า แคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทยที่จะเสนอต่อรัฐสภา ยืนยันคือชื่อนายเศรษฐา ส่วนที่ตั้งคำถามว่าถ้าชื่อนายเศรษฐาไม่ผ่านความเห็นชอบนั้น บอกได้เลย ไม่มีคำว่าถ้า ต้องผ่านเท่านั้น ด้านนายภูมิธรรมกล่าวเสริมว่า ข้อสังเกตเกี่ยวกับนายเศรษฐา ยืนยันตรวจสอบหมดแล้ว ไม่มีปัญหาตามที่มีผู้ท้วงติง
โวหลังฉากคุยกันเสียงเกินแล้ว
นายภูมิธรรมกล่าวว่า เราเอาวาระประชาชนและวาระประเทศเป็นที่ตั้ง วันที่ 10 ส.ค. จะมีพรรคชทพ.มาเข้าร่วมรัฐบาล ยืนยันว่าเรามีเสียงเกินครึ่งแล้ว เป้าหมายต้องมีเสียงเกิน 375 เสียงโหวตนายกฯให้ได้ นโยบายใดแม้อยู่ฝ่ายค้าน ถ้ามีประโยชน์พร้อมดำเนินการ แต่ข้อเสนอที่กระทบสถาบันหรือมาตรา 112 เราไม่สนับสนุน เราแบ่งแยกหน้าที่กันทำงาน แต่ไม่ได้รวมกันเป็นรัฐบาล เชื่อมั่นในวาระประเทศ เรามุ่งหน้าตั้งรัฐบาลพิเศษ แสวงหาความร่วมมือจากทุกพรรคทุกฝ่ายทุกคน ต้องการการสนับสนุนให้ พท. เป็นแกนนำและมีนายกฯจากพรรค พท. ถ้าทำสำเร็จจะตั้งรัฐบาลได้ จะไม่สามารถคิดแบบเดิมเหมือนในอดีตได้ ต้องใช้ความพยายามจากทุกพรรคเพื่อตั้งรัฐบาล บางส่วนอาจมาเป็นกลุ่ม หรือเป็นรายบุคคลก็มาได้ “วันนี้ถ้าให้พูดชัดเจนคงยังไม่ได้ แต่ที่พูดกับเราข้างหลังมันเกินไปแล้ว เราต้องการรัฐบาลที่มีเสถียรภาพเข้มแข็งผลักดันนโยบายได้ คิดมิติใหม่อยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันแก้วิกฤติประเทศช่วงนี้ อยากให้ สส.และ สว.ที่มีเอกสิทธิ์ใช้เอกสิทธิ์ ร่วมแก้ไขวิกฤติประเทศ จากข้อจำกัดในหลักการนี้มันจะไม่มีข้อจำกัด อาจมีบางกลุ่ม บางคนมา”
“แพทองธาร” ปลื้มแฟนคลับให้กำลังใจ
เมื่อเวลา 13.30 น. ที่พรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯพรรค พท.เดินทางเข้าพรรคร่วมประชุมอัปเดตงาน โดย น.ส.แพทองธาร แวะซื้อเครื่องดื่มร้าน Think lab และเจอบรรดาแฟนคลับพรรค พท.ที่มารอให้กำลังใจ ขอถ่ายภาพ ขอลายเซ็น ช่วงหนึ่งบรรดาแฟนคลับถาม น.ส.แพทองธารถึงความคืบหน้าการรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล ที่แฟนคลับสนับสนุนให้ดึงพรรค 2 ลุงมาช่วยเพิ่มเสียง โดย น.ส.แพทองธารกล่าวตอบว่า ที่คนพูดว่าเราบอกจะปิดสวิตช์ สว. ถ้าเราแลนด์สไลด์ แต่วันนี้เราทำไม่สำเร็จ พอไม่สำเร็จต้องมาดูตัวเลขทำอย่างไรจะได้ตั้งรัฐบาล เราอยากผลักดันนโยบายพรรค พท. พรรคต้องสู้เต็มที่ รู้ว่าบรรดาแฟนคลับหลายคนเข้าใจ ส่วนคนที่ไม่เข้าใจยังคงมีอารมณ์อยู่ แต่หวังว่าจะได้อธิบายกันด้วยเหตุผล ไม่ต้องสู้กันด้วยความรุนแรง
บอกพยายามตั้งรัฐบาลเต็มที่
จากนั้น น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์ว่ามีคนมาให้กำลังใจแล้วรู้สึกดีใจ และดีใจที่ทุกคนเข้าใจเพราะพรรค พท.ทำแลนด์สไลด์ไม่สำเร็จ ในฐานะพรรคที่ชนะเลือกตั้งอันดับ 2 ต้องจัดตั้งรัฐบาล พยายาม เต็มที่จัดตั้งรัฐบาลให้ได้ เพื่อผลักดันนโยบายที่เคยสัญญากับประชาชนไว้ รวมถึงเข้าใจทุกคนที่มีความรู้สึกต่างๆ ตนผ่านความรู้สึกเหล่านั้นมาแล้วเหมือนกัน ต้องมุ่งหน้าว่าประโยชน์ประชาชนและประเทศต้องมาก่อน เพราะฉะนั้นเรื่องต่างๆคงต้องก้าวข้ามผ่านไปให้ได้ ถ้าอิ๊งจะขออะไรสักอย่าง ขอแค่กำลังใจจากทุกคนเท่านั้นเอง ส่วนการประชุม สส.พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 8 ส.ค. ดีที่ได้เจอทุกคน ทุกคนในพรรคให้กำลังใจกัน นาทีนี้ยังมีหลายคนที่ไม่เข้าใจพรรค พท. แต่หากดูตามหลักการแล้วเราพยายามทำให้ดีที่สุดอยู่ จากนั้น น.ส.แพทองธาร เดินเข้าร้าน Think lab ซื้อเครื่องดื่ม “แดงโซดามะนาว” พร้อมกล่าวติดตลกว่า “เติมความแดง ยังแดงไม่พอต้องเติมอีก” ก่อนเดินออกมาแจกลายเซ็นให้แฟนคลับอย่างเป็นกันเอง

“ไอติม” นำทีมยื่น ก.ม.เปลี่ยนประเทศ
ส่วนความเคลื่อนไหวของพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก.นำทีม สส.พรรค ก.ก.แถลงข่าวเสนอร่างกฎหมายเปลี่ยนประเทศจำนวน 3 ชุด รวม 9 ฉบับ ได้แก่ ชุดกฎหมายปลดล็อกท้องถิ่น 4 ฉบับ ชุดกฎหมายป้องกันการทุจริต 2 ฉบับ และชุดกฎหมายโอบรับความหลากหลาย 3 ฉบับ ผ่านตัวเเทนประธานสภาฯเป็นผู้รับเอกสาร จากนั้นนายพริษฐ์กล่าวว่า ก.ก.เตรียมชุดกฎหมายเปลี่ยนประเทศ ไว้ทั้งหมด 14 ชุด สอดคล้องกับ 300 นโยบายที่เสนอต่อประชาชน เมื่อ 18 ก.ค. ได้ยื่นต่อสภาฯไปแล้วจำนวน 2 ชุด ได้แก่ ชุดกฎหมายปฏิรูปกองทัพและชุดกฎหมายปิดช่องทุนผูกขาด รวม 7 ร่าง ส่วนวันนี้ ก.ก.เดินหน้าเสนอชุดกฎหมายเพิ่มอีก 3 ชุด 9 ร่างประกอบด้วยชุดปลดล็อกท้องถิ่น 4 ฉบับ ได้แก่ร่าง พ.ร.บ.แผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่าง พ.ร.บ.การขนส่งทางบก ร่าง พ.ร.บ.ถนน ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ ชุดป้องกันการทุจริต 2 ฉบับได้แก่ ร่าง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารสาธารณะและร่าง พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตและการให้บริการแก่ประชาชน รวมถึงชุดโอบรับความหลากหลาย 3 ฉบับ ได้แก่ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หรือร่างสมรสเท่าเทียม ร่าง พ.ร.บ.การรับรองเพศ คำนำหน้านามและการคุ้มครองบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ และร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมและคุ้มครองกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง
ย้ำขั้ว 8 พันธมิตรเดิมเป็นคำตอบดีที่สุด
นายพริษฐ์กล่าวถึงกรณี พท.ระบุว่าจะพูดคุยกับพรรค ก.ก.เพื่อขอโทษ และขอให้สมาชิกโหวตแคนดิเดตนายกฯของ พท.ว่า ท่าทีและจุดยืนของพรรค ก.ก. ต้องให้ผู้เจรจาที่มีข้อมูลครบถ้วนมาชี้แจง ส่วนในที่ประชุมพรรคเมื่อวันที่ 8 ส.ค. ไม่มีการพูดคุยถึงการโหวตนายกฯ เมื่อถามว่าส่วนตัวแล้วถ้าพรรค พท.มาขอโทษจะรู้สึกดีขึ้นหรือไม่ นายพริษฐ์ตอบว่า ส่วนตัวตนไม่ได้แทรกแซง แต่จุดยืนของพรรคชัดเจนกว่า เมื่อถามถึงกรณีพรรค พท.ระบุว่ามีการสลายขั้ว ทั้งหมด นายพริษฐ์กล่าวว่า คิดว่าจุดยืนของพรรค ก.ก. ชัดเจนมาตลอด ว่าผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค.สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของประชาชน ส่วนใหญ่ที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงจึงแปลงมาเป็นคะแนนสนับสนุน 8 พรรคที่เซ็นเอ็มโอยูร่วมกัน เราเชื่อว่าพันธมิตรจาก 8 พรรคเดิม เป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับประเทศ
ขอโทษดีสุดคือการกลับมาขั้วเดิม
เมื่อเวลา 11.00 น. นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กรรมการบริหารพรรค ก.ก.โพสต์ข่าวนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมเจรจาขอโทษก้าวไกล เพื่อขอเสียงโหวตนายกฯ ฝ่าวิกฤติประเทศ บนเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมข้อความระบุว่าการขอโทษที่ดีที่สุดคือการกลับใจมาร่วมกับขั้ว 8 พรรคเดิมที่มี 312 เสียง และใช้เอ็มโอยูเดิมที่เคยทำร่วมกัน จากนั้นช่วงเช้าวันเดียวกัน นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กก.บห.พรรค ก.ก. ให้สัมภาษณ์เปิดเผยในรายการ กรรมการข่าวคุยนอกจอ ตอนหนึ่งว่า ทราบจากนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค ก.ก.ว่า พรรค พท.นัดหารือ 2 ฝ่ายกับพรรค ก.ก. แต่ยังไม่รู้หัวข้อว่าคุยกันประเด็นไหน จะได้ทราบท่าทีของ พท.ด้วยว่าอยากให้เราทำอะไร ไม่แน่ใจว่าเป็นการหารือชุดใหญ่หรือนัดคุยส่วนตัวกับนายชัยธวัช
“อิ๊ง” ยกคณะ พท.เดินข้ามตึกถก ก.ก.
ต่อมาเวลา 15.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) แกนนำพรรค พท.นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯของพรรค พท. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน และหัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง สส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรค นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เดินออกจากตึกเอโอไอ ที่ทำการพรรค พท. ไปยังตึกไทยซัมมิท เพื่อร่วมหารือกับแกนนำพรรค ก.ก. ประกอบด้วยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรค น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรค และนายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรค โดยใช้เวลาหารือนานประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที

ไม่ชัดเพื่อนเก่าเทคะแนนให้หรือไม่
จากนั้นเวลา 16.30 น. น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้เราได้มารับฟังความเห็นซึ่งกันและกัน มาคุยกันว่าเราอยู่ในสถานการณ์ไหนบ้าง เพื่อทำความเข้าใจกับทั้ง 2 ฝ่ายว่าเราทำงานกันถึงขั้นไหนแล้ว เมื่อถามว่าได้คำตอบว่าพรรค ก.ก.จะสนับสนุนแคนดิเดตพรรค พท.หรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า รออีกนิด วันนี้ยังไม่พร้อมตอบคำถามใดๆ เพราะยังไม่มีคำตอบใดๆ จริงๆเวลาที่คุยกัน เราจะพูดกันเสมอว่าบางครั้งกองเชียร์ของเราทั้ง 2 พรรคทะเลาะกัน แต่เราไม่เคยทะเลาะกัน เราคุยกันด้วยเหตุผลเสมอ วันนี้ไม่มีอะไรมาก เมื่อถามว่าการพูดคุยออกมาแฮปปี้ทั้งสองฝ่ายหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า วันนี้เราคุยกันว่าเงื่อนไขต่างๆ ในการจัดตั้งรัฐบาลพรรค พท.ตั้งใจอย่างมากที่จะจัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ โดยมีเสียงสนับสนุนทั้ง สส.และ สว. อย่างที่ตนหาเสียงไปว่า พท.หาเสียงแบบแลนด์สไลด์เพื่อจะให้ทุกอย่างกลับมาเป็นระบบเหมือนเดิม แต่ในเมื่อเราแลนด์สไลด์ไม่สำเร็จพรรค ก.ก.ได้เป็นพรรคอันดับหนึ่ง ลองจัดตั้งรัฐบาลแล้วทำไม่สำเร็จ และได้ส่งไม้ต่อมาให้พรรคพท.
ยันฟอร์ม รบ.แข็งแรงเพื่อประชาชน
“สิ่งที่เราทำตอนนี้ไม่ใช่เกมการเมือง
เรากำลังฟอร์มรัฐบาลที่แข็งแรงให้ได้ เพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชนต่อไป
ยังมีสิ่งที่สำคัญรออยู่ข้างหน้าอีกมากมาย
ยังมีประเทศและประชาชนที่เดือดร้อน ยังมีต่างชาติที่รอเข้ามาลงทุนกับเรา
ยังมีเศรษฐกิจภาพใหญ่ที่เราต้องช่วยกันผลักดันนโยบายเพื่อให้ประเทศไปต่อ
นี่คือสิ่งที่เราพยายามโฟกัสมากที่สุด
และกำลังจัดตั้งรัฐบาลของประชาชนให้แข็งแรงที่สุด” น.ส.แพทองธารกล่าว
ย้ำสองพรรคไม่มีปัญหาต่อกัน
เมื่อถามว่า นายพิธาได้ฝากอะไรหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า นายพิธารับฟังและเข้าใจซึ่งกันและกันในหลายจุด ฉะนั้นหากถามเรื่องความสัมพันธ์ ให้ไปถามทางพรรค ก.ก.ด้วยได้ เพราะเราไม่มีปัญหากัน และคิดว่าในขณะนี้เราทำงานกันอย่างผู้ใหญ่ เราพูดกันแบบผู้ใหญ่ที่คุยกันว่าเราจะทำอย่างไรให้ประเทศเดินต่อ เป็นสิ่งที่เราต้องการทั้งสองฝ่าย เมื่อถามว่าหากเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯพรรค พท.ไม่ผ่าน พร้อมเป็นคนต่อไปหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เราต้องพยายามเต็มที่ให้ผ่าน
อุบตอบวัน “ทักษิณ” กลับไทย
น.ส.แพทองธารยังกล่าวถึงกรณีโพสต์ภาพในอินสตาแกรมส่วนตัวที่พาลูกชายและลูกสาวไปฉีดวัคซีน เป็นการเตรียมตัวจะเดินทางไปหานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ “นั่นน่ะสิ” พร้อมกล่าวว่า จะเดินทางอยู่ในเร็วๆนี้ เมื่อถามต่อว่ารู้สึกตื่นเต้นหรือไม่ ที่จะพาลูกชายไปเจอคุณตา น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ยังมีเรื่องตื่นเต้นอีกเยอะ ขอให้รอดู เมื่อถามว่าการเดินทางกลับไทยของนายทักษิณครั้งต่อไป นายทักษิณจะเป็นคนแจ้งเองหรือไม่ น.ส.แพทองธารตอบว่าให้นักข่าวรอดู เพราะยังมีอีกหลายเรื่องที่จะทำให้นักข่าวตื่นเต้น
“เสี่ยอ้วน” พร้อมขอโทษให้ ปท.เดินหน้า
เมื่อถามถึงมิตรภาพการทำงานร่วมระหว่างสองพรรค นพ.ชลน่านกล่าวว่า ในการทำงานเราทำงานด้วยกันได้ดีอยู่แล้ว แต่มิติทางการเมืองในสภาพบังคับ เป็นไปตามที่เราทราบและรู้เห็นกันอยู่ ฉะนั้นวันนี้เป็นเหมือนที่ น.ส.แพทองธารกล่าวคือมีการมาพบปะแลกเปลี่ยนความเห็นกัน เมื่อถามว่าในการพูดคุยกันได้ขอโทษพรรค ก.ก.หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ได้แจ้งไปว่าได้ขอโทษต่อสาธารณะแล้ว อะไรที่คิดว่าทำให้เกิดการผิดพลาดตนพร้อมขอโทษเพื่อให้ประเทศเดินหน้า ทุกอย่างได้พูดคุยและทุกคนไปช่วยกันคิดต่อ เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะมีโอกาสกลับไปจับมือกับพรรค ก.ก.อีกครั้งหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า อีกสักครู่ไม่นานคงได้ทราบและการได้พูดคุยถือเป็นเรื่องที่ดี
“พิธา” ชี้เเค่ตั้งใจฟังอย่างมีวุฒิภาวะ
ช่วงเย็นที่อาคารไทยซัมมิท นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก.ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมหารือกับแกนนำ พท. กรณีขอเสียงโหวตสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ พท.ว่า เป็นการรับฟังซึ่งกันและกัน แต่ว่าต้องคอยสื่อสารกันเรื่อยๆอยู่ยังไม่มีผลสรุปอะไร ก็รับฟังกันอย่างมืออาชีพ ผู้สื่อข่าวถามว่า แนวโน้มน่าจะโหวตให้พรรค พท.หรือไม่ นายพิธากล่าวว่า วันนี้รับฟังอย่างเดียวก่อน เมื่อถามย้ำว่า ต้องนำไปหารือกับ สส.ในพรรคก่อนหรือไม่ นายพิธากล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้มีแผนต่อ วันนี้เป็นแค่การรับฟังอย่างตั้งใจและมีวุฒิภาวะ
ส่ง “พงศธร” ลงเลือกตั้งซ่อมระยอง
ที่ จ.ระยอง นายนครชัย ขุนณรงค์ อดีต สส.ระยอง เขต 3 เปิดเผยว่า พรรค ก.ก.เลือกผู้สมัคร สส.ลงเลือกตั้งซ่อมเขต 3 ไว้แล้ว โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก.จะเดินทางมาเปิดตัวผู้สมัคร ที่ อ.แกลง จ.ระยอง ในวันที่ 13 ส.ค.คาดว่าจะส่งนายพงศธร ศรเพชรนรินทร์ ผู้สมัครบัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก.ลำดับที่ 52 ที่เป็นหนึ่งในทีมงานพรรคในพื้นที่ จ.ระยอง ร่วมทำงานกับพรรคมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่สมัยอนาคตใหม่ ลงสมัคร และตนยังคงช่วยหาเสียงทำงานเคียงคู่กันไป ขอให้ด้อมส้มให้กำลังใจต่อไป
“สาธิต” ปลุกขั้วเดิมหลีกทาง ปชป.
นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข รักษาการรองหัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวถึงการส่งผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม สส.ระยอง เขต 3 ว่า จะได้ข้อสรุปเร็วๆนี้โดยพรรค ปชป.ให้สิทธิตนพิจารณาส่งผู้สมัครเดิมพรรค ปชป.มีผู้สมัครคือ นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ แต่กำลังดูข้อมูลในพื้นที่ การตัดสินใจส่งผู้สมัครต้องคำนึงถึงผลเลือกตั้ง เพราะเขตเดียวอาจเป็นตัวชี้วัดบางเรื่อง โครงสร้างคะแนนเลือกตั้งครั้งที่แล้วมีพรรคร่วมรัฐบาลเดิม และฝั่งพรรค พท.และพรรค ก.ก.ลงสมัคร ต้องวิเคราะห์คะแนนให้ชัดเจน ถ้าพรรคร่วมเดิมตกลงกันได้ส่งผู้สมัครเพียงคนเดียวจะเป็นประโยชน์ โดยจะให้พรรค ปชป.ส่งผู้สมัครเพียงพรรคเดียว ได้เริ่มพูดคุยแล้วสัปดาห์นี้จะคุยให้ตกผลึก
“หนู” ไม่ขัด พท.ยกขบวนขมาพรรคส้ม
ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุขหัวหน้าพรรค ภท.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรค พท.นัดหารือกับพรรค ก.ก.ว่า พรรค ภท.และพรรคพท.ได้บรรลุข้อตกลงยอมรับเงื่อนไขของกันและกัน ที่จะสนับสนุนให้จัดตั้งรัฐบาลใหม่โดยเร็วที่สุด ส่วนของเราถือว่าสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องอื่นๆ เป็นหน้าที่ของพรรค พท.ที่เป็นแกนนำ ที่ต้องไปหาเสียงสนับสนุนให้ได้โดยเร็ว เราไม่ก้าวก่ายกัน เมื่อถามว่ากลุ่มทะลุวังนำวาทกรรม“ฆาตกรโควิด-19” มาโจมตี นายอนุทินผายมือไปยังผู้บริหาร สธ.ก่อนตอบว่า “นี่คือฆาตกรหรือไม่ คนใส่ชุดขาวๆหรือว่าคนที่คอยรักษาทุกคนเป็นฆาตกรหรือไม่ ตรงนี้ต้องระวัง เป็นคำพูดที่บั่นทอนจิตใจคนทำงาน รมว.สาธารณสุขไม่ได้เป็นผู้รักษาคนไข้ แต่เป็นผู้รวบรวม สนับสนุนคณะแพทย์มารองรับสถานการณ์ฉุกเฉินไม่ใช่เฉพาะโควิด-19 แต่รวมถึงสถานการณ์ต่างๆที่กระทบชีวิตของประชาชน เราทำงานเป็นทีมทุ่มเทเต็มที่” เมื่อถามว่าจะดำเนินการอะไรกับผู้สร้างวาทกรรมหรือไม่ นายอนุทินตอบสั้นๆว่า แผ่เมตตา ให้มีความสุขทุกคน

“บิ๊กตู่” โนคอมเมนต์ขั้ว รบ.พิเศษ
เมื่อเวลา 09.30น. ที่สำนักงานใหญ่เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) อ.วังจันทร์ จ.ระยอง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม นำคณะลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าโครงการเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) แล้วไปติดตามงานที่สถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) ท่าเรืออุตสาห กรรมมาบตาพุด เยี่ยมชมโครงการนำพลังงานความเย็นเหลือใช้จากการเปลี่ยนสถานะของก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรค พท.ประกาศสลายขั้ว โดย พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า ขั้วอะไรเหรอ มีที่ไหน มีเหรอ ไม่รู้สิก็แล้วแต่ให้นึกถึงประเทศชาติโดยรวมด้วยแล้วกัน ทำอะไรทำได้ทั้งหมดนั่นแหละ ไม่มีความเห็น ทำไมต้องมีความเห็นด้วยจ๊ะ อย่าคิดว่าฉันเป็นคนสำคัญ ขอให้ฟังเพลงดู เพลงคนไม่สำคัญ แล้วชี้นิ้วไปที่ตัวเองย้ำว่าคนไม่สำคัญ
กกต.ตีตกคำร้องยุบ พท.-ก.ก.-พปชร.
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า เมื่อวันที่ 9 ส.ค.นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรค การเมือง มีความเห็นให้ยุติเรื่องกรณี นายสนธิญา สวัสดี อดีตสมาชิกพรรค พปชร.ยื่นคำร้องต่อ กกต.ขอให้ตรวจสอบพรรค พท.และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมและหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมีพฤติการณ์ยินยอมให้บุคคลอื่นหรือนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ครอบงำพรรค พท.ขณะเดียวกัน สั่งไม่รับคำร้องกรณีนายสนธิญาร้องให้ตรวจสอบยุบพรรค ก.ก.กรณีจัดชุมนุมในหลายจังหวัด รวมทั้งนัดชุมนุมวันที่ 13 ก.ค.หน้าอาคารรัฐสภา รวมทั้งสั่งไม่รับคำร้องของนายเอกชัย หงส์กังวาน นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่ให้พิจารณายุบพรรค พปชร.กรณีไม่ดำเนินการตามนโยบายหาเสียงในปี 62 หลายโครงการ
ก.ก.จี้ไต่สวนคำร้องทุจริตสุราษฎร์
นายชาติพงศ์ กุลรัตน์ ผู้สมัคร สส.สุราษฎร์ธานี เขต 7 พรรค ก.ก.เข้ายื่นหนังสือถึงประธาน กกต.ให้เร่งรัดตรวจสอบเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริตเลือกตั้งที่ก่อนหน้านี้ได้ยื่นร้องต่อ กกต.จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.66 แต่ยังไม่มีคำตอบใดๆ โดยนายชาติพงศ์กล่าวว่า ได้ยื่นให้ กกต.ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ กกต.เขต 7 ไปนับคะแนนในพื้นที่มืด กั้นเชือกไม่ให้ผู้สังเกตการณ์เข้าไปตรวจสอบ รายงานผลคะแนนล่าช้า เมื่อท้วงติง กกต.เขต 7 ชี้แจงว่า เจ้าหน้าที่ลืมคีย์ข้อมูล นอกจากนี้ยังมีกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกฯรักษาการ ให้สัมภาษณ์วันที่ 14 พ.ค.วันเลือกตั้ง เชิญชวนประชาชนออกมาใช้สิทธิเป็นการให้คุณให้โทษกับพรรคการเมือง ทั้งนี้ได้สอบถามความคืบหน้าจาก กกต.จังหวัดสุราษฎร์ ธานีแล้วแจ้งว่าส่งเรื่องมาที่ส่วนกลางแล้ว
“สนธิญา” ร้องดะสอยคนโหวต “พิธา”
เมื่อเวลา 11.30 น. ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายสนธิญา สวัสดี อดีตสมาชิกพรรค พปชร.ยื่นหนังสือให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน พิจารณาและส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณี สส. 8 พรรค การเมืองรวมถึง สว.รวม 314 คน เสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าและแคนดิเดตพรรค ก.ก.รับการโหวตเป็นนายกฯต่อที่ประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 13 ก.ค.และ 19 ก.ค.ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 159 และ 160 (6) หรือไม่ โดยนายสนธิญากล่าวว่า ก่อนหน้านั้น กกต.มีมตินายพิธา เป็นบุคคลต้องห้ามไม่มีสิทธิสมัคร สส.ตามรัฐธรรมนูญ แต่สมาชิกคงมีการเสนอชื่อนายพิธาและดำเนินการโหวตต่อ เห็นว่าการกระทำของสมาชิกรัฐสภา 314 คนขัดต่อรัฐธรรมนูญ
ออกหมายเรียก “ทะลุวัง” ป่วน วธ.
เมื่อเวลา 10.50 น. ที่ สน.นางเลิ้ง พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. เปิดเผยถึงความคืบหน้าการออกหมายเรียกกลุ่มทะลุวังที่บุกไปก่อความวุ่นวายและทำลายทรัพย์สินทางราชการ ที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เมื่อวันที่ 6 ส.ค.ว่า ออกหมายเรียกไปครบทั้ง 18 คนแล้ว มี 6 คนภูมิลำเนาอยู่ใน กทม.และปริมณฑลให้มารับทราบข้อกล่าวหาภายในเวลา 7 วัน อีก 12 คนมีที่อยู่ตามทะเบียนราษฎรในต่างจังหวัดให้เวลาเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาภายใน 10 วัน นับแต่วันที่ 8 ส.ค. ล่าสุดยังไม่มีผู้ใดมารับทราบข้อกล่าวหา ส่วนคดีเกิดขึ้นที่พรรค พท.เจ้าของอาคารยังไม่ได้แจ้งความ ตำรวจอยู่ระหว่างการประสานงานกับเจ้าของอาคาร ส่วนกรณีที่มีบุคคลอาจเข้าข่ายผิดเงื่อนไขการประกันตัวชั่วคราวของศาล พนักงานสอบสวนได้ยื่นเรื่องต่อศาลให้เพิกถอนประกันชั่วคราวแล้ว ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล
ศปปส. ยื่นศาลถอนประกัน “ตะวัน”
ช่วงสาย ที่ศาลอาญา นายอานนท์ กลิ่นแก้ว แกนนำศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) เข้ายื่นหนังสือถึงอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ขอให้มีคำสั่งถอนประกันตัว น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน นักกิจกรรมอิสระ ผู้ต้องคดีมาตรา 112 เนื่องจากมีพฤติการณ์ขัดเงื่อนไขปล่อยตัวชั่วคราวของศาล นายอานนท์เผยว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่ศาลให้ประกันตัวไป น.ส.ทานตะวันออกไปสร้างความวุ่นวาย สร้างความเดือดร้อน ส่วนศาลจะมีคำสั่งถอนการประกันหรือไม่ เราไปก้าวล่วงไม่ได้ แต่อย่างน้อยเรามาขอความกรุณาศาลให้พิจารณาถึงพฤติกรรมของคนที่สร้างความวุ่นวายให้กับประเทศ สร้างความปั่นป่วนกับประชาชนจนเกิดความระแวงเข้าใจผิดกัน

เพื่อไทย นำ 6 พรรคประกาศจัดตั้งรัฐบาล รวมเสียงเพิ่มมั่นใจ สลายขั้วการเมือง ได้เสียงข้างมากในสภาแล้ว เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และมีนายกฯ มาจากพรรคเพื่อไทย
วันที่ 9 ส.ค.66 เวลา 12.35 น. ที่รัฐสภา พรรคเพื่อไทย แถลงข่าวการจัดตั้งรัฐบาล ร่วมกับ 6 พรรคเล็ก ประกอบด้วย พรรคประชาชาติ, พรรคเสรีรวมไทย, พรรคเพื่อไทรวมพลัง, พรรคพลังสังคมใหม่ และพรรคท้องที่ไทย โดยนำโดย นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย นายวรเชษฐ์ พรรคเพื่อไทรวมพลัง

นายแพทย์
ชลน่าน กล่าวว่า วันนี้ พรรคเพื่อไทยได้รวบรวมเสียงเพิ่มเติม
และได้รับการสนับสนุนจาก 6 พรรคการเมือง ประกอบด้วย พรรคประชาชาติ
พรรคเสรีรวมไทย พรรคชาติพัฒนากล้า พรรคเพื่อไทรวมพลัง พรรคพลังสังคมใหม่
พรรคท้องที่ไทย และรวมเสียงโหวตได้มากกว่ากึ่งหนึ่งแล้ว
พรรคเพื่อไทยและทุกพรรคการเมืองคาดหวังอย่างยิ่งว่า
จะสามารถคลี่คลายสถานการณ์ สลายขั้วการเมือง ทุกฝ่าย
เดินหน้าขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย
ทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากหลายพรรคการเมือง
และเสียงสนับสนุนจากสมาชิกวุฒิสภา
เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ สามารถบริหารประเทศ
และเร่งแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้โดยเร็ว
ที่ขณะนี้กำลังเผชิญความเดือดร้อนรุนแรง
การประวิงเวลาออกไปยิ่งทำให้เกิดความเสียหายยิ่งขึ้น
การจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วเท่าไรจะยิ่งแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น



หลังจากพรรคเพื่อไทย (พท.) ประกาศจับมือกับพรรคภูมิใจไทย รวม 212 เสียง ลุยจัดตั้งรัฐบาล ก่อให้เกิดกระแสทั้งต่อต้านและสนับสนุน โดยมีกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองไปแสดงกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์หน้าที่ทำการพรรค พท. จนต้องมีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พร้อมเพิ่มความเข้มข้นรับมือม็อบต่างๆ
เมื่อเวลา 11.00 น. เมื่อวันที่ 8 ส.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทย (พท.) ว่ามีกลุ่มแท็กซี่ทวงคืนความยุติธรรม กลุ่มแท็กซี่อิสระเพื่อสังคม กลุ่มเสื้อแดงรักประชาธิปไตย เดินทางมาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เพื่อคัดค้านการที่พรรค พท.จับมือกับพรรครัฐบาลขั้วเดิมตั้งรัฐบาลใหม่ โดยนำดอกไม้จันทน์และถอดเสื้อสีแดงที่ใส่ไว้บนพานทองเหลืองวางไว้หน้ารถแท็กซี่ และยังมีตัวแทนกลุ่มถอดเสื้อสีแดงใส่พานนำมามอบให้ตัวแทนพรรค พท. มีบางส่วนจุดไฟเผาบัตรสมาชิกครอบครัวเพื่อไทย
เสริม รปภ.ตั้งเพิ่มแผงเหล็กกั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลาไล่เลี่ยกันกลุ่มญาติวีรชน เมษายน-พฤษภาคม 53 มาให้กำลังใจมอบดอกไม้ให้พรรค พท.ในการจัดตั้งรัฐบาล ที่ไม่มีพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ผ่านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ กลุ่มวีรชน ได้กล่าวว่า “เราสนับสนุนเพื่อไทย เรากตัญญูต่อเพื่อไทย เพื่อไทยให้ทุกอย่างกับเรา เพื่อไทยมีนโยบายที่กินได้ เพื่อไทยเป็นต้นแบบของพรรคอื่น เพื่อไทยสู้ๆ” สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยรอบพรรค หลังจากที่เมื่อวันที่ 7 ส.ค.กลุ่มทะลุวังมาทำกิจกรรมหน้าพรรค จนกระทบกระทั่งกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของพรรค รวมถึงผู้สื่อข่าว เจ้าหน้าที่เพิ่มมาตรการเข้มข้นขึ้น นำราวเหล็ก มากั้นหน้าประตูทางเข้าพรรค พร้อมจัดกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำจุด และเตรียมถังดับเพลิงประจำไว้ 2 ถัง พร้อมเพิ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรอบที่ทำการพรรคจากเดิม 16 คน เป็น 20 คน
วง สส.ตอกย้ำต้องการเป็นรัฐบาล
เมื่อเวลา 15.45 น. มีการประชุม สส.ของพรรค นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค โดยมีแคนดิเดตนายกฯของพรรค พท. ประกอบด้วย นายชัยเกษม นิติสิริ นายเศรษฐา ทวีสินและ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เข้าร่วมประชุมด้วย โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง โดยที่ประชุมเปิดโอกาสให้ตัวแทนแต่ละภาคได้แสดงความคิดเห็น โดยนางมนพร เจริญศรี สส.นครพนม ได้ลุกขึ้นแสดงความเห็นว่า คนอีสานเลือกตั้งมา เพื่อต้องการให้ สส. เป็นรัฐบาลไม่ใช่มาเป็นฝ่ายค้าน ซึ่ง สส.หลายคนก็แสดงความคิดเห็นทิศทางเดียวกัน
ขอให้ 2 ลุงเป็นทางเลือกสุดท้าย
ขณะที่นางฐิติมา ฉายแสง สส.ฉะเชิงเทรา แสดงความเป็นห่วง หากพรรคจับมือกับ “2 ลุง” จะไม่สามารถตอบคำถามกับประชาชนในพื้นที่ได้ นอกจากนี้ ยังมี สส.บางส่วนระบุว่า ไม่อยากให้พรรค พท. จับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เพราะมีส่วนเกี่ยวกับเหตุการณ์สลายการชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อปี 53 จนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 99 ศพ แต่ในส่วนของพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ที่จะมาร่วมรัฐบาลนั้น ไม่มีใครลุกขึ้นมาทักทวง ขณะที่ทีมเจรจาชี้แจงว่า ทั้ง “2 ลุง” และพรรค ปชป. จะเป็นทางเลือกสุดท้าย หากจะมีเข้ามาจะไม่เป็นในรูปแบบของพรรค เพราะหาก สส.คนไหนจะยกมือสนับสนุนก็ถือเป็นเอกสิทธิ์
ยันนายกฯต้องเป็นแคนดิเดตจาก พท.
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สส.บางคนยังแสดงความเป็นห่วงถึงการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ อาจจะถูกสับขาหลอกในวันโหวตเลือกนายกฯทำให้ตำแหน่งดังกล่าวไปตกอยู่ที่พรรคอื่น ซึ่งทางคณะเจรจาได้ยืนยันกับ สส.ว่า ถึงอย่างไรนายกฯต้องมาจากแคนดิเดตพรรค พท. และทางพรรคก็ยังพูดคุยกับพรรคก้าวไกล (ก.ก.) อยู่ เพราะเขาพร้อมสนับสนุน ต้องการรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยฉบับประชาชนอย่างแท้จริง
โชว์ 236 เสียง 6 พรรคร่วม รบ.
ต่อมาเวลา 19.30 น. แกนนำพรรค พท. ได้มีการประชุมและมีข้อสรุปถึงการแถลงเปิดตัวพรรคการเมืองที่จะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรค พท.เพิ่มเติมอีก 6 พรรค โดยจะมีการแถลงข่าวเปิดตัวเวลา 12.00 น. วันที่ 9 ส.ค.ที่รัฐสภา จำนวน 5 พรรค ประกอบด้วยพรรคประชาชาติ 9 เสียง พรรคเพื่อไทรวมพลัง 2 เสียง พรรคเสรีรวมไทย 1 เสียง พรรคพลังสังคมใหม่ 1 เสียง และพรรคท้องที่ไทย 1 เสียง ส่วนวันที่ 10 ส.ค. เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภาจะเป็นการแถลงเปิดตัวพรรคชาติไทยพัฒนาที่มี สส. 10 เสียงเข้าร่วมรัฐบาล รวมแล้วพรรคเพื่อไทยสามารถรวมเสียงตั้งรัฐบาลได้ขณะนี้ 236 เสียง

“สุพิศาล” ชงโหวตปิดสวิตช์ สว.
เมื่อเวลา 14.00 น. ที่อาคารไทยซัมมิท มีการประชุม สส.พรรค ก.ก.ประจำสัปดาห์ มีนายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคก.ก. เป็นประธานการประชุม โดย พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รองหัวหน้าพรรค ก.ก. ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมว่า จะหารือเรื่องเลือกตั้งซ่อม สส.ระยอง รวมถึงหารือเรื่องการโหวตนายกฯด้วย จะเสนอให้พรรค ก.ก.โหวตเห็นชอบแคนดิเดตนายกฯจาก พท. เนื่องจากต้องการโหวตเพื่อปิดสวิตช์ สว. เชื่อว่าพรรค พท.จะรับปากว่าจะไม่มีการดึงพรรค 2 ลุงเข้าร่วมรัฐบาล สิ่งที่เราอยากทำคือการปิดสวิตช์ สว. โหวตเพื่อให้มีรัฐบาลมาแก้วิกฤติของประเทศ ต้องการให้ประเทศชาติเดินไปด้วยดี ส่วนพรรค พท.จะไปร่วมกับใครถือเป็นอำนาจของพรรคพท. ขณะเดียวกันพรรค ก.ก.เปิดประตูไว้ หากพรรคพท.จะกลับมาหาก็ได้
แบไต๋ พท.มหามิตรพร้อมคืนดี
เมื่อถามว่าหากพรรค ก.ก.โหวตให้นายกฯพรรค พท. แล้วต้องไปเป็นฝ่ายค้าน พล.ต.ต.สุพิศาลตอบว่า เป็นหน้าที่ที่ชำนาญอยู่แล้ว จะได้เห็นพรรคก.ก.รุ่นที่ 4 ไม่ได้โกรธพรรค พท.เนื่องจาก พท.ต้องหาทางออกเพียงแต่รอไม่ได้ถึง 9 เดือนเท่านั้น ถ้าหากรอได้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ แต่หากรออีก 9 เดือน อาจจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงก็ได้ ส่วนกรณีพรรค พท.จับมือจัดตั้งรัฐบาลกับพรรค ภท.เป็นเรื่องของ พท. ต้องหาทางออกที่พรรค พท.รอ 10 เดือน ไม่ได้ เมื่อถามว่าพรรค ก.ก.จะปิดโอกาสหรือไม่ หากพรรค พท.กลับมาจับมือกันอีกครั้ง พล.ต.ต.สุพิศาลตอบว่า วันหนึ่งเราอาจจะร่วมมือกันอีกครั้ง เขาเป็นมหามิตรเรา เป็นเพื่อนเรา พรรค พท.อาจจำเป็นต้องไป ต้องปล่อยให้เขาไป
ขอชักกลับ “ชัยธวัช” แตะเบรก
ต่อมาหลังประชุม พล.ต.ต.สุพิศาลให้สัมภาษณ์อีกครั้ง ยังไม่ได้เสนอเรื่องให้โหวตเลือกแคนดิเดตนายกฯ จากพรรค พท.เพื่อปิดสวิตซ์ สว. เนื่องจากเมื่อฟังจากคนข้างๆแล้ว เขาเงียบกันหมด บางคนพูดง่ายๆว่าไม่เห็นด้วย จึงไม่ได้มีการเสนอวาระเรื่องนี้ในที่ประชุม สส. อีกทั้งนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค ก.ก. ประธานที่ประชุม บอกว่าเราจะยังไม่โหวต ให้ทำงานสภาฯไปก่อน ใกล้ถึงวันโหวตเลือกนายกฯถึงจะหารือกันอีกครั้ง
ทสท.ยืนยันไม่สลับขั้ว-ย้ายฝั่ง
วันเดียวกัน พรรคไทยสร้างไทยออกแถลงการณ์ถึงจุดยืนทางการเมืองว่า ขณะนี้มีประเด็นสำคัญ รัฐสภายังรอคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ และยังรอความชัดเจนการจัดตั้งรัฐบาลของพรรค พท.จะรวบรวมเสียงสนับสนุนได้เท่าใด พรรค ทสท.แสดงจุดยืนภายใต้หลักการที่ชัดเจนมาตลอดว่าจะไม่สลับขั้ว-ย้ายฝั่ง ไม่เป็นที่เหยียบยืนให้เผด็จการเด็ดขาด เพื่อยุติการสืบทอดอำนาจ 2 ลุงอย่างถาวร รวมทั้งประเด็นที่จะทำงานร่วมกับพรรคอื่น ที่สนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญให้เกิดประชาธิปไตยแท้จริงเพื่อประชาชน และแนวทางการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องให้ประชาชนอย่างเร่งด่วน เมื่อทราบแนวทางชัดเจนแล้ว พรรค ทสท.จะเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณาจะร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาลต่อไป เรายืนยันยึดมั่นสัญญาเป็นสัจจะไว้กับประชาชน ไม่เป็นนั่งร้านให้เผด็จการ ผลักดันรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน เร่งแก้ปัญหาปากท้องประชาชนให้เป็นรูปธรรม
ลุงตู่” ขอทุกฝ่ายทำบ้านเมืองไปต่อ
เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนการประชุมนายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ นำคณะผู้บริหารสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติเข้าพบนายกฯรายงานผลการดำเนินงานโครงการโคล้านครอบครัว และกิจกรรมกระตุ้นและพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก โดยนายกฯสวมเสื้อผ้ามูลมงคล เป็นผ้าย้อมด้วยมูลวัว สะพายย่ามผ้ามูลวัวโชว์สื่อ และกล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า ขอให้อุดหนุนกันด้วย จะแก้ปัญหายากจนให้เกษตรกรมีรายได้ ทุกอย่างต้องร่วมมือทั้งตัวเองและรัฐ ทั้งนี้ นายกฯยิ้มแย้มได้ทักทายสื่อว่า มีหลายคนไปอยู่เวทีในทางการเมือง ขอให้ช่วยกันดูแลบ้านเมือง เพราะบ้านเมืองต้องไปต่อ ช่วยกันทำให้บ้านเมืองเดินหน้า
ยักคิ้ว รทสช.จะร่วม รบ.ก็แล้วแต่
ต่อมานายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดม ศึกษาฯ และคณะประชาสัมพันธ์งานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี 66 ส่วนนายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม นำคณะนักร้องประสานเสียงเยาวชนไทย มาแสดงบทเพลงที่ชนะการแข่งขันขับร้องประสานเสียงนานาชาติ ครั้งที่ 12 ณ เมืองบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย และ น.ส.นฤดี ภู่รัตนรักษ์ ผอ.สำนักวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมและคณะประชาสัมพันธ์แคมเปญรณรงค์ส่งเสริมการใช้ผ้าไทยและงานศิลปหัตถกรรมไทยในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ
แซวได้ รบ.ใหม่เมื่อไหร่ถาม “พี่หนู”
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในที่ประชุม ครม.พล.อ.ประยุทธ์ค่อนข้างอารมณ์ดี การประชุม ครม.เป็นไปอย่างเฮฮาสนุกสนาน มีการแซวกันไปมาระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์กับ ครม.เป็นระยะ ช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์พูดถึงวันคล้ายวันเกิดของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและหัวหน้าพรรค พปชร.วันที่ 11 ส.ค. เดี๋ยวจะไปอวยพรส่วนตัวอยู่แล้ว แล้วถาม ครม.ว่า มีรัฐมนตรีคนใดเกิดเดือน ส.ค.อีกบ้าง ทำให้นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวฯ ที่มีวันคล้ายวันเกิดในวันที่ 5 ส.ค.ยกมือ นายกฯจึงแซวนายพิพัฒน์ที่เพิ่งปะทะคารมกับแกนนำกลุ่มทะลุวังที่พรรค พท. เมื่อเย็นวันที่ 7 ส.ค.ว่า “ได้พรใหญ่กันเลย ต้องอดทนนะครับ บ้านเมืองต้องใช้ความอดทน” บรรดา ครม.ต่างหัวเราะชอบใจ พล.อ.ประยุทธ์ยังพูดอีกว่าเรื่องการเมืองเป็นเรื่องการเมืองไป สื่อถามเรื่องการเมืองผมก็ไม่ตอบคำถาม” และยังแซวนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรค ภท.ว่า “จะได้รัฐบาลใหม่เมื่อไหร่อย่างไรผมไม่รู้ ต้องถามพี่หนูเขาดู” เรียกเสียง ครม.หัวเราะกันยกใหญ่อีกครั้ง

“ธนกร” อ่อยวันนี้พรรคไม่มีลุงแล้ว
นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค รทสช.กล่าวถึงกระแสข่าวพรรค รทสช.อาจไปร่วมรัฐบาลเป็นกลุ่มหรือเป็นตัวบุคคลว่า ยังไม่มีข้อมูลประสานมา คงจะคุยกันในพรรค พรรค ภท.และพรรค พท.รวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลได้เป็นเรื่องดี บอกว่าเป็นการสมานฉันท์ปรองดอง หากเดินแบบนี้จะใช้เวลาไม่นาน ถ้าไปร่วมรัฐบาลโดยหลักการต้องไปทั้งพรรค ส่วนพรรค รทสช.วันนี้ยังอยู่ แม้ไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ดำเนินการตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ให้นโยบายไว้ วันนี้เรื่อง 2 ลุงต้องให้ความเป็นธรรมกับพรรคด้วย เพราะวันนี้ไม่มีลุงตู่อยู่ในพรรคแล้วและไม่ได้เล่นการเมืองแล้ว เรื่องนี้น่าจะจบได้แล้ว ทุกพรรคน่าจะพูดคุยกันได้ ไม่น่าจะมีเงื่อนไขอะไรแบบนี้ เพราะพรรคที่จะร่วมรัฐบาลกันได้หลักๆต้องดูที่นโยบายและแนวทางการทำงานของพรรค ไม่ควรไปดูมีลุงไม่มีเรา เรื่องนี้เป็นวาทกรรม ไม่ได้เกี่ยวข้องแล้ว
“สุชาติ” ทิ้งนัยโหวตให้ ปท.ไปต่อ
ด้านนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน รองหัวหน้าพรรค รทสช. ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวมีชื่อย้ายไปอยู่พรรคอื่นว่า ยังอยู่ รทสช.ทำงานการเมือง รทสช. เป็นทั้ง สส. และสมาชิกพรรค เมื่อถามถึงกระแสข่าว รทสช.จะไปร่วมรัฐบาล นายสุชาติตอบว่า มีสูตรคณิตศาสตร์เยอะ แต่เราไม่ได้เป็นคนคิดสูตร ตกผลึกอย่างไรไม่ได้อยู่ที่เรา แต่อยู่ที่ สส. และ สว.รวมถึงยังไม่รู้ว่า ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องเสนอชื่อนายกฯซ้ำอย่างไร ต้องอยู่เฉยๆก่อน เมื่อถามว่า หาก รทสช.มีมติไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรค พท.จะทิ้ง รทสช.ไปร่วมกับพรรค พท.หรือไม่ นายสุชาติตอบว่า อยากให้ดูวันที่ 16 ส.ค. ว่าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอย่างไร แต่ยืนยันจากปากว่า สส. สว. มีเอกสิทธิ์ร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาลไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ทำอย่างไรให้ประเทศไทยเดินไปได้
“ขิง” ย้ำ 36 สส.ยืนหยัดไม่แตกแถว
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครทสช.โพสต์เฟซบุ๊กย้ำจุดยืนของพรรค รทสช.และการเดินหน้าการทำงานทั้งในและนอกสภามีเนื้อหาระบุว่า รทสช. พร้อมเดินไปข้างหน้าอย่างพร้อมเพรียง ในสภายืนหยัดปักหลักต่อสู้ด้วย สส. 36 คน ปฏิเสธตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย คัดค้านแก้มาตรา 112 เราไม่หยุดอยู่แค่นี้ มองไปถึงอนาคตที่ต้องเติบโต แข็งแรงขึ้นเรื่อยๆที่สำคัญที่สุดประชาชนให้การสนับสนุน
“อนุทิน” อู้อี้จูงมือ สส.พรรค 2 ลุง
เมื่อเวลา 12.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงการเชิญพรรคอื่นเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลว่า ต้องให้พรรค พท.แกนนำจัดตั้งรัฐบาลเป็นคนแถลง ต้องให้เกียรติเขา มั่นใจขณะนี้ได้เสียงร่วมรัฐบาลเกิน 250 เสียงแล้ว ไม่ต้องกังวล ทุกฝ่ายต้องช่วยกันทำความมั่นใจแก่ สส.และ สว.ให้ข้อกังวลต่างๆหายไป ครั้งที่แล้วกังวลการแก้มาตรา 112 แต่ครั้งนี้ไม่มีแล้ว เมื่อถามว่า พรรค พท.ประสานให้พรรค ภท.ช่วยดึงเสียงจากพรรค 2 ลุงมาหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า พรรค พท.บอกแล้วว่า ให้ช่วยหาวิธีดึงเสียง สส. และ สว.ให้ได้เสียงเกิดความมั่นคง เพราะผ่านมาเกือบ 3 เดือนแล้วยังเลือกนายกฯไม่ได้ เมื่อถามว่า การออกมาจับมือกับพรรค พท.ไม่มีปัญหากับพรรค 2 ลุงใช่หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า เราไม่ได้ออกมาจับมือกับพรรค พท.เขาเชิญมาหารือ และรับเงื่อนไขต่างๆกันได้ เมื่อถามว่า พรรค พท.ได้ประสานพรรค ปชป.มาร่วมหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า พรรค ภท.ไม่ได้เป็นแกนนำ ไปก้าวล่วงเกินบทบาทไม่ได้
ชทพ.รอเทียบเชิญร่วมรัฐบาล
นายวราวุธ
ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์ว่า ได้คุยกับพรรค
พท.ระดับหนึ่ง ก่อนโหวตนายกฯครั้งต่อไปจะพูดคุยกันอีก รอให้พรรค
พท.เป็นผู้ส่งเทียบเชิญนัดหมายพร้อมไปคุย ยังยึดไม่แตะต้องมาตรา 112
ทัศนคติการทำงานและทัศนคติต่อหลายเรื่อง เช่น
สถาบันพระมหากษัตริย์ต้องไปทิศทางเดียวกัน
หากตรงกันต้องมาพูดคุยว่าจะไปทิศทางใด การแถลงข่าวของพรรค พท.และพรรค
ภท.พูดชัดไม่แตะต้องมาตรา 112 เป็นสัญญาณที่ดี ไปในทิศทางเดียวกัน
การแก้รัฐธรรมนูญให้มี สสร. แนวทางชัดเจนตรงกับพรรค ชทพ.เคยทำสมัยนายบรรหาร
ศิลปอาชา หัวใจสำคัญไม่ควรแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2
เพราะถือว่าเป็นหมวดที่สำคัญอย่างยิ่ง
เราจึงมีแนวคิดว่าไม่ควรไปแตะต้องทั้งนี้ พรรค ชทพ.ได้ 10 เสียง
จะใช้เหตุผลและหลักการพูดคุย คงไม่ไปเรียกร้อง ต้องการให้รัฐบาลเข้มแข็ง
การต่อรองกระทรวงค่อยไปว่ากันทีหลัง ต้องดูสส.ซีกรัฐบาลมีเท่าไหร่
คิดเป็นสัดส่วนเท่าใด สำหรับคุณสมบัตินายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ
ของพรรค พท.ต้องให้เกียรติพรรค พท.คงพิจารณาคุณสมบัติมาเพียบพร้อมแล้ว
เราให้เกียรติพรรคใหญ
“บิ๊กป้อม” ลา ครม.บอก พท.ยังไม่ดีล
วันเดียวกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯในฐานะหัวหน้า พปชร.เข้าทำเนียบรัฐบาล แต่ลาการประชุม ครม. โดยให้สัมภาษณ์สั้นๆถึงพรรค พท.ประสานร่วมรัฐบาลมาหรือยังว่า ยังไม่ได้รับ เมื่อถามว่าถ้ามีสัญญาณมาสนใจหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ส่ายหน้าตอบเพียงว่า ไม่ทราบ เมื่อถามว่ามีเงื่อนไขอะไรหรือไม่หากจะร่วมรัฐบาล พล.อ.ประวิตร ไม่ตอบเช่นเดิม ต่อมาเวลา 09.30 น. พล.อ.ประวิตร ให้การต้อนรับนายสวี่ กานลู่ รมช.ความมั่นคงสาธารณะและผู้บังคับการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแห่งชาติ สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ตึกบัญชาการ 1 โดย พล.อ.ประวิตรชื่นชมพัฒนาการความสัมพันธ์ไทย-จีนที่ใกล้ชิด พร้อมผลักดันความร่วมมือด้านความมั่นคงและการบังคับใช้กฎหมายให้ก้าวหน้าเป็นรูปธรรม ด้าน รมช.ความมั่นคงสาธารณะจีนฯชื่นชม ที่มีบทบาทสำคัญส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างไทยกับจีนมาตลอด และเห็นพ้องยกระดับความร่วมมือระหว่างกัน ช่วงท้าย พล.อ.ประวิตรแสดงความเสียใจต่อรัฐบาลและประชาชนจีน กรณีอุทกภัยที่เกิดขึ้นในกรุงปักกิ่งและมณฑลเหอเป่ย เชื่อมั่นรัฐบาลจีนจะช่วยเหลือประชาชนและฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบให้กลับคืนสู่ปกติโดยเร็ว
ย้ำคำเดิมไม่มีการติดต่อมา
จากนั้น พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงการร่วมรัฐบาลกับพรรค พท.ว่า “ยังไม่ติดต่อมา” เมื่อถามยํ้าว่า หากติดต่อมาจะร่วมหรือไม่ เพราะดูจากเงื่อนไขก็ร่วมได้ พล.อ.ประวิตรไม่ตอบคำถาม เมื่อถามอีกว่า หากพรรค พท.ไม่เชิญ พร้อมเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ปฏิเสธตอบคำถาม เมื่อถามว่า วันนี้งอน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหมหรือไม่ จึงไม่เข้าร่วมประชุม ครม.พล.อ.ประวิตร ไม่ตอบคำถาม ก่อนขึ้นรถออกจากทำเนียบฯกลับเข้ามูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดทันที
ขอพรวันเกิดให้คน พปชร.รักกัน
เมื่อเวลา 15.00 น. ที่พรรค พปชร.พรรคพปชร.จัดประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) กรรมการยุทธศาสตร์และ สส. ก่อนเริ่มประชุมบรรยากาศคึกคัก ทันทีที่ พล.อ.ประวิตรเดินทางถึงพรรค แกนนำ กรรมการบริหารพรรค สส.และอดีตผู้สมัคร สส.กทม.ได้ร่วมร้องเพลงอวยพรวันเกิดล่วงหน้าให้ พล.อ.ประวิตร เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดอายุครบ 78 ปี ในวันที่ 11 ส.ค. โดย พล.อ.ประวิตรได้เป่าเค้กและกล่าวขอพรว่า ”ขอให้พรรครักกันทุกคนเป็นหนึ่งเดียว เพื่อทำให้พรรคเป็นสถาบันการเมืองต่อไป“ ผู้สื่อข่าวถามถึงการตั้งรัฐบาล พล.อ.ประวิตร ตัดบทว่า ”ไม่ต้องถามแล้วครับ“ ก่อนเดินเลี่ยงขึ้นห้องประชุม สส. ส่วนที่บริเวณโถงด้านล่างของอาคารที่ประชุม มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน มาสังเกตการณ์ หลังมีกลุ่มการเมืองเคลื่อนไหวทำกิจกรรมในช่วงนี้
สั่งนิ่งก่อนยังไม่รู้เป็นฝ่ายค้าน-รบ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
ในที่ประชุมช่วงหนึ่งพล.อ.ประวิตร หยิบยกแนวทางให้ผู้สมัคร สส.สอบตก
แต่ได้อันดับ 2 มาเป็นผู้ช่วยสส.ต่อยอดเลือกตั้งครั้งหน้า แต่มี
สส.หลายคนไม่ค่อยเห็นด้วย เห็นควรจะนำคนในพื้นที่ของ สส.มาเป็นดีกว่า
พล.อ.ประวิตรได้รับเรื่องไว้ มอบให้นายวราเทพ รัตนากร
ผอ.สำนักงานพรรคไปดูว่าจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร ขณะที่
ร.อ.ธรรมนัสกล่าวเสริมว่า ผู้ช่วย สส.ให้รอก่อน
เพราะยังไม่รู้ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล
จะให้คนนั้นคนนี้เป็นอาจเกิดประเด็นบาดหมางในหมู่ สส. ผู้สมัคร สส.และพรรค
และมีการเสนอให้หาบุคลากรมาช่วยหาข้อมูลให้ สส.อภิปรายในสภาฯ ทั้งนี้
พล.อ.ประวิตรไม่ได้ย้ำอะไรเป็นพิเศษ แต่ขอให้อยู่นิ่งๆ
โดยในที่ประชุมแจ้งนัด สส.เข้าอวยพรวันคล้ายวันเกิด พล.อ.ประวิตร
ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯเวลา 11.00 น. วันที่ 11 ส.ค.

“ธรรมนัส” บอกไร้สัญญาณจาก พท.
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา เลขาธิการพรรค พปชร.กล่าวถึงท่าทีเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรค พท.ว่า ต้องดูท่าที พล.อ.ประวิตร หัวหน้าพรรค พปชร. ตอนนี้เหมือนเดิมคืออยู่นิ่งๆ อย่าให้ข่าวอะไรมาก เดี๋ยวจะผิดเพี้ยนไป ขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่ออะไร ถามว่าเรามีโอกาสหรือไม่อยู่ที่พรรค พท.เราต้องอยู่นิ่งๆตามมารยาท แต่เชื่อว่าพรรค ภท.กับพรรค พท.คงประสานไปเบื้องต้นแล้วว่าจะมีพรรคอื่นเพิ่มเติมหรือไม่ เมื่อถามว่า เป็นการวัดพลัง 212 เสียงกับพรรค พปชร.หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า ได้ยินแต่ข่าว ไม่เคยมีเรื่องการวัดพลัง ไม่มีประเด็นว่าพรรค พปชร.ถูกพรรค พท.หลอก ทำให้ดีลไม่ลงตัว
ร่วม รบ.ต้องไปกันทั้งพรรค
เมื่อถามว่าพรรค พปชร.และพรรค ภท.มีสัญญาใจไปไหนไปกันใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า เป็นเรื่องเอกภาพของแต่ละพรรค เมื่อถามว่าพรรคพท.แถลงว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะไม่มี 2 ลุงแน่นอน การที่มี สส.บางส่วนจะไปสมทบเป็นไปได้หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า ทำอะไรต้องเป็นมติคณะกรรมการบริหารพรรคและ สส.เป็นเอกฉันท์ว่าไปในทิศทางใด ไม่ใช่กลุ่มไหนคิดจะไปก็ไป เมื่อถามว่าการที่พรรคพท.ไม่เอาลุง พรรค พปชร.จะทำอย่างไรจะไม่ไปร่วมแน่นอนใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า เรื่องลุงไม่ใช่เรื่องสาระสำคัญสำหรับพรรค พปชร.คือเรื่องบ้านเมืองเราจะร่วมแก้วิกฤติได้อย่างไร ประชาชนต่างประสบความเดือดร้อน สำคัญที่สุดเร่งจัดตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุด เมื่อถามว่าเงื่อนไขเรื่องลุงเป็นปัญหาที่พรรคพท.ต้องแก้เองใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า เวลานี้ พรรค พท.ประกาศตั้งรัฐบาลสมานฉันท์ก็ชัดเจนว่า พรรค พท.ต้องหาทางออกเองว่าจะแก้อย่างไร
“อู๊ดด้า” ย้ำ ปชป.ไร้ซิกร่วมรัฐบาล พท.
นายจุรินทร์
ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ปชป. ให้สัมภาษณ์
ว่า พรรค พท.ไม่มีการติดต่อมา เป็นไปตามข้อบังคับพรรค เป็นหน้าที่
กก.บห.พรรคจะประชุมร่วมกับสส.
ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณอะไรที่ต้องนัดประชุมเรื่องนี้ พรรคมีความเห็นเป็น 2
ทางเสมอ
ทุกคนในพรรคมีสิทธิจะมีความเห็นที่ดีที่สุดสำหรับพรรคและประเทศสุดท้ายต้องยุติที่มติของพรรค
ถ้าต้องตัดสินใจเกี่ยวข้องกับการจัดตั้งรัฐบาล หรือการตัดสินใจทาง
การเมืองที่สำคัญ
พรรค ปชป.เป็นเช่นนี้มาตลอดต้องยึดมติพรรคเป็นหลัก
ส่วนวันประชุมใหญ่วิสามัญเลือก กก.บห.พรรคชุดใหม่
กก.บห.ชุดรักษาการจะหารือกับเลขาธิการพรรคอีกว่าวันเวลาเหมาะสมนัดประชุมอีกครั้งจะเมื่อไหร่
เป็นเรื่องภายในพรรคที่พูดคุยกันได้
ก.ก.เป็นฝ่ายค้าน “หมออ๋อง” ต้องออก
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯให้สัมภาษณ์ถึงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน ที่รัฐธรรมนูญระบุห้ามไม่ให้ สส.ในพรรคการเมืองที่มีสมาชิกเป็นรัฐมนตรี ประธานสภาฯและรองประธานสภาฯดำรงตำแหน่งว่า แม้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ยังไม่ถือว่าพรรค ก.ก.เป็นฝ่ายค้าน จึงยังแต่งตั้งไม่ได้ ต้องรอให้รู้ก่อนว่าพรรคไหนเป็นพรรคร่วมรัฐบาลบ้าง ผู้นำฝ่ายค้านต้องมาจากพรรคที่ไม่ได้ร่วมรัฐบาล และต้องเป็นพรรคที่ใหญ่ที่สุดในฝ่ายค้าน กรณีนายปฏิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลก พรรค ก.ก.รองประธานสภาฯคนที่ 1 ถ้าพรรค ก.ก. ต้องเป็นผู้นำฝ่ายค้าน ต้องลาออกจากรองประธานสภาฯ ทั้งนี้ที่ยังไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้หลายฝ่ายกังวลปีงบฯล่าช้าออกไป ปกติช่วงนี้งบฯปี 67 จะเข้าสภาฯถ้าได้รัฐบาลเดือน ก.ย.กว่าจะทำงบฯได้ต้องแถลงนโยบายให้เสร็จก่อน อาจช่วงปลาย ก.ย.หรือต้น ต.ค.ต้องใช้อีก 1 เดือนทำงบฯปี 67 เข้าสภาฯ เดือน พ.ย.-ธ.ค.อยู่ในสภาฯอีก 3 เดือน จะพอดีกับการทำงบฯปี 68 ทำให้งบฯ 2 ปีซ้อนกัน ไม่ทราบว่าจะเสียหายเท่าใด ต้องให้ภาคเอกชนประเมิน
สว.รับลูกสอบคุณสมบัติ “เสี่ยนิด”
เมื่อเวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา มีนายเสรี สุวรรณภานนท์ สว.ในฐานะประธาน กมธ.ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณากรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรค พปชร.ยื่นเรื่องให้ กมธ.ตรวจสอบคุณสมบัตินายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯพรรค พท.กรณีหลีกเลี่ยงภาษีซื้อขายที่ดิน 512 ล้านบาท หลังการประชุมนายเสรีกล่าวว่า กมธ.รับเรื่องร้องเรียนของนายเรืองไกรไว้ตรวจสอบ หลังจากนี้จะเชิญฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง พยายามให้ได้ข้อสรุปก่อนวันโหวตนายกฯในครั้งถัดไป ที่ประชุมยังได้ประเมินสถานการณ์การเมือง หลังจากพรรค พท.จับมือพรรค ภท.ตั้งรัฐบาลว่า เนื่องจากคะแนนแต่ละฝ่ายยันกันไปมาไม่มีฝ่ายใดได้คะแนนเด็ดขาด และยังตั้งแง่กันเรื่องนโยบาย การตั้งนายกฯจึงไม่ใช่เรื่องง่าย สถานการณ์ความวุ่นวายต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มที่ก้าวร้าว กังวลว่าจะนำไปสู่ความรุนแรงมากขึ้น ดังนั้น กมธ.จะจัดสัมมนาเชิญกลุ่มผู้ชุมนุม พรรคการเมือง ศาลยุติธรรม ตำรวจ อัยการ มาหารือร่วมกันในวันที่ 1 ก.ย. ที่รัฐสภา ร่วมกันหาแนวทางออก ลดความรุนแรง ก้าวร้าว เน้นทำความเข้าใจกัน และการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง
ย้ำไม่โหวตให้ พท.พา “ทักษิณ” กลับ
ต่อมาเวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สว.ให้สัมภาษณ์ถึงการจะไม่โหวตสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ พรรค พท.ว่า ไม่สนับสนุนพรรค พท.ที่มีนโยบายเร่งด่วนจะตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ดูแล้วมีวาระซ่อนเร้นนำไปสู่การแก้ไข พ.ร.ป.รัฐธรรมนูญโดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขอายุความคดีทุจริตที่ไม่มีอายุความ เพื่อช่วยเหลือนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯให้กลับบ้านได้ เป็นการช่วยเหลือนายทุนพรรค พท. ถ้าอยากได้เสียงสนับสนุนจากตน ขอให้ยุติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ตัวเลือกจากพรรค ก.ก.และ พรรค พท.ตนไม่สนับสนุน หากตัวเลือกอื่นๆในลำดับ 3 คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภท. ลำดับ 4 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร.ถูกเสนอชื่อตนจะงดออกเสียง
จ้องตั้ง ส.ส.ร.โละ รธน.จะหนุนได้ไง
ต่อมา พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สว. ให้สัมภาษณ์ว่า ตั้งใจมาตลอดว่าเมื่อไม่สนับสนุนพรรคก.ก.เป็นนายกฯ ต้องสนับสนุนพรรค พท. แม้ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่ทันทีที่ได้เสียงสนับสนุนจากพรรค ภท.ประกาศจะเสนอให้ทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดย ส.ส.ร.ในการประชุม ครม.ครั้งแรก สร้างวิกฤติความขัดแย้งขึ้นในชาติอีกครั้ง ทำไมจึงให้ความสำคัญต่อการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นวาระเร่งด่วน มากกว่าการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องประชาชน ทั้งที่พรรค พท.ชนะเลือกตั้งตามกติการัฐธรรมนูญ 2560 หรือรัฐธรรมนูญ 2560 เป็นปัญหาอุปสรรคของนายทุน เจ้าของ พท.ทำให้ไม่สามารถกลับไทยได้แบบเท่ๆ ไม่ต้องติดคุก จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องทำทันที แล้วแบบนี้จะสนับสนุนนายกฯจากพรรค พท.ได้อย่างไร
“เสรี” รอดูท่าทีโฉมหน้ารัฐบาลใหม่
นายเสรี สุวรรณภานนท์ สว. กล่าวถึงการจับมือตั้งรัฐบาลระหว่างพรรค พท.กับพรรค ภท. ว่า สว.ต้องรอให้พรรคการเมืองรวมตัวจัดตั้งรัฐบาลให้เสร็จ ต้องดูว่าจะมีพรรคใดเป็นรัฐบาลบ้าง แม้พรรค พท.จะเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯพรรค พท. แต่ยังมีระยะเวลาเหลืออยู่ ต้องรอดูว่าสุดท้ายจะเสนอชื่อใคร จะมีพรรค 2 ลุงหรือไม่ขึ้นอยู่กับแต่ละพรรคจะไปตกลงกัน สว.ต้องรอดูการตั้งรัฐบาลจะสำเร็จมากน้อยแค่ไหน ตอบตอนนี้จะกลายเป็นไปสนับสนุนพรรคใดจะไม่เหมาะสม การที่ สว.จะพิจารณาเห็นชอบนายกฯจะดูจาก 1.ไม่แตะมาตรา 112 และไม่แก้รัฐธรรมนูญหมวดสถาบัน 2.ดูคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของคนได้รับเสนอเป็นนายกฯว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ 3.ดูนโยบายแต่ละพรรค นำมาประกอบการตัดสินใจ ส่วนที่นายเศรษฐาถูกยื่นตรวจสอบ กรณีเลี่ยงภาษีที่ดิน ขณะนี้นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ มายื่นเรื่องให้คณะกรรมาธิการพัฒนาสังคมและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ตรวจสอบแล้ว กมธ.จะพิจารณารายละเอียด ต้องตรวจสอบให้ชัดเจน
ยื่น กกต. สอย “ชลน่าน” หาเสียงเท็จ
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรค พปชร.กล่าวว่า ได้ส่งจดหมายผ่านไปรษณีย์อีเอ็มเอสถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 8 ส.ค.ให้ตรวจสอบกรณี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค พท.แถลงข่าวตอบคำถามสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 7 ส.ค.ตอนหนึ่งว่า “ไล่หนูตีงูเห่าเป็นภาพการรณรงค์ให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียงเลือกตั้ง กิจกรรมแต่ละครั้งจัดบนวัตถุประสงค์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้นๆ มิติทางการเมือง เราไปขอเสียงสนับสนุนจากพี่น้องประชาชน เราไม่เคยประกาศว่าเป็นศัตรูกับใคร เราเป็นคู่แข่งกันจริง เทคนิคการหาเสียง วิธีการหาเสียง ต่างฝ่ายต่างมี อันนี้เรียนด้วยความเคารพว่า เราไม่เคยคิดว่าเป็นศัตรูกัน” เข้าข่ายหาเสียงหลอกลวงจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมืองตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.มาตรา 73 (5) หรือไม่
ครม.ไฟเขียว ลต.ซ่อมระยอง
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุม ครม. อนุมัติร่าง พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง สส.ระยอง เขตเลือกตั้งที่ 3 แทนนายนครชัย ขุนณรงค์ อดีต สส.ระยองพรรค ก.ก.ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 105 วรรคหนึ่ง (1) กำหนดให้ในกรณีที่ สส.เขตว่างลงเพราะเหตุอื่นใดนอกจากถึงคราวออกตามอายุของสภาฯให้ดำเนินการตรา พ.ร.ฎ.เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้ง สส.แทนตำแหน่งที่ว่างลงภายใน 45 วัน ตามที่ กกต.ยกร่าง พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง และร่างแผนการจัดการเลือกตั้งเสนอต่อ ครม.คาดว่าวันเลือกตั้งคือวันที่ 10 ก.ย.66
ผบ.ตร.เล็งถอนประกันกลุ่มทะลุวัง
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.กล่าวว่า กลุ่มทะลุวัง ที่ไปกระทรวงวัฒนธรรมผิดหลายข้อหา ทั้งเรื่องบุกรุก ทำให้เสียทรัพย์ พ.ร.บ.รักษาความสะอาด มีอัตราโทษสูง ได้ออกหมายเรียกตามขั้นตอนแล้ว ส่วนกรณีที่พรรค พท. เมื่อวันที่ 7 ส.ค.ทราบว่าจะมีการมากล่าวหาดำเนินคดีข้อหาคงคล้ายๆกัน มาตรการการดูแลความเรียบร้อยแต่ละพื้นที่ได้วางแผนรองรับไว้ทั้งหมดแล้ว แต่เหตุการณ์วันที่ 7 ส.ค.ทาง บก.น.1 ต้องประเมินเพิ่มเติมหากมีประชุมเกี่ยวข้องกับการตั้งรัฐบาล ต้องเตรียมมาตรการให้เข้มงวดมากขึ้น อยากเตือนว่าทุกคนมีสิทธิที่ชุมนุมได้แต่ต้องอยู่ในกรอบกฎหมาย ทุกคนมีกรอบกฎหมายเท่ากัน แต่ละครั้งที่ทำเท่ากับความผิด 1 กรรม บางคดีหากเป็นความผิดเสียหายต่อรัฐบางข้อหาตำรวจดำเนินคดีได้อยู่แล้วแต่หน้างาน หากเหตุไม่รุนแรงมากอาจหลีกเลี่ยงการจับกุมซึ่งหน้า ทุกคดีเราจะดำเนินคดีย้อนหลัง และใครที่เคยได้รับการประกันตัว หรือทำผิดซ้ำซาก มีโอกาสถูกเพิกถอนประกัน ตำรวจจะเสนอต่ออัยการทั้งหมด ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลหรืออัยการ
“ชูวิทย์” เหน็บ พท.คบชู้หิ้วอีหนูเข้าบ้าน
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นักเคลื่อนไหว โพสต์เฟซบุ๊กว่า แล้วก็ถึงวันที่เพื่อไทยพา “อีหนู” ออกงานอย่างเป็นทางการหลังฉีก “ทะเบียนสมรส (MOU)” ไม่ถึงอาทิตย์ หน้าตาพอพาไปวัดตอนค่ำได้ แถมพกกัญชาเข้าบ้านมาด้วยจะไหวหรือ? หมดเวลาทำลับๆ ล่อๆหลบๆซ่อนๆแอบคบชู้เจรจาหวานแหววลับหลังเมียหลวงก้าวไกล พากันประกาศให้ลุงข้างบ้านฟังว่า ที่จำเป็นต้อง “ผิดผี” เพราะวิกฤติของประเทศชาติรอไม่ได้ ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนสร้างวิกฤติให้เกิดขึ้นเอง เอะอะอ้างเรื่องปากท้อง ไม่รู้ปากท้องของใคร? ยังหน้าด้านให้เมียหลวงช่วยกลับมา “ซักผ้า” ให้อีก คือขอ 151 เสียง ของก้าวไกลมาโหวตนายกฯให้ จิตใจมันช่างเหี้ยมโหด นี่แหละหนาชายสามโบสถ์ แต่ก่อนบอกว่า “ไล่หนูตีงูเห่า ไม่เอากัญชา” ตอนนี้กลับอ้างว่า “เป็นเทคนิคการหาเสียง” ให้มันได้อย่างนี้ ยังเหลือ “ความเป็นชายชาตรี” อยู่ไหม?
ศาลสั่ง กกต.แจงคดีจ้องสอย “พิธา”
ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ศาลนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาในคดีที่นายยงยุทธ เสาแก้วสถิต ทนายความ ยื่นฟ้องนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.กับพวกรวม 7 คน ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ กระทำการในฐานะเจ้าพนักงานของรัฐ โดยทุจริต เจตนา ร่วมกันออกประกาศ กกต.เลือกตั้ง สส. 2566 กรณีตรวจสอบคุณสมบัตินายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมัครรับเลือกตั้งกรณีถือหุ้นไอทีวี วันนี้โจทก์และทนายโจทก์มาศาลโจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มจำเลยที่เป็น กกต.อีก 1 คนรวมมีจำเลย 8 คน ศาลตรวจคำฟ้องและเอกสารท้ายฟ้องของโจทก์ เห็นว่าคำฟ้องยังไม่ได้ระบุข้อเท็จจริงรายละเอียดและพฤติการณ์ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดของจำเลยทั้ง 8 และเรื่องอื่นๆให้โจทก์แสดงพยานหลักฐานชัดเจนเพียงพอ แก้ฟ้องให้ถูกต้องภายใน 30 วัน ศาลยังมีคำสั่งเห็นควรมีหนังสือถึงสำนักงาน กกต.ให้ส่งเอกสารการตรวจสอบผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งต่างๆกับแนบระเบียบ คำสั่งและกฎหมายที่เกี่ยวข้องมายังศาลภายใน 30 วันด้วย นัดฟังคำสั่งอีกครั้ง 25 ก.ย.
ด่วน “บิ๊กป้อม” ลาออกจากหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐแล้ว

เมื่อเวลา 09.35 น. วันที่ 29 ก.ค. 2566 ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีครั้งที่ 3/2566 โดยนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ทำหน้าที่ประธานการประชุม ตามที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค มอบหมาย โดยนายไพบูลย์ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า พล.อ.ประวิตร ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐแล้ว แต่ก็จะยังอยู่ดูแลพรรคตลอดไป ดังนั้นกรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบันจึงหมดวาระลง ซึ่งในการประชุมวันนี้จะมีวาระการเลือกตั้ง กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่
จากนั้น นายไพบูลย์ได้แจ้งวาระการประชุม โดยมีการบรรจุวาระการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคเพิ่มเติม และเปิดให้สมาชิกเสนอชื่อผู้ที่จะให้มาเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ โดย นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา ได้เสนอชื่อพลเอกประวิตร อีกครั้ง เพียงคนเดียว จากนั้นได้เชิญสื่อมวลชน และผู้ไม่เกี่ยวข้องออกจากห้องประชุม
ส่วนตำแหน่งเลขาธิการพรรค ได้มีการเสนอชื่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ให้ดำรงตำแหน่งเพียงชื่อเดียวเช่นกัน ขณะที่นายสันติ พร้อมพัฒน์ ได้ขยับขึ้นไปเป็นรองหัวหน้าพรรค
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า พล.อ.ประวิตรไม่มีภารกิจภายนอกอยู่ภายในมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ในฐานะประธานประสานงาน สส. พรรค พปชร.เข้าพบ
“ธิดา” หวั่น “ทักษิณ” ถูกหลอก ชี้ เป็นช่วงเวลาพิสูจน์จะทรยศประชาชนหรือไม่

วันที่ 28 กรกฎาคม 2566 นางธิดา ถาวรเศรษฐ อดีตรักษาการประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ให้สัมภาษณ์กับไทยรัฐทีวี โดยอยากให้ทำความเข้าใจก่อนว่า กลุ่มคนเสื้อแดงมีอยู่ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มคนที่ต่อต้านรัฐประหารและผลพวงการสืบทอดอำนาจ และกลุ่มแฟนคลับที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย เพราะฉะนั้นจะเหมารวมว่าคนเสื้อแดงคือแฟนคลับพรรคเพื่อไทยทั้งหมดไม่ได้ เพราะทุกวันนี้กลุ่มเสื้อแดง หรือ นปช.เดิม ที่มีอุดมการณ์ในการต่อต้านรัฐประหาร ก็ผันเปลี่ยนไปเป็นกลุ่มเสื้อส้มแล้วก็มี
จากนั้นผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะกลับไทย กลุ่มคนเสื้อแดงคิดอย่างไร นางธิดา ระบุ ส่วนตัวมองว่ากลุ่มเสื้อแดงทั้ง 2 กลุ่ม อยากให้ นายทักษิณ ได้รับความยุติธรรม เพราะคดีความที่ นายทักษิณ เจอเป็นผลพวงมาจากการรัฐประหารปี 2549 ซึ่งไม่เป็นธรรม แต่นอกจาก นายทักษิณ จะได้รับความเป็นธรรมแล้ว ก็อยากให้คนอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบนี้ได้รับความเป็นธรรมด้วย

แต่การที่จะให้ นายทักษิณ ไปดีลเรื่องให้พรรคเพื่อไทยไปร่วมกับพรรคที่สืบทอดอำนาจ ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะใช่แบบนั้น เพราะนายทักษิณ มีบทเรียนเดิมมาจากตอนทำนิรโทษกรรมสุดซอย ดังนั้นเชื่อว่า นายทักษิณ คงจะไม่เอาพรรคการเมืองมาเกี่ยวเรื่องนี้ด้วย ส่วนเหตุผลที่ต้องกลับเข้ามาก่อน ส่วนตัวคาดการณ์ว่าเพราะหากเข้ามาหลังจากที่พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลแล้ว คนจะมองว่าเข้ามาโดยใช้สิทธิ์พรรคจัดตั้งรัฐบาลเข้ามา และอาจมีปัญหาต่อพรรคการเมืองต่อไป
ขณะที่คำถามว่า นายทักษิณ กลับมารอบนี้จะถูกหลอกหรือไม่ นางธิดา ตอบว่า “เป็นไปได้ และก็อาจจะถูกจับไปเป็นตัวประกันเลยก็ได้ การที่คุณทักษิณกลับมีอยู่ 2 ด้าน ระหว่างด้านบวกและด้านลบ ด้านบวกคือคุยกันมาเรียบร้อยถึงสิทธิพิเศษและการอภัยโทษ แต่ด้านลบคุณทักษิณอาจจะกลายเป็นตัวประกัน เพื่อให้พรรคเพื่อไทยเป็นแบบนั้นแบบนี้ หรือนำไปร่วมมือกับใคร ซึ่งมันเป็นไปได้ทั้ง 2 ทาง”
พร้อมกล่าวต่อไปว่า ตนไม่ไว้ใจพวกจารีตอำนาจนิยม เพราะกลุ่มพวกนี้ต้องทำเพื่อให้รักษาอำนาจต่อ และการหลอกครั้งนี้จะเป็นการหลอก นายทักษิณ พรรคเพื่อไทย และคนสนับสนุนพรรคเพื่อไทยทั้งหมด เข้าใจว่า นายทักษิณ อยากกลับบ้าน และเข้าใจความไม่เป็นธรรมที่ นายทักษิณ เจอ แต่อยากให้ระวังเรื่องนี้

ทั้งนี้ หากพรรคเพื่อไทยไปจับมือกับกลุ่มอำนาจนิยมเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ตนคิดว่าพรรคเพื่อไทย และนายทักษิณ จะสูญเสียสถานะของการอยู่ฝ่ายประชาธิปไตยและต่อต้านเผด็จการมาเป็นระยะเวลายาวนานเกือบ 20 ปีทันทีที่ข้ามขั้วไปทำแบบนั้น เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้หาเสียงมาตลอดว่าไม่เอา 2 ลุง หากทำแบบนั้นเองพรรคเพื่อไทยในอนาคตจะตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก เพราะไม่อยู่กับฐานและผู้สนับสนุนของตน
นางธิดา ยังได้ตอบคำถามกรณีที่ นายทักษิณ กลับมาจะปลุกกระแสคนเสื้อแดงให้กลับมาอีกครั้งได้หรือไม่ ว่าไม่เกี่ยวกัน เพราะคนเสื้อแดงมี 2 กลุ่ม หาก นายทักษิณ ทรยศต่ออุดมการณ์ประชาธิปไตยไปจับมือกับกลุ่มฆาตกรก็อาจจะไม่มีการสนับสนุนตรงนั้นกลับมา ส่วนประเด็นว่าการต่อสู้ของ นายทักษิณ เป็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยโดยตรงหรือเป็นการสู้ไปกราบไป นางธิดา เผยว่า นายทักษิณ ไม่ได้เข้ามาทำพรรคการเมืองเพื่อเป็นนักต่อสู้หรือปฏิวัติตั้งแต่แรก เพราะตอนที่เข้ามาในตอนนั้นบ้านเมืองสงบเรียบร้อยอยู่แล้ว เข้ามาเพื่อแก้ไขเศรษฐกิจและความยากจน และ นายทักษิณ คิดว่าเมืองไทยเป็นประชาธิปไตยอยู่แล้ว ต่างกับพรรคก้าวไกลที่เข้ามาตอนที่ประเทศมีปัญหา และเข้ามาเพื่อที่อยากจะเปลี่ยนแปลงประเทศ มันต่างกัน
นอกจากนี้ คำถามว่าการต่อสู้ของด้อมส้มและเสื้อแดงแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร นางธิดา ตอบว่า เสื้อแดงคือการต่อต้านรัฐประหารไม่ใส่สีของพรรค ดังนั้น ด้อมส้มหรือแฟนคลับของพรรคก้าวไกลตอนนี้ก็เป็นคนเสื้อแดงมาก่อนจำนวนมาก และวิญญาณหลักของกลุ่มส้มและแดงคือวิญญาณเดียวกัน วิญญาณการต่อต้านรัฐประหารและผลพวงการสืบทอดอำนาจ ทางด้านเรื่องกลุ่มเสื้อแดงที่เป็นผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย และกลุ่มแฟนคลับพรรคก้าวไกลทะเลาะกัน ตนมองว่าไม่ได้เป็นนักต่อสู้จริง เพราะนักต่อสู้จริงๆ จะไม่ไปทะเลาะกันแบบนั้น เพราะแดงส้มจริงๆ คืออุดมการณ์เดียวกัน คือไม่เอารัฐประหาร ดังนั้นจะมาทะเลาะกันทำไม


เพื่อไทย และ ก้าวไกล 2 พรรคการเมือง ที่กวาดที่นั่งในสภาไปได้อย่างท้วมท้น การเลือกตั้ง 2566 บนรอยต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง นโยบายใช้มัดใจ ผู้ลงคะแนนเสียง และต้องจับตาการดำเนินนโยบายต่อจากนี้ จะเป็นไปตามสัญญาหรือไม่
โดยเฉพาะนโยบายเศรษฐกิจ สังคม ที่ดินทำกิน และแรงงาน แม้มีความใกล้เคียงกัน แต่เชิงรายละเอียด จำเป็นจะต้องมีการทำงานอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบางนโยบายอาจล้มเหลว สิ่งนี้ประชาชน ต้องร่วมกันจับตา ผลักดันเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลง.
ไทยรัฐโพล: เลือกตั้งที่จะถึงนี้ คุณจะเลือกใครเป็นนายกฯ
ไทยรัฐโพลชวนคนไทยเตรียมพร้อมสู่การเลือกตั้งทั่วประเทศที่คาดว่าจะมีขึ้นในปี 2566 นี้
โดยร่วมตอบแบบสอบถามว่า “เลือกตั้งที่จะถึงนี้ คุณจะเลือกลงคะแนนเสียงให้กับพรรคใด”
ไทยรัฐโพล เลือกตั้ง’66 ครั้งนี้
สำรวจคะแนนความนิยมของคนไทยที่มีต่อพรรคการเมืองและแคนดิเดดนายกรัฐมนตรี
ที่อาจจะเปลี่ยนไปในช่วงเวลาต่างๆ เพื่อนำเสนอความเห็นของประชาชนคนไทย
ผ่านทุกช่องทางของไทยรัฐออนไลน์และไทยรัฐทีวี
สำหรับไทยรัฐโพลครั้งนี้ เป็นการสำรวจความคิดเห็นครั้งที่สอง
คำถามหลักเน้นสอบถามความเห็นประชาชนว่าจะเลือกใครเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
และจะเลือกส.ส.เขต และ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์จากพรรคใด
โดยสำรวจความคิดเห็นตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ถึงวันที่ 7 มีนาคม 2566
จากนั้น ทางไทยรัฐจะสรุปผลการสำรวจแล้วเผยแพร่ภายในวันที่ 9 มีนาคม 2566
ทุกช่องทางของสื่อในเครือไทยรัฐกรุ๊ป
สามารถร่วมตอบ ไทยรัฐโพล เลือกตั้ง’66 ครั้งที่ 2 ได้ที่ https://www.thairath.co.th/election2566/poll/online
วันที่ 3 มีนาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลรัฐธรรมนูญ ได้ออกนั่งบัลลังก์วินิจฉัย กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้งขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) (เรื่องพิจารณาที่ 7/2566)
กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (ผู้ร้อง) มีหนังสือขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) เกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจในการประกาศจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งและเขตเลือกตั้งของแต่ละจังหวัดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 86 ซึ่งผู้ร้องคิดคำนวณจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งของแต่ละจังหวัดจะพึงมีโดยนำจำนวนราษฎรทั้งประเทศตามหลักฐานการทะเบียนราษฎรตามที่สำนักทะเบียนกลางประกาศ ณ วันที่ 31 ธันวาคม ของปีที่ล่วงมา มาใช้ในการคิดคำนวณจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งของแต่ละจังหวัด ต่อมามีผู้โต้แย้งและขอให้ผู้ร้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย
โดยศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า การกำหนดจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่แต่ละจังหวัดจะพึงมีตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 86 (1) ที่กำหนดให้ใช้จำนวนราษฎรทั้งประเทศตามหลักฐานการทะเบียนราษฎรที่ประกาศในปีสุดท้ายก่อนปีที่มีการเลือกตั้งนั้น คำว่า “ราษฎร” ไม่หมายความรวมถึงผู้ไม่ได้สัญชาติไทย
คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีผลตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป ตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 76 วรรคหนึ่งและวรรคสามและไม่มีผลย้อนหลังไปถึงการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ผ่านมา

ปิยบุตร แสงกนกกุล ไม่ยอม เตรียมแฉใครกันแน่ จับเสือมือเปล่า อัด "พิธา" เอาเปรียบ-ใจเสาะ กลับขาวเป็นดำ พร้อมออกสื่อแฉ ตอบโต้ทุกเม็ด ลั่น ปล่อยผ่านไม่ได้ ยัน รักและสนับสนุนก้าวไกล
วันที่ 22 ก.พ. 66 นายปิยบุตร แสงกนกกุล โพสต์เฟซบุ๊ก ส่วนตัว ว่า เพิ่งได้อ่านที่นายพิธาเขียนเอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้ผม โอเคได้ จัดไป ผมจะเขียนอธิบายให้ฟังทั้งหมดยาวๆ ทั้งๆ ที่ผมไม่อยากพูดเรื่องคุณพิธาเลย พยายาม วิจารณ์พรรคอย่างตรงไปตรงมา ไม่พูดถึงตัวบุคคล แต่คุณพิธาให้เกียรติโพสต์ฯ สื่อสารถึงผมโดยตรงขนาดนี้ ก็ถือเสียว่า คุณพิธา คงอยากคุยกับผมในที่สาธารณะ ผมจึงจำเป็นต้องตอบโดยละเอียดทุกประเด็น ประชาชน สมาชิก ผู้สนับสนุนพรรค จะได้รู้เสียทีว่า คุณพิธา เอารัดเอาเปรียบ พวกผม ทีมงาน พนักงาน ทีมจังหวัดทั่วประเทศ ส.ส. และผู้สมัคร ส.ส. เพียงใด ใครกันแน่ มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ ใครกันแน่จับเสือมือเปล่า เมื่อวานเย็น ผมนัดกินข้าวกับเพื่อนมิตรและเพื่อน ส.ส. มีทีมงานมาบอกว่า คุณพิธา โพสต์ฯ ตอบโต้ผม ให้ผมใจเย็นอย่าตอบโต้ ผมเองก็ไม่อะไร จนเจอนายธนาธร กับนายชัยธวัช ก็รำลึกความหลังครบรอบ 3 ปี ยุบพรรคอนาคตใหม่ ที่เราริเริ่มมาด้วยกัน แล้วก็เคลียร์เรื่องนี้กันไป
นายปิยบุตร โพสต์ฯ อีกว่า แต่พอผมกลับบ้านมา เปิดอ่านดู โอ้โฮ คุณพิธาเขียนแบบเอาดีเข้าตัว เอาชั่วเข้าผม ไอ้นั่นเรื่องเล็ก ผมมาเป็นนักการเมือง เจอเรื่องวิจารณ์กันแบบนี้ จะมาใจเสาะแบบคุณพิธา ไม่ได้ แต่ที่น่ารังเกียจกว่า คือ การเขียนขาวเป็นดำ ดำเป็นขาว เสียมากกว่า จนทำให้ พนักงาน ทีมงาน ทั่วประเทศคงอึ้งไปตามๆ กันว่า คุณพิธา เป็นผู้นำเพื่อนร่วมงานกว่าร้อยชีวิต แล้วผมเป็นคนที่ไม่เป็นมืออาชีพ มาทำลาย ก้าวไกล อย่างที่คุณพิธา พูดจริงหรือ? เขียนขาวเป็นดำว่า คุณพิธา เป็นพระเมสสิอาห์มากอบกู้พรรค ส่วนผมกลายเป็นพวกทำลายพรรค นับแต่วันนี้ ผมจะเขียนอธิบายยาวๆ ไปเรื่อยๆ และพร้อมจะไปออกสื่ออธิบายทั้งหมดครับ ว่า คุณพิธา ทำอะไรบ้าง ยืนยันว่า ผมรักและสนับสนุนพรรคก้าวไกล พรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่จำเป็นในสถานการณ์ระยะเปลี่ยนผ่านเช่นนี้ ผมมีเพื่อนพ้องน้องพี่มากมายที่ยังทำงานอยู่ที่นี่ ลงสมัคร ส.ส. ที่นี่ และผมให้กำลังใจสนับสนุนพวกเขา พร้อมที่จะช่วยพวกเขาเสมอ ผมรักเพื่อนของผมที่ร่วมก่อตั้งพรรคกันมา แต่ด้วยความรักพรรคก้าวไกลเช่นนี้ เห็นพฤติกรรมของ "คุณพิธา" แบบนี้ ผมคงปล่อยผ่านไม่ได้ครับ มิเช่นนั้น ผมจะทำบาปต่อพรรคก้าวไกลและประเทศชาติ ถ้าคิดถึงความถูกต้องและการต่อสู้ระยะยาว พรรคก้าวไกล และเพื่อนพ้องน้องพี่ ที่ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ด้วยกันมาตั้งแต่ยังเป็นวุ้น ปล่อย "คุณพิธา" แบบนี้ต่อไปไม่ได้ครับ.
นายกฯ ห่วงใยประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ 2566 กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติตามแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนฯ
วันที่ 30 ธ.ค. 2565 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ห่วงใยประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลปีใหม่ โดยขอให้ประชาชนระมัดระวัง ดูแลตนเองให้ดี ให้ปลอดภัยทั้งจากการเดินทางโดยยานพาหนะต่างๆ รวมถึงปลอดภัยจากโควิด-19 ซึ่งขณะนี้แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยดีขึ้นแล้ว แต่ก็ขอให้ประชาชนไม่ประมาท ควรมีการป้องกันตนเองให้ดี โดยเฉพาะเมื่อต้องออกเดินทางท่องเที่ยว รวมถึงผู้ที่จะใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะ เครื่องบิน รถโดยสารสาธารณะ หรือขณะที่อยู่ในสถานที่ที่มีการรวมตัวของคนจำนวนมาก เช่น สถานีขนส่ง ตลาด สถานที่ท่องเที่ยวที่แออัด ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับเชื้อโควิด-19 ขอให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเอง โดยการสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าเพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันการติดเชื้อโควิดฯ ได้ รวมถึงการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อลดอาการรุนแรงและเสียชีวิตหากติดเชื้อ ทั้งนี้ เพื่อร่วมมือกันป้องกันไม่ให้โควิด-19 กลับมาแพร่ระบาดใหญ่ซ้ำอีก
นายอนุชาฯ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีกำชับให้หน่วยงานเกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น อำนวยความสะดวกการเดินทางให้ประชาชน ตลอดจนให้คำแนะนำ และกวดขันพฤติกรรมที่อาจเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุได้ เช่น การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือเมาแล้วขับ ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ไม่สวมหมวกนิรภัย และไม่คาดเข็มขัดนิรภัย เป็นต้น รวมทั้งขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนกลางและระดับพื้นที่ นำแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์ พ.ศ. 2566 ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบ (13 ธันวาคม 2565) แผนดังกล่าวแล้ว ไปปฏิบัติ ภายใต้แนวคิด “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” เพื่อให้ประชาชนเดินทางอย่างสุขใจกับชีวิตวิถีใหม่ที่ห่างไกลอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้