ข่าวการเมือง "ร้านตัดผ้าวราภรณ์ รับตัดเย็บเสื้อผ้าสตรี ชุดแบบฟอร์ม ชุดทำงาน ชุดไทย และจำหน่ายอุปกรณ์ประเภท ซิบ กระดุม ด้าย อื่นๆอีกมากมาย ยังจำหน่าย กรอบรูป ขายปลีกและส่งและยังบริการรับถ่ายรูปด่วน ขยายรูป ล้างรูป รับทำนามบัตร เคลือบบัตร ปริ้นงาน เข้าเล่ม สันเกียว สันกาว ถ่ายเอกสาร สีและขาวดำ ขนาดไซต์กระดาษตั้ง แต่ A4-F14-B4-A3 และยังบริการ ย่อ ขยายเอกสารฯลฯรับถ่ายทำ วีดีโอ ในและนอกสถานที่ราคาเป็นกันเอง ร้านตัดผ้าวราภรณ์อยู่ตรงข้าม โรงเรียนอนุบาลบ้านผือพิทยาภูมิถนนชนบทบำรุงอำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ร้านตัดผ้าวราภรณ์ เปิด ปิดเวลา 06.00-18.00น. ทางร้านเปิดให้บริการทุกวัน ติดต่ดสอบถามโทร 0806299771 email hs3ghd15.s@gmail.comแฟกช์ 042282304.

"นายกฯเศรษฐา" สั่งเด็ดขาด ห้าม

"นายกฯเศรษฐา" สั่งเด็ดขาด ห้าม รมต.ซื้อขายตําแหน่ง นโยบายด่วนปั้นเงินท่องเที่ยว

 

“เศรษฐา” เอาฤกษ์เอาชัย สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทำเนียบ ก่อนนั่งหัวโต๊ะ ครม. นัดพิเศษ กำชับกลางวงยึดหลักโปร่งใส เร่งสร้างผลงาน ประกาศลั่นเข้าฤดูโยกย้าย ห้ามซื้อขายตำแหน่งเด็ดขาด บิ๊กข้าราชการต้องโชว์ทรัพย์สิน นั่ง ปธ.ก.ตร.คุมเคาะเก้าอี้ ผบ.ตร.เอง พอใจได้ลองนั่งเบนซ์กันกระสุน “หมอมิ้ง” รับบทเลขาฯนายกฯ ครม.ไฟเขียวร่างแถลงนโยบาย เร่งด่วนสุดแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่น ลุยพักหนี้-ลดราคาพลังงาน-ปั้นเม็ดเงินจากท่องเที่ยว แก้ รธน.วาระท้ายๆ “ศิริกัญญา” กระทุ้งงานแรกก็แหกกฎทันที “ไอติม” เตือนกองทัพไม่ควรอยู่เหนือรัฐบาล สว.พุ่งเป้าเขย่าแจกเงินหมื่น ตำรวจค้นบ้านหาตัว “อิทธิพล” ชิงเผ่นหนีไปตั้งแต่ปลาย ส.ค. ป.ป.ช.ล้างท่อคดีเก่า เชือด “เจริญ” โกงงบสภาฯ ฟัน 2 อดีตผู้ว่าฯทุจริตงบฉุกเฉิน

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ นำคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ประชุม ครม.นัดพิเศษเป็นครั้งแรก อนุมัติคำแถลงนโยบายรัฐบาลที่จะแถลงต่อที่ประชุมรัฐสภา วันที่ 11 ก.ย. กำชับเข้มกลางวง ครม.เร่งสร้างผลงาน ประกาศลั่นเข้าสู่ฤดูกาลโยกย้าย ห้ามมีการซื้อขายตำแหน่งข้าราชการเด็ดขาด

“เศรษฐา” ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทำเนียบ

เมื่อเวลา 07.38 น. วันที่ 8 ก.ย.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลด้วยสีหน้าสดใส จากนั้นนายเศรษฐานำรองนายกรัฐมนตรีทั้ง 6 คน พร้อมนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายก รัฐมนตรี สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล พระพรหมบนดาดฟ้าตึกไทยคู่ฟ้า และยืนดูภูมิทัศน์โดยรอบทำเนียบ สักการะศาลพระภูมิ และศาลตาศาลยายเพื่อความสิริมงคล ก่อนจะเข้าไปนั่งในห้องทำงานเป็นพิธีเพื่อเอาฤกษ์เอาชัย พร้อมหันมาบอกผู้สื่อข่าวว่าสบายใจขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้คุ้มครองปกป้องบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นภัยเศรษฐกิจ ภัยสังคม ภัยของความแตกแยก เมื่อถามว่ามีการเตรียมนโยบายไว้เรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า เรียบร้อยแล้ว

กำชับรัฐมนตรีเร่งสร้างผลงาน

ต่อมาเวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 นายเศรษฐาเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ เพื่อจัดทำคำแถลงนโยบายของ ครม.ต่อรัฐสภา บรรยากาศก่อนการประชุมเป็นไปอย่างคึกคัก นายเศรษฐากล่าวทักทายต้อนรับรัฐมนตรีทุกคนว่า วันนี้เป็นการประชุม ครม.นัดพิเศษนัดแรก อยากขอชี้แจงแนวทางการทำงานร่วมกัน พูดไปแล้วในหลายเวทีว่าจะเป็นรัฐบาลของประชาชนทุกคนจะทำงานเพื่อประชาชนปฏิบัติเคร่งครัดตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำและปัญหาสังคม รวมถึงปัญหาความแตกแยกทางความคิดทั้งหลาย รัฐบาลจะพยายามทำงานแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ อะไรที่ทำได้ก่อนโดยไม่ติดข้อกฎหมาย ขอให้ทุกท่านรีบทำรีบสร้างผลงานออกมา เพราะประชาชนทุกคนกำลังเดือดร้อนรอคอยการทำงานของรัฐบาล

ลั่นห้ามซื้อขายตำแหน่งเด็ดขาด

นายเศรษฐากล่าวว่า ขอเน้นย้ำเรื่องความโปร่งใสในการทำงาน โดยเฉพาะเรื่องการโยกย้ายข้าราชการเป็นเรื่องที่สำคัญ ขอให้เข้าใจเห็นใจข้าราชการที่ตั้งใจทำงานมาตลอดทั้งชีวิต ต้องการความก้าวหน้าด้านการงานเรื่องซื้อขายตำแหน่งต้องไม่มี ไม่ต้องการให้เอาเปรียบข้าราชการ ขอให้ทุกท่านให้เกียรติข้าราชการ ส่วนการจัดเตรียมงบประมาณประจำปี ขอให้ ครม.ช่วยไปดูกระทรวงในกำกับว่าจะสามารถทำอะไรได้บ้าง ให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่จะมีการแถลงนโยบาย ขอให้ ครม.ตระหนักว่าเป็นรัฐบาลเพื่อประชาชน ขอให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อย่าให้มีการแบ่งแยกพรรรคพวก เป็นรัฐบาลที่ทำงานเพื่อประชาชนจริงๆ

แต่งตั้งโยกย้ายต้องเป็นธรรม

ภายหลังการประชุม นายเศรษฐาแถลงว่า วันนี้เป็นการพบปะพูดคุยรับฟังความเห็น ให้แนวทางวิธีการทำงาน ยึดหลักตามกฎหมาย และความชอบธรรม การจัดสรรงบประมาณดูให้ดีให้เหมาะสม ให้เกียรติข้าราชการเวลาสั่งการที่เป็นห่วงเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายเพราะขณะนี้เป็นฤดูกาลโยกย้ายพอดี ทราบกันดีอยู่ว่าเรื่องพวกนี้มักมีเกิดขึ้นอยู่ตลอด ไม่ใช่แค่ช่วงนี้ไม่ว่ารัฐบาลไหนก็ตาม อยากเน้นย้ำว่าข้าราชการเป็นภาคส่วนที่มีความสำคัญอย่างยิ่งกับการขับเคลื่อนประเทศ เขาทำงานมาตลอดชีวิตก็อยากได้ความก้าวหน้าการปูนบำเหน็จอยากให้เป็นธรรมด้วยผลงาน ไม่ใช่จากการซื้อขายตำแหน่ง เมื่อถามว่าข้าราชการสบายใจได้หรือไม่ว่าจะไม่มีการซื้อขายตำแหน่งเกิดขึ้น นายกฯตอบว่าจะพยายาม ถือเป็นนโยบายหลักเรื่องแรกๆที่พูดไป หวังว่ารัฐมนตรีทุกท่านจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ เพราะครม.เรามีนโยบายดีๆที่จะแถลงต่อรัฐสภา หลายเรื่องเราต้องการการขับเคลื่อนจากภาคข้าราชการเยอะ หากไม่ให้เกียรติเขา หรือไม่ให้ความเป็นธรรมเขา การขับเคลื่อนจะเป็นไปได้ด้วยความลำบาก

นั่ง ปธ.ก.ตร.รอเคาะเก้าอี้ ผบ.ตร.

ผู้สื่อข่าวถามถึงการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ที่มีการเบรกเอาไว้ นายเศรษฐาตอบว่า ไม่แน่ใจว่าใช้คำว่าเบรกถูกต้องหรือเปล่า แต่ตนจะไปนั่งประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เอง กำลังหาวันที่เหมาะสมไปประชุม ก.ตร. เมื่อถามว่าตำแหน่งผบ.ตร.คนใหม่มีชื่ออยู่ในใจหรือยัง นายเศรษฐาตอบว่า ยังครับ ขอเป็นหลังแถลงนโยบาย และที่ห้ามการซื้อขายตำแหน่งไม่ใช่แค่ส่วนของตำรวจ แต่ทุกภาคส่วนราชการ ไม่ได้เจาะจงหรือบอกว่าหน่วยงานไหนมีปัญหามากเป็นพิเศษ โดยจะพิจารณาถึงผลงาน และความอาวุโส เมื่อถามถึงความเป็นอิสระในการทำหน้าที่นายกฯ การเคลื่อนไหวของตระกูลชินวัตรจะส่งผลต่อเสถียรภาพรัฐบาลหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า ขอเวลาบริหารราชการ 3-6 เดือน สื่อค่อยมาถามอีกครั้ง แต่เชื่อว่ามีอิสระทางความคิด ไม่ใช่แค่ครอบครัวชินวัตร ถ้าใครมีข้อมูลดีๆหรือคำแนะนำดีๆที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เราพร้อมรับฟัง

ถึงกับปลื้มถูกสื่อชมว่าไหว้สวย

เมื่อถามว่ารู้สึกกดดันหรือไม่ที่ประชาชนคาดหวังสูง นายเศรษฐาตอบว่า มีความกดดันอยู่แล้ว ปัญหาของพี่น้องประชาชนเป็นเรื่องใหญ่ อาสาเข้ามาทำงานแล้วต้องยอมรับเรื่องพวกนี้ มีความตั้งใจจริง ขอเวลานิดนึง พร้อมเดินออกจากโพเดียมและยกมือไหว้ ผู้สื่อข่าวถามว่านายกฯรู้สึกหรือไม่ว่าตัวเองไหว้สวย นายเศรษฐาถึงกับยิ้มและโค้งตัวรับ เมื่อถามว่าจะเข้ากระทรวงการคลังเมื่อไหร่ นายเศรษฐาตอบว่า ขอดูฤกษ์ดีนิดนึง

ครม.ไฟเขียวร่างแถลงนโยบาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุม ครม.นัดพิเศษมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เสนอร่างคำแถลงนโยบายของ ครม.ต่อรัฐสภา และมอบหมายให้ สลค.ประสาน รวมทั้งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น การจัดพิมพ์ และแจกจ่ายเอกสารคำแถลงนโยบาย กำหนดวันแถลงนโยบายวันที่ 11 ก.ย. และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศแปลเป็นภาษาอังกฤษ นอกจากนี้ ครม.ยังมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) เสนอ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ดำรงตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

“หมอมิ้ง” รับหน้าที่เลขาฯนายกฯ

นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.นัดพิเศษแต่งตั้งตนเป็นเลขาธิการนายกฯตั้งแต่วันนี้ ขณะที่เลขาฯ ในส่วนอื่นจะมีเท่าที่จำเป็น แต่ยังไม่มีการแบ่งงานของรองนายกฯ เมื่อถามว่าเคยเป็นเลขาธิการนายกฯ มาแล้ว กลับมาครั้งนี้ถือว่าไม่มีอะไรน่าหนักใจ นพ.พรหมินทร์ตอบว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือภารกิจใหม่ ความท้าทายใหม่ ไม่ใช่เรื่องง่าย มีปัญหามากมายและเราจะรีบทำงานอย่างรวดเร็ว “ผมกลับมาทำงานในรอบ 17 ปี จริงๆอายุมากแล้วไม่ควรกลับมาแล้ว แต่ถ้าอะไรที่เป็นประโยชน์กับบ้านเมืองและเคยตั้งปณิธานไว้ก็พร้อมทำ”

แจกเงิน 1 หมื่นมั่นใจสำเร็จชัวร์

เมื่อถามว่าเคยทำงานร่วมกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ คิดว่าการทำงานจะแตกต่างกับนายเศรษฐาหรือไม่ นพ.พรหมินทร์ตอบว่า “โอ้โห คล้ายกันเลย ทำงานเร็ว ทำงานเยอะ ผมนี่ยังกลัวจะทำงานไม่ทันท่านเลย” และเตรียมการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาทุกอย่างพร้อมแล้ว เมื่อถามว่าแหล่งเงินที่นำมาทำนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท มีความชัดเจนหรือยัง นพ.พรหมินทร์ตอบว่า คณะทำงานกำลังทำงานอยู่ ขอให้รอดูรายละเอียด รับรองว่าพร้อมแน่นอน เมื่อถามต่อว่าแหล่งเงินในโครงการนี้จะแถลงในสภาอย่างไร นพ.พรหมินทร์ตอบว่า ขณะนี้เตรียมไว้หมดแล้ว คิดว่าเราทำสำเร็จได้แน่นอน

นายกฯลองนั่งเบนซ์กันกระสุน

จากนั้นเวลา 11.10 น. ก่อนที่นายเศรษฐาจะเดินทางไปร่วมงาน “วันต่อต้านคอร์รัปชัน 2566” ที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ กองยานพาหนะทำเนียบรัฐบาลได้นำรถเบนซ์กันกระสุน รุ่น S 600 Guard sedan long ทะเบียน 4 กค 29 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถเบนซ์กันกระสุนรุ่นเดียวกับที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ เคยใช้ มาให้นายเศรษฐาดูและทดลองนั่งทดสอบ เนื่องจากเป็นคนสูงถึง 192 ซม. นายเศรษฐาได้ทดลองนั่งและทดสอบความยาวของเบาะและช่วงขาแสดงความพึงพอใจ แต่วันนี้ยังไม่ได้ใช้ในการปฏิบัติภารกิจ ยังคงใช้รถตู้เลกซัส สีดำ ป้ายแดง ทะเบียน ถ-6506 กรุงเทพมหานคร รถส่วนตัวปฏิบัติภารกิจต่อไป ผู้สื่อข่าวถามว่าทดลองนั่งรถเบนซ์กันกระสุนแล้วเป็นอย่างไรบ้าง นายเศรษฐาตอบว่าทดลองนั่งแล้วสบายดี เมื่อถามย้ำว่าจะใช้รถคันดังกล่าวใช่หรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า “ใช้ครับ ดีครับ ไม่ต้องซื้อใหม่”

รุ่นเดียวกับที่ “บิ๊กตู่” เคยใช้งาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รถ Benz กันกระสุนที่จะใช้เป็นรถประจำตำแหน่งนายกฯคนใหม่ ที่นำมาให้นายเศรษฐาทดลองนั่ง ไม่ใช่คันที่ พล.อ.ประยุทธ์ใช้ประจำขณะดำรงตำแหน่งนายกฯ แต่เป็นรถรุ่นเดียวกับที่ พล.อ.ประยุทธ์เคยใช้บางครั้งเมื่อรถประจำต้องนำไปบำรุงรักษามีทั้งหมด 4 คัน โดยเมื่อปี 2559 สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำสัญญาซื้อรถเบนซ์ รุ่น S 600 Guard sedan long จำนวน 4 คัน จากบริษัท เมอร์เซเดสเบนซ์ จำกัด วงเงิน 78 ล้านบาท ซึ่งเป็นรถกันกระสุนราคาคันละ 19.5 ล้านบาท โดย 2 คันแรกใช้ในการรับรองแขกคนสำคัญของรัฐบาล และอีก 2 คันเป็นรถประจำตำแหน่งนายกฯ โดยคันของ พล.อ.ประยุทธ์ ทะเบียน 4 กต 29 กรุงเทพมหานคร

ACT จี้ผู้นำสั่งทุกหน่วยเปิดข้อมูล

ที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง เป็นประธานเปิดงานวันต่อต้านคอร์รัปชัน 6 ก.ย.2566 ภายใต้หัวข้อ “ดีเดย์ 6 ก.ย.66 รวมพลังคนไทยต่อต้านคอร์รัปชัน ACT ชู 5 ข้อเรียกร้อง” ถือเป็นเวทีแรกของนายเศรษฐาที่ได้กล่าวปาฐกถา มี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ร่วมด้วย มี พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายวิเชียร พงศธร ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย รอให้การต้อนรับ สำหรับ 5 ข้อเรียกร้องประกอบด้วย 1.กำหนดให้การปราบปรามคอร์รัปชันเป็นวาระแห่งชาติ 2.ตั้งคณะกรรมการที่มีตัวแทนทุกภาคส่วน โดยมีนายกฯเป็นประธาน 3.สนับสนุนให้ ป.ป.ช. สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ทำหน้าที่ได้อย่างอิสระ เร่งรัดการออกกฎหมายต่อต้านคอร์รัปชันที่ค้างคาอยู่ ทุกหน่วยงานต้องพร้อมเปิดข้อมูล ตั้งแต่ TOR ไปจนถึงสัญญาต่างๆในรูปแบบที่เชื่อมโยงกับ ACT Ai

บิ๊กข้าราชการต้องโชว์ทรัพย์สิน

นายเศรษฐากล่าวปาฐกถาว่า การปราบปรามทุจริตเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาล เป็นหน้าที่หน่วยงานรัฐต้องสนับสนุน และปฏิบัติตามอย่างไม่มีข้อยกเว้น ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับการรับรู้เรื่องการทุจริตเป็นอันดับ 4 ของอาเซียน ต่ำกว่า สิงคโปร์ มาเลเซีย และเวียดนาม เป็นเรื่องที่เราต้องพัฒนา เพราะเรื่องการทุจริตทำให้นักลงทุนไม่เชื่อมั่น ทำให้เศรษฐกิจถดถอยกระทบจีดีพี รัฐบาลมีนโยบายนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อความโปร่งใสตรวจสอบได้ เพื่อความรวดเร็ว มีหลักนิติธรรม ยึดประโยชน์ประชาชน และจะเร่งปรับปรุงกฎหมายลูกที่สำคัญ รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับการบังคับใช้กฎหมาย และลงโทษที่เด็ดขาด ควบคุมเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงในหลายตำแหน่ง ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินเปิดเผย
ต่อสาธารณชน เพื่อแสดงความโปร่งใส เสริมความแข็งแกร่งและสร้างรากฐานให้สังคมเคารพกฎหมายร่วมกัน และขจัดคอร์รัปชันให้หมดไปจากประเทศ

รับปาก กสศ.ลดเหลื่อมล้ำการศึกษา

ช่วงเย็นที่พรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ให้การต้อนรับคณะกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ที่เข้าพบเพื่อแสดงความยินดี และหารือเกี่ยวกับการทำงานของ กสศ. นำโดยนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานบอร์ด กสศ. นายไกรยส ภัทราวาท ผจก.กสศ. นายประสารกล่าวว่า โจทย์การศึกษาในประเทศมีมาก แบ่งได้ 4 ด้าน คือเรื่องคุณภาพการศึกษา การลดความเหลื่อมล้ำ การช่วยเรื่องความสามารถการแข่งขันและการจัดสรรทรัพยากรด้านการศึกษา เราอยากช่วยเรื่องข้อมูลการวิจัยให้งานมีการบูรณาการมากขึ้น เพื่อเป้าประสงค์สี่ด้าน คือ การเข้าถึงการเรียนรู้ ผลลัพธ์การเรียนรู้ คิดถึงการศึกษาทางเลือก และมีโอกาสหรือไม่ที่จะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษา นายเศรษฐากล่าวว่า ช่วง 2-3 ปีนี้ได้คุยกับนายไกรยสเกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษา เป็นปัญหาที่ตนและเพื่อนในภาคธุรกิจพูดคุยกันตลอด หน่วยงานนี้อยู่ในกำกับสำนักนายกฯ ยังไม่ได้ดูงบฯว่ามีมากน้อยแค่ไหน แต่ยืนยันจะให้การช่วยเหลือและดำเนินการต่อเนื่อง ส่วนข้อเสนอให้ออกสลากการกุศลเพื่อลดความเหลื่อมล้ำอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงการคลัง วันที่ 7 ก.ย. จะเชิญสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเข้ามาหารือ ส่วนที่ออกกองทุนนั้นไม่อยากให้ตั้งเป้าไว้สูง เพราะถ้าตั้งไว้ไม่เยอะก็น่าจะทำได้

“สมศักดิ์” เชิญพระสุโขทัยบูชา

สำหรับความเคลื่อนไหวการเข้ารับตำแหน่งของรัฐมนตรีในกระทรวงต่างๆ อาทิ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล ต่อมานางอนงค์วรรณ เทพสุทิน ภริยา เดินทางมาสมทบได้เชิญพระพุทธรูปเก่าแก่ของจังหวัดสุโขทัย เข้าบูชาที่ห้องทำงานตึกบัญชาการ เพื่อความเป็นสิริมงคล มีรัฐมนตรี และ สส.เพื่อไทย กว่า 30 คนร่วมแสดงความยินดี อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม นายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรและสหกรณ์ นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม บรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น นายสมศักดิ์กล่าวว่า เป็นรัฐมนตรีครั้งที่ 15 ยอมรับว่าเป็นตำแหน่งที่ถูกใจ จะนำประสบการณ์ที่เป็นรัฐมนตรีมาหลายสมัย มาบูรณาการงานเพื่อประชาชน และขอแสดงความยินดีกับ 3 รัฐมนตรีที่เป็นคนรักใคร่กัน

“เสริมศักดิ์” ควงเมียเข้ากระทรวง

ที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม พร้อมนางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช ภรรยา และทีมงาน เข้า วธ.วันแรก มีนางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัด วธ. และคณะผู้บริหารระดับสูง ให้การต้อนรับ นายเสริมศักดิ์ และนางระเบียบรัตน์เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำศูนย์วัฒนธรรม แห่งประเทศไทย บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีสมาชิกพรรคเพื่อไทยมาร่วมแสดงความยินดีล้นหลาม รวมถึง น.ส.สกาวใจ พูนสวัสดิ์ “อ๋อม” ดาราสาวชื่อดัง อดีตผู้สมัคร สส.กทม. พรรคเพื่อไทย ที่คาดว่าจะมาเป็นคณะทำงาน นอกจากนี้มีเครือข่ายทางศิลปวัฒนธรรม ทั้งสมาคมอุปรากรจีนแห่งประเทศไทย สมาคมลิเกแห่งประเทศไทย สมาคมศิลปินพื้นบ้าน รวมถึงเครือข่ายศาสนา มาร่วมมอบดอกไม้แสดงความยินดี

“สุทิน” ฟิน “บิ๊กเหวียง” เมตตา

ที่ Lounge ราชพฤกษ์ เดลิช นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม เข้าพบ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร “บิ๊กเหวียง” อดีต ผบ.ทบ. และอดีต รมว.กลาโหมเพื่อขอคำชี้แนะในการทำงาน โดย พล.อ.เชษฐามอบพระพุทธรูปหลวงพ่อโสธรให้นายสุทินไว้บูชา โดยมี พล.อ.นิพัฒน์ ทองเล็ก อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ว่าที่ผู้ช่วย รมต.กระทรวงกลาโหม ซึ่งเคยเป็นนายทหารฝ่ายเสธ.ของ พล.อ.เชษฐาร่วมหารือด้วย นายสุทินกล่าวว่า มาพบ พล.อ.เชษฐาในฐานะที่ท่านเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของกองทัพได้รับความเมตตาและกำลังใจเป็นอย่างดี ว่าจะสามารถปฏิบัติหน้าที่นี้ได้ความเป็นพลเรือนไม่ใช่อุปสรรคในการเป็น รมว.กลาโหม หากมีใจตั้งมั่นและทำความเข้าใจกองทัพ ด้วยหลักการให้เกียรติซึ่งกันและกัน รวมทั้งแสดงเจตนาอย่างชัดเจนว่าจะเข้ามาทำประโยชน์ให้กองทัพ ไม่ใช่เพื่อแสวงหาผลประโยชน์

สธ.มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิต

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข กล่าวว่านโยบายที่จะใช้ขับเคลื่อนงานกระทรวงสาธารณสุข คือยกระดับนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคขึ้นมา เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการมากขึ้น ใช้บัตรประชาชนสามารถเข้ารักษาได้ทุกที่เป็นการครอบคลุมเรื่องของคุณภาพและประสิทธิภาพ ถ้าระบบสมบูรณ์จะสามารถใช้ได้ทุกที่ เมื่อถามว่าระบบดังกล่าวจะใช้เวลานานหรือไม่ นพ.ชลน่านตอบว่า ต้องใช้เวลาในการพัฒนา

“หนู” ยังไม่แบ่งงานมหาดไทย

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย กล่าวว่า จะเข้ากระทรวงมหาดไทยในวันที่ 7 ก.ย.วันแรก ทุกนโยบายเร่งด่วนหมดเตรียมการทำงานกับเพื่อนข้าราชการมหาดไทยไว้หมดแล้ว ส่วนการแบ่งงานในกระทรวงจะทำหลังการแถลงนโยบาย ผู้สื่อข่าวถามว่าจะกำกับ กทม.ด้วยหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า รัฐมนตรีว่าการกำกับทุกหน่วยงานอยู่แล้ว รัฐมนตรีช่วยก็มาช่วยกำกับ เมื่อถามว่าส่วนรถไฟฟ้าสายสีเขียวจะเข้ามาดูแลเองหรือไม่ นายอนุทินตอบว่าต้องดูทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงมหาดไทย

“ทรงศักดิ์” บ่นอุบควรได้มากกว่านี้

นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีถูกจับตาโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่อยู่ในความรับผิดชอบของ กทม. จะพิจารณาต่ออย่างไรว่า ต้องพิจารณาข้อมูลก่อน ครั้งที่แล้วไม่ได้ดูในส่วนนี้ เมื่อถามว่าคณะรัฐมนตรีชุดนี้จะมีเอกภาพขึ้นหรือไม่ นายทรงศักดิ์ตอบว่า เป็นไปตามสัดส่วนของแต่ละพรรค พรรคเราไม่ถือว่ามากอะไร ความจริงเราควรได้มากกว่านี้ด้วยซ้ำ เมื่อถามว่ากระทรวงมหาดไทยยุคนี้จะเป็นมิติใหม่หรือไม่ หลังจากเคยนั่งกระทรวงมหาดไทยมาแล้ว นายทรงศักดิ์ตอบว่ากระทรวงมหาดไทยเป็นกระทรวงใหญ่ มีรัฐมนตรีช่วยหลายคน เป็นเรื่องดีช่วยกันแบ่งเบางาน เพราะงานบำบัดทุกข์บำรุงสุขเป็นงานที่ต้องการความรวดเร็ว เพราะประชาชนรออยู่ เราจะลงไปถึงบ้านประชาชน

“ผู้กอง” ดันนโยบายเร่งด่วน 100 วัน

ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายไชยา พรหมา นายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรและสหกรณ์ เข้ากระทรวงเป็นวันแรกเพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง ศาลพระภูมิชัยมงคล ศาลท้าวเวสสุวรรณ ศาลตา-ยาย และองค์พระพิรุณทรงนาค จากนั้น ร.อ.ธรรมนัสให้สัมภาษณ์ว่า การแบ่งงานของ รมช.เกษตรฯ จะทำหลังการแถลงนโยบายรัฐบาล ขอฝากถึงเกษตรกรทั่วประเทศว่ามีความตั้งใจช่วยเหลือ และยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรไทย ให้อยู่ดีกินดีอย่างยั่งยืน นโยบายเร่งด่วนต้องมีความชัดเจนและเห็นผลภายใน 100 วัน

“ชัย วัชรงค์” ติดโผโฆษกรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า ตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่ถูกจับตามองหลังปรากฏชื่อหลายคน ทั้งนายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ รองเลขาธิการพรรค พท.นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ อดีต สส.กทม. และนายธีรัตถ์ รัตนเสวี อดีตโฆษกประจำสำนักนายกฯ ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต่อมานายธีรัตถ์โพสต์เฟซบุ๊กปฏิเสธระบุว่า ไม่รู้เรื่อง ไม่มีการทาบทามใดๆ ส่วนนายดนุพรมีรายงานข่าวว่าต้องการทำหน้าที่ สส. ล่าสุดมีชื่อนายชัย วัชรงค์ นายสัตวแพทย์ และนักวิชาการด้านการเกษตร เป็นอีกหนึ่งแคนดิเดต นายชัยให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า ก่อนหน้านี้แกนนำพรรค พท.ทาบทามให้ดำรงตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกฯจริง เนื่องจากอยู่ในทีมเศรษฐกิจของพรรคมาตั้งแต่ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง จึงมีโอกาสพูดคุยได้สัมผัสกับคนในพรรคและนายกฯ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนหรือได้ข้อสรุป เท่าที่ทราบพรรค พท.มีการพิจารณาบุคลากรที่เหมาะสมอยู่หลายราย หากมีโอกาสได้ทำหน้าที่นี้จริงคงต้องพูดคุยหารือกับนายกฯอีกครั้ง

เปิดนโยบายรัฐเร่งแจกเงิน 1 หมื่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้มีเอกสารคำแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ จะใช้อ่านแถลงต่อที่ประชุมรัฐสภา ในวันที่ 11 ก.ย. หลุดออกมาเผยแพร่ในโลกโซเชียล มีสาระสำคัญคือ การแบ่งกรอบการทำงานของรัฐบาลเป็นระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ทั้งวิธีกระตุ้นเศรษฐกิจ กระตุ้นการใช้จ่ายด้วยนโยบายเติมเงิน 1 หมื่นบาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ใส่เงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจอย่างทั่วถึง ให้หมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจฐานราก โดยรัฐบาลจะได้รับผลตอบแทนคืนมาในรูปแบบภาษี เป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลให้ประเทศ เตรียมความพร้อมประเทศเข้าสู่เศรษฐกิจสมัยใหม่

ลุยพักหนี้-ลดราคาพลังงาน

นอกจากนี้ยังระบุถึงนโยบายเร่งด่วนเพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจ 4 นโยบาย ได้แก่ 1.แก้ปัญหาหนี้สินภาคเกษตร ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน ด้วยการพักหนี้เกษตรกร ตามเงื่อนไขและคุณสมบัติที่เหมาะสม รวมถึงมาตรการช่วยประคองภาระหนี้สินและต้นทุนการเงิน สำหรับภาคประชาชน ครอบคลุมถึงผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ให้มีโอกาสฟื้นตัวอีกครั้ง 2.ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานแก่ประชาชน รัฐบาลจะสนับสนุนจัดการราคาพลังงาน ทั้งค่าไฟฟ้า ก๊าซหุงต้มน้ำมันเชื้อเพลิง ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมทันที และปรับเปลี่ยนโครงสร้างการใช้พลังงาน ส่งเสริมการผลิตและการใช้พลังงานสะอาด พลังงานหมุนเวียน เร่งเจรจาการใช้พลังงานในพื้นที่อ้างสิทธิกับประเทศข้างเคียง และสำรวจแหล่งพลังงานเพิ่มเติม 3.ผลักดันสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น เพื่อสร้างงานให้ประชาชนจำนวนมาก ปรับปรุงขั้นตอนการขอวีซ่า ยกเว้นเก็บค่าธรรมเนียมวีซ่าสำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศเป้าหมาย การจัดทำฟาสแทร็กวีซ่า

แก้ รธน.เน้นเพิ่มความเป็น ปชต.

4.การแก้ปัญหาความเห็นแตกต่างเรื่องรัฐธรรมนูญ ให้คนไทยมีรัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น โดยยึดรูปแบบการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่แก้ไขในหมวดพระมหากษัตริย์ จะหารือแนวทางการทำประชามติที่ให้ประชาชนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมออกแบบกติกาที่เป็นประชาธิปไตยทันสมัย เป็นที่ยอมรับร่วมกัน รวมถึงหารือแนวทางการจัดทำรัฐธรรมนูญในรัฐสภา

ใช้การทูตเปิดตลาดการค้าใหม่

สำหรับนโยบายระยะกลางและระยะยาว รัฐบาลมีแนวทางสร้างรายได้ โดยการใช้การทูตเศรษฐกิจเชิงรุก เปิดประตูการค้าสู่ตลาดใหม่ๆ อาทิ กลุ่มสหภาพยุโรป กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง อินเดีย แอฟริกา อเมริกาใต้ รวมถึงให้ความสำคัญกับตลาดเดิมที่รวมถึงประเทศบ้านใกล้เรือนเคียง เร่งเจรจากรอบความร่วมมือทางการค้าระหว่างประเทศ (FTA) ปรับปรุงกระบวนการพิจารณาอนุมัติโครงการลงทุนผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) รวมถึงส่งเสริมพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ อาทิ การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล อุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง อุตสาหกรรมสีเขียว รวมถึงพัฒนาต่อยอดเขตเศรษฐกิจพิเศษ และระเบียงเศรษฐกิจทั้ง 4 ภาค ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

เกณฑ์ทหารใช้ระบบสมัครใจ

ขณะเดียวกันรัฐบาลยังมีนโยบายปลดล็อกกฎระเบียบข้อบังคับที่เป็นข้อจำกัดของประชาชน อาทิ ยกเลิกและปรับปรุงกฎหมายที่ไม่จำเป็น เช่น การปลดล็อกกฎระเบียบเกี่ยวกับสุราพื้นบ้าน และรัฐบาลจะใช้การบริหารรูปแบบการกระจายอำนาจ (ผู้ว่าฯซีอีโอ) สร้างประสิทธิภาพการบริหารงานแต่ละจังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ตอบสนองความต้องการของประชาชน มีนโยบายสนับสนุนการสร้างพลังสร้างสรรค์ (Solf Power) ของประเทศ สร้างมูลค่าและสร้างรายได้ นอกจากนี้รัฐบาลจะร่วมพัฒนากองทัพให้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาศักยภาพประเทศ เปลี่ยนรูปแบบเกณฑ์ทหารเป็นแบบสมัครใจ ปรับปรุงการฝึกนักศึกษาวิชาทหารหน่วยบัญชาการรักษาดินแดนให้เป็นแบบสร้างสรรค์ ลดกำลังพลนายทหารชั้นสัญญาบัตรระดับสูง และกำหนดอัตรากำลังในกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ให้สอดคล้องบทบาทภารกิจปัจจุบัน และอนาคต ปรับปรุงกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างหน่วยงานในสังกัดกระทรวงกลาโหม ให้ทันสมัย โปร่งใส ตรวจสอบได้ และการนำพื้นที่หน่วยทหารที่เกินความจำเป็นมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน

ยึดหลักซื่อสัตย์บริหารประเทศ

ส่วนการบริหารค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินนโยบายรัฐนั้น รัฐบาลจะดำเนินการอย่างมีเป้าหมาย ทั้งในด้านการเจริญเติบโต การลดความเหลื่อมล้ำ การรักษาเสถียรภาพ ให้ความสำคัญกับกรอบวินัยการเงินการคลังของประเทศอย่างเคร่งครัด จะใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพเหมาะสม เพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีควบคู่ไปกับการเร่งส่งเสริมการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว ท้ายที่สุดรัฐบาลขอให้ความเชื่อมั่นแก่ประชาชนว่าจะบริหารราชการแผ่นดินด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ยึดประโยชน์ส่วนรวมของประชาชนและประเทศเป็นที่ตั้ง เพื่อให้ประเทศก้าวไปข้างหน้า ประชาชนมีความเป็นอยู่ดี มีรายได้เพิ่มขึ้น ส่งต่ออนาคตที่ดีกว่าให้ลูกหลาน

ก.ก.กระทุ้งงานแรกแหกกฎทันที

วันเดียวกัน น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ถึงโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทของรัฐบาลจะดำเนินการผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังว่า ใช้เป๋าตังทำได้เร็วกว่า เหมาะกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ถ้าจะยืมเงินรัฐวิสาหกิจ 5 แสนล้านบาท กรอบวินัยการเงินการคลังตามกฎหมายให้ยืมได้แค่ 32% ของงบ (1.1 ล้านล้านบาท) และตอนนี้เกือบเต็มแล้ว ต้องขยายเพดานเป็น 45% ของงบประมาณ ประเดิมงานแรกของนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐด้วยการทลายกรอบวินัยการเงินการคลัง โครงการที่กู้ยืมเงินรัฐวิสาหกิจยังมีปัญหาอีกอย่าง คือไม่อยู่ในงบประมาณ เท่ากับไม่ต้องผ่านสภาฯ ไม่ต้องโดนสภาตรวจสอบตอนอนุมัติงบฯ

“ไอติม” ชี้กองทัพไม่ควรอยู่เหนือ รบ.

อีกเรื่อง นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. แถลงถึงทางเลือกเกี่ยวกับนโยบายยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหารว่า แต่ละปีมีคนไม่อยากเป็นทหารถูกบังคับเป็นทหารผ่านกระบวนการจับใบดำ-ใบแดงปีละห้าหมื่นถึงหกหมื่นคน มีราคาต้องจ่าย อาทิ ด้านเสรีภาพ โอกาสด้านการงาน โครงสร้างเศรษฐกิจ ตลาดแรงงาน โดยยุทธศาสตร์ยกเลิกการเกณฑ์ทหารมี 2 วิธี 1.เลิกแบบต้องลุ้นปีต่อปีหรือค่อยลดๆเพื่อหวังเลิกโดยไม่แก้กฎหมาย 2.เลิกแบบการันตีไม่มีเกณฑ์ แก้ พ.ร.บ.รับราชการทหาร 2497 ตัดอำนาจกองทัพบังคับคนมาเป็นทหารในยามที่ไม่มีสงคราม รอดูความชัดเจนหลังการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา หวังว่าจะให้ความชัดเจนตัวเลข กรอบเวลา เป้าลดจำนวนคนถูกเกณฑ์ เป้าให้เลิกการเกณฑ์ได้ทั้งหมดภายในปีไหน นโยบายยกเลิกเกณฑ์ทหารที่ปรากฏในเอกสารคำแถลงนโยบายของรัฐบาลที่หลุดออกมาตามสื่อโซเชียลนั้น เห็นมีประโยคสั้นๆว่า เปลี่ยนจากรูปแบบการเกณฑ์เป็นระบบสมัครใจ ตนไม่อยากด่วนสรุป แต่กรณีนายกฯใช้คำว่า พัฒนาร่วมกันแทน คำว่าปฏิรูปกองทัพว่า คำว่าปฏิรูปไม่ได้มีความหมายเชิงลบ หมายถึงการทำให้องค์กรดีขึ้น ไม่ควรสร้างบรรทัดฐานให้คนเกรงกลัวคำว่าปฏิรูป ที่ผ่านมายังมีข้อกฎหมาย เช่น พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ขัดกับหลักการ ที่รัฐบาลพลเรือนควรอยู่เหนือกองทัพ

สว.พุ่งเป้าเขย่าแจกเงินหมื่น

ที่รัฐสภา มีการประชุมวิปวุฒิสภา มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อกำหนดกรอบการอภิปรายการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาในวันที่ 11-12 ก.ย.หลังการประชุม นายคำนูณ สิทธิสมาน สว.โฆษกวิปวุฒิสภา กล่าวว่า เรื่องกรอบเวลาอภิปรายของฝ่ายต่างๆจะหารือวิป 3 ฝ่ายในวันที่ 7 ก.ย.ทั้งนี้คาดว่าแต่ละวันคงไม่เลิกตี 2 ตี 3 เหมือนปี 62 อยากให้เลิกประชุมเวลา 21.00 น. บวกลบ และอยากให้สว.ได้คนละไม่ต่ำกว่า 10 นาที ประเด็นที่ สว.จะเน้นเป็นพิเศษคือ นโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่ยังมีข้อสงสัยหลายแง่มุม รวมถึงการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่

“วันชัย” ทักยุค “มนต์รักสีชมพู”

นายวันชัย สอนศิริ สว. เลขานุการวิปวุฒิสภา กล่าวว่า คำแถลงนโยบายรัฐบาลชุดนี้ต่างจากนโยบายรัฐบาลชุดที่แล้ว กระชับสั้นเอาเนื้อหานโยบายทุกพรรคมาใส่ไว้ ไม่เขียนผูกมัดชัดเจนเกินไป พร้อมยืดหยุ่นปรับตัวให้เข้าสถานการณ์เพื่อให้ซักถามชี้แจงกันในที่ประชุม แต่เชื่อว่าปลายปีนี้บ้านเมืองจะเกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่ เป็นความศิวิไลซ์ ประเทศจะเกิดความรัก ความปรองดอง ใครที่ติดหล่มเก่าๆดูแต่หนัง “แผลเก่า” ต้องเลิกดู ต้องหันมาดูหนัง “มนต์รักสีชมพู” ที่มีผู้อำนวยการสร้าง ผู้แสดง ผู้กำกับหลายคน เพื่อเปลี่ยนแปลงใหญ่ เป็นความหวังใหม่ นายเศรษฐามา ดวงดาวยังต้องย้ายหนี ราหูต้องไป ยุค คสช.จบไปตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค.แล้ว ใครถามเรื่องรัฐประหารถือว่าตกยุค ถ้าจะเกิดแสดงว่า รัฐบาลชุดนี้ทำให้เกิดขึ้นเอง เพราะบริหารไม่ดี โกงกิน ทุจริต สร้างความแตกแยก เช่นนั้นไม่ต้องปฏิวัติ ประชาชนจะลุกไล่เอง

“ประเสริฐ” จับเข่าถก “พีมูฟ”

ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาลขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) นำโดยนายจํานงค์ หนูพันธ์ ประธานพีมูฟ ยื่นข้อเรียกร้องถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ แก้ปัญหาสิทธิชุมชนสิทธิในที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินของคนฐานราก ทั้งในเมืองและชนบท สิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์ มีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เดินออกไปพบกลุ่มพีมูฟเพื่อรับฟังข้อเรียกร้อง นายประเสริฐกล่าวว่า ได้รับมอบหมายให้มารับเรื่อง จะรับเรื่องและประสานงานเพื่อหาทางแก้ไข นำเรียนนายกฯต่อไป

ตำรวจค้นบ้านหาตัว “อิทธิพล”

หลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 มีคำสั่งออกหมายจับนายอิทธิพล คุณปลื้ม อดีต รมว.วัฒนธรรม ตามคำร้องที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นเรื่องขอออกหมายจับคดีออกใบอนุญาตสร้างและต่อใบอนุญาตโครงการก่อสร้างโครงการวอเตอร์ ฟร้อนท์ สวีท แอนด์เรสซิเดนซ์ ที่เชิงเขาพระตำหนัก เมืองพัทยา จ.ชลบุรี โดยมิชอบไปในวันที่ 5 ก.ย. เมื่อครั้งเป็นนายกเมืองพัทยา เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 6 ก.ย. พ.ต.อ.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ รรท.ผบก.ปปป. พ.ต.อ.สมบัติ มาลัย ผกก.2 บก.ปปป. พ.ต.อ.เกรียงไกร ขวัญไตรรัตน์ ผกก. (สอบสวน) บก.ปปป.นำกำลังตำรวจ บก.ปปป.พร้อมหมายค้นศาลจังหวัดชลบุรี เข้าตรวจค้นบ้าน 2 หลังใน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เพื่อตามหาตัวนายอิทธิพล พ.ต.อ.ประสงค์เปิดเผยว่า หลังศาลออกหมายจับ 3 ผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ได้ประสานเรื่องดังกล่าวมาที่ บก.ปปป.เพื่อขอให้ช่วยติดตามจับนายอิทธิพล และพวกเนื่องจากคดีจะหมดอายุความในวันที่ 10 ก.ย. หลังรับการประสานได้จัดกำลังลงพื้นที่ จ.ชลบุรี เข้าตรวจค้นบ้านของนายอิทธิพล ตามหาตัวทันที จากการตรวจค้นไม่พบตัวผู้ต้องหาตามหมายจับแต่อย่างใด

ชิงเผ่นหนีคดีตั้งแต่ปลาย ส.ค.

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้ทั้งสิ้น 3 ราย ประกอบด้วย นายอิทธิพล นายพิเชษฐ อุทัยวัฒนานนท์ และนายวิทยา ศิรินทร์วรชัย ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตาม ป.อาญา มาตรา 157 หลังมีกระแสข่าวจะถูกเจ้าหน้าที่ขอศาลออกหมายจับในช่วงต้นเดือน ก.ย.นายอิทธิพลได้ชิงเดินทางออกนอกประเทศไปก่อน โดยขึ้นเครื่องบินสายการบินกัมพูชา แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ KR 702 จากสนามบินสุวรรณภูมิ ปลายทางกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 30 ส.ค. เวลา 10.16 น.

ป.ป.ช.แจงฟันอดีตนายกพัทยา

ขณะที่นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. แถลงว่า ที่ประชุม ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดนายอิทธิพล คุณปลื้ม เมื่อครั้งเป็นนายกเมืองพัทยา กับพวก ออกใบอนุญาตและต่อใบอนุญาตโครงการก่อสร้างโครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ สวีท แอนด์เรสซิเดนซ์ ที่เชิงเขาพระตำหนัก เมืองพัทยา จ.ชลบุรี โดยมิชอบด้วยกฎหมาย จากการไต่สวนพบว่า บริษัท บาลี ฮาย จำกัด เป็นผู้ยื่นคำขอก่อสร้าง ปัจจุบันคือโครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ คอนโดมิเนียม พัทยา ไทยแลนด์ เมื่อวันที่ 1 พ.ค.51 อาคารดังกล่าวออกแบบแปลนไม่ถูกต้องตามกฎกระทรวง และ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร แต่นายอิทธิพลกับพวกร่วมออกใบอนุญาตลงวันที่ 10 ก.ย.51 อีกทั้งบริษัทยังยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตก่อสร้างครั้งที่ 2 วันที่ 1 ก.ย.55 มีนายวุฒิศักดิ์ เริ่มกิจการ รองนายกเมืองพัทยา รักษาราชการแทนนายกเมืองพัทยากับพวก ออกคำสั่งต่ออายุใบอนุญาตโดยไม่ชอบด้วยกฎกระทรวง การกระทำของนายอิทธิพลมีมูลความผิดทางอาญา ตาม ป.อาญามาตรา 157 ให้ส่งสำนวนการไต่สวนไปยังอัยการสูงสุดดำเนินคดีอาญาในศาลต่อไป

เชือด “เจริญ” โกงงบสภาฯปี 55

นายนิวัติไชยกล่าวว่า ป.ป.ช.ยังมีมติชี้มูลความผิดนายเจริญ จรรย์โกมล อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร กับพวก ทุจริตโครงการเสริมสร้างและเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจทางการเมืองการปกครอง จากการไต่สวนพบว่านายเจริญเมื่อครั้งเป็นรองประธานสภาฯ ปี 55 ใช้สถานะ สส.ก้าวก่ายการปฏิบัติราชการในหน้าที่ของข้าราชการ เพื่อประโยชน์ตนเอง โดยออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการ ใช้อำนาจทุจริตร่วมกับเจ้าหน้าที่กลุ่มงานรองประธานสภาฯ จัดโครงการสัมมนาในพื้นที่ฐานเสียงของตน และทุจริตจัดทำเอกสารโครงการเท็จเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในโครงการ ทั้งที่เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบโครงการไม่ได้เดินทางไปร่วมโครงการดังกล่าว มีมูลความผิดทางอาญา ตาม ป.อาญา มาตรา 147 มาตรา 151 มาตรา 157

ชี้ 2 อดีตผู้ว่าฯทุจริตงบฉุกเฉิน

นายนิวัติไชยกล่าวอีกว่า ป.ป.ช.ยังชี้มูลความผิดนายชาญวิทย์ วสยางกูร เมื่อครั้งเป็น ผวจ.มุกดาหาร กับพวก ออกประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ด้านพืช) โดยมิชอบ ทุจริตใช้จ่ายเงินทดรองราชการ งบปี 53-55 วงเงิน 165,467,260 บาท และงบปี 54-55 จำนวน 11 ครั้ง วงเงิน 114,366,250 บาท โดยมิชอบ ตาม ป.อาญา มาตรา 157 ขณะเดียวกันมีมติชี้มูลความผิดนายสุรพล สายพันธ์ เมื่อครั้งเป็น ผวจ.อุบลราชธานี ทุจริตเงินทดรองราชการ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ด้านพืช) อ.เมืองอุบลราชธานี ระหว่างงบปี 53-55 จำนวน 21 ครั้ง ในจำนวน 7 ครั้ง เป็นการประกาศเขตภัยพิบัติโดยมิชอบรวม 539,245,050 บาท ตามป.อาญา มาตรา 157

เหยื่อเมาแล้วขับยื่นข้อเรียกร้อง

อีกเรื่องที่ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ นำโดยนายประศม สุขแสวง ประธานเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ ยื่นหนังสือถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ มีนายชรินทร์ รุ่งธนเกียรติ ทีมงานนายกฯเป็นผู้แทนรับเรื่อง โดยเหยื่อเมาแล้วขับยื่นข้อเสนอลดความสูญเสียทางถนนกำหนดเป็นนโยบายของรัฐบาล อาทิ ขอให้แก้กฎหมายกำหนดให้ผู้แจ้งเบาะแสการกระทำผิดจราจร ได้รับส่วนแบ่งค่าปรับร้อยละ 50 เป็นแรงจูงใจจัดการคนที่ไม่เคารพกฎจราจรจนสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน แก้ไขกฎหมายกำหนดโทษร้านค้า สถานประกอบการ หรือบุคคลที่มีส่วนสนับสนุนไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับรถจนเสียชีวิตต้องมีความผิดทั้งอาญาและแพ่ง ให้รัฐบาลกำหนดนโยบายสนับสนุนการให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ติดกล้องหน้ารถให้กับรถที่ผลิตใหม่ทุกคัน เพื่อนำเทคโนโลยีที่ทันสมัย เข้ามาช่วยสอดส่องผู้ขับขี่รถที่ไม่เคารพกฎจราจร

{Fullwidth}
แสดงความคิดเห็น (0)
ใหม่กว่า เก่ากว่า

สื่อโฆษณา

ไทยฟูลนิวส์
"ร้านตัดผ้าวราภรณ์ รับตัดเย็บเสื้อผ้าสตรี ชุดแบบฟอร์ม ชุดทำงาน ชุดไทย และจำหน่ายอุปกรณ์ประเภท ซิบ กระดุม ด้าย อื่นๆอีกมากมาย ยังจำหน่าย กรอบรูป ขายปลีกและส่งและยังบริการรับถ่ายรูปด่วน ขยายรูป ล้างรูป รับทำนามบัตร เคลือบบัตร ปริ้นงาน เข้าเล่ม สันเกียว สันกาว ถ่ายเอกสาร สีและขาวดำ ขนาดไซต์กระดาษตั้ง แต่ A4-F14-B4-A3 และยังบริการ ย่อ ขยายเอกสารฯลฯรับถ่ายทำ วีดีโอ ในและนอกสถานที่ราคาเป็นกันเอง ร้านตัดผ้าวราภรณ์อยู่ตรงข้าม โรงเรียนอนุบาลบ้านผือพิทยาภูมิถนนชนบทบำรุงอำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ร้านตัดผ้าวราภรณ์ เปิด ปิดเวลา 06.00-18.00น. ทางร้านเปิดให้บริการทุกวัน ติดต่ดสอบถามโทร 0806299771-สนใตลงสื่อโฆษณา0612301227 email hs3ghd15.s@gmail.comแฟกช์ 042282304.