อนุทิน พอใจภาพรวมเปิดผับตี 4 ยัน ทำผิดต้องลงโทษ หลังทนายตั้ม แฉ ขรก.มหาดไทย
อนุทิน” พอใจภาพรวม 3 คืน เปิดผับตี 4 สร้างรายได้คนอาชีพกลางคืน ยัน นักเที่ยวรับผิดชอบชีวิตตัวเอง เมาแล้วขับดำเนินการตามกฎหมาย ลั่น ใครทำผิดต้องลงโทษ หลัง “ทนายตั้ม” แฉ ขรก.มหาดไทย ช่วยผู้บริหารระดับสูงแก้บัตรประชาชน
วันที่ 18 ธันวาคม 2566 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงการเปิดสถานบันเทิงถึง 04.00 น. หรือเปิดผับถึงตี 4 ได้ 3 วัน (เริ่มคืนวันที่ 15 ธันวาคม 2566) ว่า ตั้งแต่เปิดมายังไม่พบปัญหา ซึ่งผู้ที่ประกอบอาชีพในสถานบันเทิงและละแวกนั้นต่างพอใจ เพราะมีชั่วโมงการทำงานที่มากขึ้น เป็นการสร้างรายได้ และการหมุนเวียนของเงินเพิ่มมากขึ้น จากการลงพื้นที่ไปตรวจตามสถานบันเทิงเห็นได้ชัดเจนว่าทุกฝ่ายมีความตั้งใจจะปฏิบัติตามกฎหมาย
นายอนุทิน ระบุต่อไป เมื่อสอบถามนักเที่ยวที่ดื่มแอลกอฮอล์ ก็บอกว่าเตรียมตัวมาอย่างดี หากเมาก็ไม่ขับรถ นั่งแท็กซี่กลับ ส่วนผู้ประกอบการก็ให้คำยืนยันว่าจะปฏิบัติตามกฎหมาย คุมเข้มคนที่จะเข้าใช้บริการ ต้องตรวจบัตรประชาชนตัวจริงเท่านั้น ไม่ใช่ผ่านโทรศัพท์มือถือ รวมถึงให้ชุดรักษาความปลอดภัยของผับดูแลความเรียบร้อย ตรวจค้นอาวุธผู้ใช้บริการทุกราย หากผู้ใช้บริการมีสภาพเมาหนัก ไม่พร้อมที่จะกลับบ้านเองได้ ก็จะหยุดให้บริการ ไม่ขายเหล้าให้
ส่วนคำถามว่าจะขยายพื้นที่เปิดผับเพิ่มเติมหรือไม่นั้น
นายอนุทิน ระบุว่า ตอนนี้ต้องเป็นไปตามกฎหมาย เช่น กรุงเทพฯ 3 โซน
ตามโซนนิ่ง สถานบริการที่ได้รับใบอนุญาตให้เปิดตามกฎหมาย ส่วนต่างจังหวัด
ก็เป็นจังหวัดท่องเที่ยวตามหัวเมืองใหญ่ หากทุกอย่างจัดระเบียบได้
ทุกคนมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบต่อสังคม อะไรก็จะเป็นไปได้หมด
เพราะอยากเปิดโอกาสให้คนทำมาหากินได้มากขึ้น
สำหรับเรื่องอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นหลังจากเปิดผับ นายอนุทิน เผยว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นได้ตลอดเวลาหากประมาท ซึ่งกฎหมายครอบคลุมหมดแล้ว เมาแล้วขับต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
นอกจากนี้ นายอนุทิน ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุในทำนองว่า มีข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ช่วยผู้บริหารระดับสูงรัฐวิสาหกิจยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง แก้ไขเปลี่ยนแปลงสูติบัตรและบัตรประชาชน เพื่อขยายระยะเวลาเกษียณของตัวเอง โดยเปิดเผยเพิ่มเติมในช่องแสดงความเห็นใต้โพสต์ด้วยว่า ยื่นคำร้องแจ้งเกิดต่อนายทะเบียน มกราคม 2507 แต่บัตรประชาชนใหม่ ระบุเกิดธันวาคม 2507 แจ้งเกิดล่วงหน้าเกือบ 1 ปี
นายอนุทิน กล่าวตอบเรื่องนี้ว่า ตอนนี้ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว และเป็นเรื่องปกติที่หากใครทำผิดก็ต้องได้รับโทษ.