ขณะที่ น.ส.รักชนก เผยว่า ก่อนหน้านี้ยื่นคำร้องเลื่อนฟังคำพิพากษา เนื่องจากวันนี้เป็นวันแรกของการเปิดสมัยประชุมสภา แต่ศาลไม่อนุญาต ตนมั่นใจในพยานหลักฐาน และคิดว่าหากเป็นไปตามข้อต่อสู้ก็มีโอกาสที่จะชนะคดี จากนั้นจึงพากันเข้าห้องพิจารณาคดี มีกองเชียร์เป็นหญิงสูงวัยเข้ามาสวมกอดให้กำลังใจบรรยากาศคึกคักพอหอมปากหอมคอ
ต่อมาศาลออกนั่งบัลลังก์ 808 มีคำพิพากษาใจความว่า พิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้ง 2 ฝ่ายที่นำสืบหักล้างแล้ว เห็นว่า ฝ่ายโจทก์มีพนักงานสอบสวน และผู้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ เบิกความไปตามจริง ไม่เคยรู้จักจำเลยมาก่อน ไม่มีเหตุเบิกความกลั่นแกล้งใส่ร้ายจำเลยให้ต้องรับโทษ รวมทั้งพยานหลักฐานอื่นๆยืนยันจากข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นเจ้าของบัญชีทวิตเตอร์จริง พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ
ส่วนที่จำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้คดี อ้างว่าไม่ได้กระทำผิด ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบโทรศัพท์มือถือจำเลยเพื่อหาข้อเท็จจริง และที่จำเลยอ้างว่า ยึดถือการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขนั้น มีข้อพิรุธ และความขัดแย้งของตัวเอง ไม่ขวนขวายหาข้อเท็จจริงกับแนวทางข้อต่อสู้ของจำเลยมีน้ำหนักน้อย ไม่น่าเชื่อถือ ผิดวิสัย ทั้งยังลงภาพและถ้อยคำ “แซะ” สถาบันด้วย เห็นว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เป็นความผิดหลายกรรมให้ลงโทษทุกกรรมตามความผิด
พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ให้ลงโทษตามมาตรา 112 อันเป็นบทหนักสุดรวม 2 กระทง จำคุกกระทงละ 3 ปี รวมจำคุก 6 ปี ไม่รอลงอาญา
หลังศาลอ่านคำพิพากษา น.ส.รักชนก ยังมีสีหน้ายิ้มแย้มระหว่างถูกพาไปห้องควบคุมตัว ฝ่ายนายชัยธวัช กับนายพิธารีบไปยื่นประกัน กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นประกันตัวโดยใช้ตำแหน่ง ของนายชัยธวัช และหลักทรัพย์เงินสดจำนวน 300,000 บาทประกอบการยื่นประกันตัว คาดว่าจะทราบผลการประกันตัวในช่วงบ่าย หลังตนประชุมสภาเสร็จแล้วจะเดินทางมาติดตามผล ส่วนหลังจากนี้จะยื่นอุทธรณ์หรือไม่ต้องรอฟังผลการขอยื่นประกันตัวก่อน
นายชัยธวัชยืนยันว่า คดีนี้เกิดขึ้นก่อนที่ น.ส.รักชนก จะเข้ามาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคก้าวไกล ทางพรรคไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องการเข้าไปต่อสู้คดีตั้งแต่ต้น แต่เป็นเรื่องของทนายความ เมื่อศาลมีคำพิพากษาออกมาแล้วต้องยอมรับปฏิบัติตาม และยังต้องให้ น.ส.รักชนกใช้สิทธิ์ในกระบวนการยุติธรรมเต็มที่ในอีก 2 ศาลที่เหลือ ส่วนท่าที น.ส.รักชนก หลังฟังคำพิพากษา นายชัยธวัชกล่าวว่า ไม่ได้มีความกังวลอะไร เนื่องจากกระบวนการยังไม่ถึงที่สุด คุยกันว่าพบกันเย็นนี้ จากนั้นถูกนำตัวไปห้องรอสั่งประกัน
ด้าน น.ส.เบญจา แสงจันทร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กภายหลัง น.ส.รักชนก ศรีนอก ถูกศาลอาญาสั่งจำคุก 6 ปี ไม่รอลงอาญา ตามมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ว่า บทลงโทษที่รุนแรงอย่างมากในวันนี้ เป็นสิ่งที่ยืนยันข้อเท็จจริง และแสดงให้เห็นว่ากฎหมายนี้ไม่สอดคล้องกับหลักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ไม่ควรมีใครต้องถูกคุมขังเพียงเพราะการแสดงความคิดเห็น ขอยืนยันสิทธิในการได้รับการประกันตัวของทุกคน และขอยืนหยัดเคียงข้างและส่งกำลังใจให้ #ไอซ์รักชนก รักชนก ศรีนอก-Rukchanok Srinork
ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในกระบวนการขอประกันตัว ส่วนรายละเอียดของคำพิพากษาของศาลอาญานั้น รอความชัดเจนเพิ่มเติมอยู่ ไม่ขอชี้แจงรายละเอียดเพราะกลัวจะสื่อสารกันผิดพลาด ขณะนี้ยังไม่มีความกังวล ทราบในเหตุการณ์ลักษณะนี้อยู่แล้ว เบื้องต้นยังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ตนเชื่อว่าจะมีการประกันตัว และขออุทธรณ์ในชั้นศาลต่อไป กรณี น.ส.รักชนก ทำให้เห็นถึงปัญหาของ ม.112 ได้อย่างชัดเจนอีกแล้ว หวังว่าจะทำให้สังคมเห็นถึงปัญหาและความพยายามที่จะแก้ไขกฎหมายมาตราดังกล่าวของพรรคก้าวไกล
ที่ศาลอาญาเวลา 15.00 น. ศาลพิจารณาคำร้องของ น.ส.รักชนก ศรีนอก จำเลย ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยระหว่างอุทธรณ์วงเงิน 500,000 บาท (เงินสด 300,000 บาท ใช้ตำแหน่งนายชัยธวัชตีวงเงิน 200,000 บาท) กำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยกระทำการ หรือร่วมกิจกรรมลักษณะเดียวกันกับข้อหาตามคำฟ้อง และหรือมีพฤติการณ์ใดๆในลักษณะและข้อหาเดียวกัน
วันเดียวกันศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องนายชินวัตร หรือไบร์ท จันทร์กระจ่าง แกนนำคณะราษฎร ความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันตามกฎหมายอาญามาตรา 112 ฐานร่วมกันใช้เครื่องขยายเสียง โดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันกีดขวางทางสาธารณะจนเป็นอุปสรรคต่อความสะดวกในการจราจรมาตรา 116 เดิมมีจำเลยคือ นายอานนท์ นำภา นายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์ นายชินวัตร หรือไบร์ท จันทร์กระจ่าง นายภาณุพงศ์ หรือไมค์ จาดนอก น.ส.ปนัสยา หรือรุ้ง สิทธิจิรวัฒนกุล น.ส.จิรฐิตา ธรรมรักษ์ และนายคริษฐ์ อร่ามพิบูลกิจ แต่นายไบร์ทเกิดแตกกับกลุ่มคณะราษฎรมารับสารภาพคนเดียวเมื่อเดือน พ.ย.66 เลยแยกสำนวนมา
อัยการฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 1-3 ธ.ค.63 ต่อเนื่องกัน พวกจำเลยจัดกิจกรรม#ม็อบ “2 ธันวา ไล่ประยุทธ์ จันทร์โอชาออกไป” ชุมนุมปราศรัย ยุยง ปลุกปั่น พาดพิงให้ร้ายสถาบันด้วยถ้อยคำหยาบคาย มีผู้ร่วมชุมนุมประมาณ 3,000 คน บริเวณห้าแยกลาดพร้าว และหน้าธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ ถนนพหลโยธิน กทม.เกี่ยวพันกัน วันนี้ศาลอ่านคำพิพากษาเฉพาะในส่วนเฉพาะของนายชินวัตร ศาลเห็นว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องลงโทษจำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา ปรับ 11,100 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังทราบคำพิพากษานายชินวัตรโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “กองทุนราษฎรประสงค์ไม่ประกันตัวผมนะครับ เนื่องจากเขาแจ้งว่า ผมไม่เข้าข่ายในการช่วย” เมื่อโทรศัพท์สอบถามไปยังภรรยานายชินวัตรทราบว่า เนื่องจากกองทุนราษฎรประสงค์ ซึ่งช่วยเหลือผู้ถูก ดำเนินคดี ม.112 ไม่ให้เงินมายื่นประกันตัว ทำให้ญาติ ต้องเตรียมโฉนดไปขอยื่นประกันนายชินวัตรแทน แต่ไม่ทันเวลาที่ศาลจะพิจารณา ทำให้นายชินวัตร ต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร อย่างไรก็ตาม วันที่ 14 ธ.ค.นี้ญาติจะยื่นประกันตัวต่อศาลอีกครั้ง