“เศรษฐา” เร่งสปีดปั่นผลงานล่วงหน้า อ้อมแอ้มก้าวไกลทวง ครม.นัดแรกมีเรื่องแก้ รธน.หรือไม่ บอกไม่ได้มีเรื่องเดียวต้องทำเร่งด่วน ทั้งลดค่าไฟ-น้ำมันดีเซล พร้อมพักหนี้เกษตรกร ควงทีมว่าที่รัฐมนตรีทัวร์รถไฟใต้ดิน เตรียมขยับลดค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย การันตีไตรมาสแรกปี 2567 แจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทได้แน่นอน ขอความเป็นธรรมให้ รมต.มีตำหนิ รอฟังกฤษฎีกาชี้ชัดคุณสมบัติ “พิชิต” “บิ๊กตู่” ถือฤกษ์ดีบ่ายสอง 31 ส.ค. อำลา 9 ปีในทำเนียบฯ หวังรัฐบาลใหม่นำพาประเทศเดินหน้า “พีระพันธุ์-ธนกร” กอดร่ำลาน้ำตาคลอ “บิ๊กป้อม” จ่อไขก๊อกทิ้ง สส.ขอลุยทำพรรค พปชร. บอกบ้านป่ารอยต่อปิดแล้ว เหลือแค่มูลนิธิฯ งามหน้าสภาฯไทยประเดิมล่มครั้งแรก “โตโต้” เปิดเกมนับองค์ประชุม สส.รัฐบาลเฉ่ง ก.ก.ถอนแค้นเล่นเกมป่วน แบ่งเค้ก กมธ.ลงตัว พท.-ก.ก.ได้ประธาน 10 คณะเท่ากัน
รัฐบาล “เศรษฐา 1” ภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 เร่งเตรียมพร้อมขับเคลื่อนนโยบาย ก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ โดยนายกฯระบุการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรกมีหลายเรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการทั้งการลดราคาค่าไฟฟ้าและน้ำมันดีเซล รวมทั้งการพักหนี้เกษตรกร
“เศรษฐา” ขอความเป็นธรรมให้ รมต.มีตำหนิ
เมื่อเวลา 08.45 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการตรวจสอบคุณสมบัติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เข้าใจว่าวันที่ 1 ก.ย. น่าจะแล้วเสร็จและหวังว่าจะสามารถนำขึ้นทูลเกล้าฯได้เลย เมื่อถามถึงคุณสมบัตินายพิชิต ชื่นบาน ว่าที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯที่แม้อาจไม่ขัดต่อคุณสมบัติ แต่อาจจะมีการร้องเรียนเกี่ยวกับจริยธรรมว่า เรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับว่าที่รัฐมนตรีทุกคน หากไม่ผิดข้อบทกฎหมาย และตรวจสอบคุณสมบัติผ่านแล้วถือว่าไม่ผิดจริยธรรม
รอกฤษฎีกาชี้ขาดคุณสมบัติ “พิชิต”
เมื่อถามว่ามีคนมองว่าเรื่องจริยธรรมนายกฯต้องช่วยพิจารณาความเหมาะสมด้วย นายเศรษฐากล่าวว่า ตอนนี้กำลังขอความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่จะมีความเห็นออกมาในวันที่ 1 ก.ย. หากมีความเห็นว่าคุณสมบัติสามารถผ่าน หวังว่าจะเป็นที่สิ้นสุด เมื่อถามว่าเป็นห่วงหรือไม่ว่าหากรายชื่อออกมา สังคมจะเคลื่อนไหวคัดค้านภายหลัง นายเศรษฐากล่าวว่า เชื่อว่าเรื่องนี้ไม่มีใครถูกใจทั้งหมดกับทุกท่านที่สรรหาเข้ามา แต่ต้องให้เกียรติพรรคร่วมรัฐบาลและว่าที่รัฐมนตรีทุกท่าน ที่จะอาสาเข้ามาช่วยเหลือประเทศชาติ ขอให้รอดูและวัดกันที่ผลงานดีกว่า คาดว่าผลการพิจารณาของกฤษฎีกาจะออกมาในวันที่ 1 ก.ย.
ครม.นัดแรกไม่แค่รื้อ รธน. มีพักหนี้
เมื่อถามถึงกรณีพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ตั้งคำถามว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะอยู่ในการประชุมครม.นัดแรกหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องนี้เรื่องเดียว คงมีอะไรหลายเรื่อง เช่น การพักหนี้เกษตรกร ขอให้อดใจรอนิดหนึ่ง เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 31 ส.ค.เจอกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) หารือเรื่องการพักหนี้ ว่าที่ รมช.คลัง จะมาพูดคุยด้วยว่าขั้นตอนจะดำเนินการได้ทันทีหรือไม่ เพราะประชาชนเดือดร้อนหนี้สินจำนวนมาก เมื่อถามว่าประชาชนอยากทราบว่าตัวเลขลดราคาพลังงานจะมากน้อยแค่ไหน นายเศรษฐากล่าวว่า ขอทำตัวเลขนิดหนึ่ง เมื่อวันที่ 30 ส.ค. นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ มาให้ข้อมูลมีแนวทางชัดเจนแล้ว แต่ขอดูตัวเลขอีกนิดว่าตรงไหนเหมาะสม ต้องปรึกษากระทรวงการคลังด้วยเรื่องงบฯต่างๆ อย่าให้พูดไปก่อน คิดว่าตัวเลขค่าพลังงานจะไม่มีปัญหาหากประกาศลดในครั้งแรกที่ประชุมครม.นัดแรกเลย ส่วนการพูดคุยกับสายการบิน ได้ขอบคุณผู้ให้บริการสายการบินที่ตอบรับขยายเที่ยวบิน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ใช่แค่ที่ จ.ภูเก็ต ผวจ.เชียงใหม่ได้เข้ามาพูดคุย ได้ให้คำแนะนำไปว่าต้องดูทุกภาคส่วนด้วย
รับฟังความเห็นต่างแต่ขอติเพื่อก่อ
นายเศรษฐากล่าวอีกว่า ส่วนการลงพื้นที่ตลาด เมืองไทยภัทรช่วงบ่ายวันที่ 31 ส.ค. ได้ลงพื้นที่ไปรับฟังปัญหาสินค้าราคาแพง เมื่อถามว่าการลงพื้นที่พบปะประชาชน กลัวว่าจะเจอมวลชนที่คัดค้านหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า เป็นธรรมดาเมื่ออาสามาทำงาน การเมือง เรื่องเหล่านี้เราต้องรับฟัง มีทั้งคนติมีทั้งคนชม มีทั้งคำแนะนำ อยากให้เป็นการติเพื่อก่อเพิ่งเข้ามาตั้งใจจริงที่จะรับฟังปัญหาที่ประชาชนประสบจริงๆ อะไรที่แก้ไขได้จะรีบทำด่วน จึงบอกว่าในการประชุม ครม.นัดแรกมีหลายเรื่องที่ต้องทำ จะโทร.หาหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ด้วย การแถลงนโยบายก็สำคัญ หลังถวายสัตย์ฯเสร็จจะแถลงนโยบาย แผนกนโยบายกำลังรวบรวมนโยบายจากพรรคต่างๆ ขอให้รอดูอีกนิด ใกล้เคียงเกือบจะ100% แล้ว มีเวลาอีก 1 สัปดาห์น่าจะจบได้ เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย (สร.)วิจารณ์การจัด ครม.ด้วยถ้อยคำรุนแรง นายเศรษฐากล่าวเพียงสั้นๆว่า “ก็น้อมรับฟังครับ ไม่มีอะไรจะไปตอบโต้ครับ”

“นายกฯนิด” นำทีมทัวร์รถไฟใต้ดิน
เมื่อเวลา 12.00 น.ที่พรรคเพื่อไทย (พท.)นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ พรรค พท. ว่าที่ รมช.คลัง นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ว่าที่ รมต.ประจำสำนักนายกฯเดินเท้าออกจากพรรค พท.ไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินเอ็มอาร์ที สถานีเพชรบุรี ไปยังตลาดเมืองไทยภัทร แยกสุทธิสาร ระหว่างนั้นนายเศรษฐาแวะทักทายพ่อค้าแม่ค้า สอบถามราคาไข่ไก่ น้ำมันพืช แก๊สหุงต้ม โดยนายเศรษฐารับปากว่า หลังถวายสัตย์ฯจะรีบแก้ไขปัญหาโดยเร็ว จากนั้นนายเศรษฐาแลกเหรียญโดยสาร ยืนต่อแถวตามคิวปกติ มีนายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) รอบรรยายสรุปอยู่บนรถไฟฟ้า เมื่อโดยสารไปถึงสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสุทธิสาร มีประชาชนมารอต้อนรับ ถือป้ายรูปนายเศรษฐาข้อความ “นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีของคนไทย” พร้อมตะโกนว่า “นายกชื่อเศรษฐา แม่ค้าเป็นเศรษฐี” โดยนายเศรษฐา สอบถามปัญหากับพ่อค้าแม่ค้าตลอดทางก่อนถึงตลาดเมืองไทยภัทร
“มาดามแป้ง” รอรับเดินควงซื้อหวย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อถึงตลาดเมืองไทยภัทร นางนวลพรรณ ล่ำซำ หรือมาดามแป้ง กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เมืองไทยประกันภัย ที่มีสำนักงานอยู่ใกล้เคียงกัน มาร่วมรอต้อนรับ นายเศรษฐาพบหน้าจึงแซวนางนวลพรรณทันทีว่า “สวัสดีครับท่านนายกฯ (นายกสมาคมฟุตบอลฯ)” ทำให้นางนวลพรรณตอบกลับว่า “สวัสดีค่ะท่านนายกฯ” และแนะนำให้นายกฯชิมผลไม้จากร้านต่างๆ นายเศรษฐาออกปากชมว่าอร่อยดี ก่อนพากันเดินแวะซื้อเกาลัด 10 ถุง ถุงละ 100 บาท และเลือกซื้อลอตเตอรี่ 13 ชุด ชุดละ 5 ใบ แต่ไม่ยอมเปิดเผยว่าเลือกเลขอะไรบ้าง ช่วงหนึ่งมีหญิงสาวรายหนึ่งสวมเสื้อสีเขียวสะท้อนแสงตะโกนว่า “นายกฯต้องพิธา (นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก.) คนเดียวเท่านั้น คนนี้ไม่ใช่นายกฯ เพราะไปขโมยเขามา” แต่นายเศรษฐาไม่ได้ยิน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าของแผงลอตเตอรี่ขายลอตเตอรี่ 13 ชุด ให้นายเศรษฐาราคาชุดละ 600 บาท อาทิ เลข 462235, 121491 และ 562147
ยังไม่ขอบอกตัวเลขลดค่าพลังงาน
จากนั้นเวลา 13.20น. นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ว่า ส่วนใหญ่ที่รับฟังปัญหาจากประชาชนเป็นเรื่องค่าครองชีพ ค่าน้ำมัน ราคาแก๊ส และไฟ โดยต้องแก้ปัญหาที่รากฐาน ชัดเจนแล้วว่าประชุม ครม.นัดแรกจะประกาศนโยบายออกไป ส่วนเรื่องตัวเลขต้องพิจารณาก่อนจะแจ้งให้ทราบ ขอให้ใจเย็นอีกนิดหนึ่ง เมื่อถามว่า การลดค่าไฟจะสามารถทำได้ในระยะเวลา 4 เดือนแรกเลยหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า คงทำได้ก่อน ส่วนจะเป็น 4.25 บาท ตามที่ภาคอุตสาหกรรมเรียกร้องหรือไม่ ต้องขอไปพิจารณาก่อน แต่เข้าใจโจทย์ว่าต้องการเท่าไหร่จะพยายามสุดความสามารถ ไม่อยากบอกตัวเลขก่อนเพราะเดี๋ยวผิดเพี้ยนแล้วมาต่อว่ากันได้ จะถามกี่ครั้งตอบไปไม่ได้มากกว่านี้
ขยับลดค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
นายเศรษฐากล่าวว่า สำหรับปัญหารถไฟฟ้าใต้ดินได้พูดคุยกับผู้โดยสารก็ตอบรับที่ดีว่าสะดวกสบาย ราคาเหมาะสม แต่ช่วงเร่งด่วนจำนวนตู้โดยสารมีน้อยเกินไป ขณะนี้กำลังสั่งซื้อตู้โดยสารเพิ่ม เมื่อถามว่าราคาค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายจะเริ่มได้เมื่อไหร่ นายเศรษฐาตอบว่า แม้เป็นนโยบายของพรรค พท.แต่รัฐบาลมีพรรคร่วมอีก 10 พรรค ต้องไปพิจารณานโยบายโดยรวมก่อน ส่วนจะเป็นราคา 20 บาททุกสาย และใช้กับผู้มีรายได้น้อยก่อนหรือไม่ ต้องนำไปพิจารณาก่อนเช่นกัน เมื่อถามว่า อยากให้ความมั่นใจกับประชาชนเรื่องเงินดิจิทัล 10,000 บาท ไม่มีอะไรมาสะดุดแล้วใช่หรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า ได้เชิญหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องมารับฟังความคิดเห็นดูรายละเอียดแล้ว แต่หากวันไหนที่ออกโครงการได้จะแจ้งให้ทราบ แต่คิดว่าเป็นไตรมาแรกปี 2567 แน่นอน
เผยถก ธ.ก.ส.พักหนี้เกษตรกร
นายเศรษฐายังกล่าวด้วยว่า ระหว่างที่เดินมาเจอกับตำรวจเยอะ เมื่อวันที่ 30 ส.ค. ได้คุยกับหลายท่าน โดยเฉพาะนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ ที่ดูแลเรื่องการแก้ไขหนี้สินได้ฝากไว้ว่าหนี้สินของตำรวจมีเยอะ เราก็รับทราบ และจะให้เป็นมาตรการช่วยเหลือ รวมถึงประชาชนที่มีรายได้น้อยทุกภาคส่วน ต้องได้รับการดูแล วันนี้ได้คุยกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ไปแล้ว ในเรื่องของการพักหนี้เกษตรกร กำลังดูอยู่ว่าจะทำไปในจำนวนเงินเท่าไหร่ เป็นการพักหนี้ชั่วคราวเพื่อให้มีการฟื้นฟูเกิดขึ้นก่อน
วางคิวนัด“ลุงป้อม” ตั้งวงเปิบข้าว
เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ลาออกจาก สส.บัญชีรายชื่อ เสียดายหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า เป็นเรื่องพรรค พปชร.ท่านเป็นบุคคลที่ทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติมานาน ก็ไม่ทราบสาเหตุจริงๆว่าทำไมลาออก ส่วนตัวเคยคุยโทรศัพท์กับพล.อ.ประวิตร แค่นิดเดียวยังไม่เคยเจอตัว เมื่อเข้าทำเนียบรัฐบาลแล้วอยากจะเชิญ พล.อ.ประวิตร มารับประทานอาหาร ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีแซวนางนวลพรรณว่าท่านนายกฯ เช่นกัน นายเศรษฐาตอบว่า “ก็ท่านสมัครนายกสมาคมฟุตบอลฯ และรู้สึกว่าใครที่จะไปแข่งกับท่านถอนตัวหมด ส่วนตัวรู้จักกับคุณแป้งมานาน เป็นกำลังใจให้”
“สมศักดิ์” แจงถูกร้องขาดคุณสมบัติ
เมื่อเวลา 10.30 น. ที่รัฐสภา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ถูกร้องเรียนถึงคุณสมบัติบุคคลที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ ม.160 (4)ว่าดูข้อร้องเรียนเป็นเรื่องข้อกฎหมายและระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ไม่ใช่เรื่องทุจริต ประเด็นแรกการลดโทษผู้ต้องขังจากคดีรับจำนำข้าว และเหตุการณ์นักโทษแหกคุกและทำลายทรัพย์สินของทางราชการ จ.บุรีรัมย์ และเหตุการณ์ต่อเนื่องที่ จ.กระบี่ ช่วงโควิด-19 ระบาดเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรง การจะขอพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งเป็นพระราชอำนาจ ไม่ใช่อำนาจ รมว.ยุติธรรม ตนเป็นเพียงผู้ผ่านหนังสือ ต้องผ่านคณะกรรมการตรวจสอบทางกฎหมายที่ตั้งโดยนายกฯ จึงไม่พบความผิดอะไรในการทำหน้าที่รัฐมนตรีของตน รวมถึงผู้เกี่ยวข้องกับกรมราชทัณฑ์ นายวัชระ เพชรทอง ผู้ร้องต่อ ป.ป.ช.ได้ถอนฟ้องไปแล้วเมื่อวันที่ 3 ก.พ.66 ไม่เคยถูก ป.ป.ช.เรียกไปชี้แจง ส่วนที่ถูกร้องเรื่องการจัดซื้อและเบิกจ่ายงบฯได้สั่งการอธิบดีกรมคุมประพฤติไปตรวจสอบ ไม่พบข้อปัญหาหรือผิดปกติ ได้ทำหนังสือชี้แจงต่อเลขาธิการ ครม.บ่ายวันที่ 31 ส.ค.
“กฤษฎา”ยื่นใบลาออกปลัด ก.คลัง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงการคลังว่า เมื่อวันที่ 31 ส.ค. นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง ได้ยื่นหนังสือลาออกจากปลัดกระทรวงการคลัง เพื่อไปดำรงตำแหน่งเป็น รมช.คลัง ในโควตาของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โดยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ได้ลงนามอนุมัติการลาออก มีผลทันทีวันที่ 31 ส.ค. โดยนายกฤษฎายังคงได้รับบำเหน็จบำนาญตาม พ.ร.บ.กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2539
พท.คาดแก้ รธน.ยืดเยื้อเกิน 3 ปี
ที่รัฐสภา นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อและรักษาการหัวหน้าพรรค พท.กล่าวถึงกรณี สส.พรรค พท.ไม่เห็นชอบให้เลื่อนญัตติเสนอคำถามประชามติแก้รัฐธรรมนูญของพรรค ก.ก. ให้นำขึ้นมาพิจารณาก่อน เมื่อวันที่ 30 ส.ค.ว่า เหตุที่พรรค พท.ไม่เห็นด้วยให้เลื่อนญัตติดังกล่าวมาพิจารณาก่อน เพราะมองว่าแม้สภาฯจะเห็นชอบก็ยังไม่จบ ต้องส่งให้ สว.พิจารณาอีก ในหลักการแล้ว สว.อาจไม่เห็นชอบทำให้คำถามนั้นตกไป การทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญถูกกำหนดเป็นนโยบายรัฐบาล จึงต้องการให้เป็นกระบวนการของรัฐบาล พรรค พท.เตรียมเสนอ ครม.ให้พิจารณาคำถามประชามติในการประชุม ครม.มีคำถามที่เห็นตรงกันในพรรคคือจะเห็นชอบการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนเป็นผู้ยกร่างหรือไม่ แม้จะยังมี สว.ปัจจุบันยังร่วมอยู่ในกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เชื่อว่า สว.น่าจะผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 เพื่อตั้ง ส.ส.ร. เพราะประชาชนเห็นชอบแล้ว ไม่ควรฝืนมติประชาชน คาดว่าเวลากว่า 3 ปีครึ่งจะได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่
เชื่อกล่อมพรรค 2 ลุงเห็นคล้อยได้
เมื่อถามว่า ประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องรับฟังความเห็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วยหรือไม่ นายชูศักดิ์ตอบว่า รับฟัง ครม.ต้องเปิดโอกาสให้พรรคร่วมรัฐบาล และพรรคการเมืองทุกฝ่ายแสดงความเห็นประเด็นต่างๆ ส่วนคำถามประชามติที่ภาคประชาชนเสนอ ต้องให้ ครม.พิจารณาจะดำเนินการตามหรือไม่ ส่วนที่พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐไม่สนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญต้องคุยกัน เชื่อว่าไปด้วยกันได้ เพราะการแก้รัฐธรรมนูญคือนโยบายรัฐบาลที่ยอมรับร่วมกัน
สภาฯพร้อมแถลงนโยบายรัฐบาล
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทน ราษฎร กล่าวถึงความพร้อมในการแถลงนโยบายรัฐบาลว่า วันเวลาที่จะแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาเป็นเรื่องของรัฐบาล ซึ่งถ้าสภาได้รับเรื่องจากรัฐบาลแล้วจะนัดประชุมวิปทั้ง 3 ฝ่าย เพื่อตกลงวันและเวลาที่มีความพร้อมที่สุด คิดว่าจะเป็นเร็วๆนี้ เบื้องต้นทางรัฐบาลยังไม่ประสานมาว่าจะแถลงเมื่อใด เข้าใจว่ารัฐบาลต้องนำคณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้าเฝ้าถวายสัตย์เสียก่อนถึงจะแจ้งมายังสภาว่าจะมีความพร้อมเมื่อใดยืนยันสภามีความพร้อมตลอดเวลา
มั่นใจแบ่งโควตา 35 ปธ. กมธ.35 ฉลุย
นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวอีกว่า การจัดสรรโควตาคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญ สภาฯ 35 คณะ เจ้าหน้าที่กอง กมธ.เสนอนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่ 2 ผู้รับผิดชอบแล้วว่าพรรคใดจะได้สัดส่วนเป็น กมธ.กี่คน และจำนวนพรรคการเมืองที่จะได้ประธาน กมธ.กี่คณะ ต้องตกลงว่าใครจะอยู่คณะ กมธ.ใดใน 35 คณะ โดยเฉพาะวิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้านต้องคุยกัน ใช้เวลาไม่นาน เมื่อวันที่ 31 ส.ค. เวลา 13.30 น. หัวหน้าพรรคที่มี สส.จะประชุมกันรับทราบจำนวน สส.ที่จะไปเป็น กมธ. จากนั้นหัวหน้าพรรคจะไปแจ้งสมาชิก แล้วยื่นกลับมายังสภาฯ ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านต้องตกลงกันว่าพรรคใดจะได้ตำแหน่งประธานคณะใด หากปล่อยให้โหวตกันภายในคณะ กมธ.ด้วยกันเอง พรรคที่มี สส.จำนวนมากจะได้เป็นประธาน กมธ.ไป จึงต้องตกลงกัน แนวปฏิบัติมีอยู่แล้วว่าฝ่ายค้านกับรัฐบาลได้กี่คณะ และควรได้เป็นประธานคณะใดตามอำนาจหน้าที่ที่ควรจะเป็น ส่วนตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ หลังจากได้รัฐบาลเรียบร้อย สภาฯจะทาบทามพรรคที่มี สส.เป็นฝ่ายค้านและไม่ได้ร่วมรัฐบาล ไม่มีตำแหน่งประธาน รองประธานสภา มีพรรคใดประสงค์เป็นผู้นำฝ่ายค้าน เพื่อกราบบังคมทูลแต่งตั้งต่อไป หากนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯคนที่หนึ่งจากพรรคก้าวไกลไม่ลาออก ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านต้องเป็นของพรรคลำดับถัดไป ต้องรอจนกว่าพรรคนั้นๆจะพร้อม
เค้ก กมธ.ลงตัว “พท.-ก.ก.” ได้เท่ากัน
ที่รัฐสภา นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 เปิดเผยหลังประชุมกับตัวแทนพรรคการเมืองเพื่อแบ่งสัดส่วนประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ตามสัดส่วน สส.แต่ละพรรคว่า พรรค ก.ก.และพรรค พท.จะได้ประธาน กมธ.พรรคละ 10 คณะ พรรคอื่นๆเรียงลำดับตามสัดส่วน ทั้งนี้ตัวแทนพรรค ก.ก.ได้ขอในที่ประชุมว่า ให้รอสรุปหลังเลือกตั้งซ่อม สส.ระยอง ในวันที่ 10 ก.ย.ผ่านไปก่อนได้หรือไม่ เพราะหากพรรค ก.ก.ชนะจะได้เพิ่มเป็น 11 คณะ แต่ตัวแทนพรรคอื่นๆเห็นว่าควรอยู่กับจำนวน สส.ปัจจุบัน 499 คน ดังนั้นแต่ละพรรคต้องเจรจานอกรอบว่าจะได้ประธาน กมธ.คณะใดบ้าง จากนั้นวันที่ 4 ก.ย.จะประชุมอีกครั้ง ก่อนมีข้อสรุปในวันที่ 13 ก.ย.เพื่อที่วันที่ 14 ก.ย.จะได้เป็นวันประชุม กมธ.แต่ละคณะนัดแรก
“โตโต้ ” เปิดเกมนับองค์ประชุมสภาฯ
เมื่อเวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯคนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุมเพื่อพิจารณาตามระเบียบวาระ อาทิ วาระรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงาน กสทช.และรายงานการ ติดตาม ตรวจสอบและประเมินผลการปฏิบัติงาน กสทช.สำนักงาน กสทช. และเลขาธิการ กสทช.ประจำปี 2565 ที่ประชุมให้ สส.อภิปรายอย่างกว้างขวางราบรื่น กระทั่งช่วงบ่ายนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ขึ้นบัลลังก์ทำหน้าที่ประธานที่ประชุมเข้าสู่ญัตติ ขอให้สภาฯตั้ง กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางแก้ปัญหาราคากุ้งตกต่ำ มีญัตติทำนองเดียวกันอยู่ 11 ฉบับ ประธานให้พิจารณาคราวเดียวกัน จากนั้นให้ผู้เสนอญัตติอภิปราย พอนายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา พรรคพปชร. ผู้เสนอญัตติอภิปรายไปได้คนเดียวก็เริ่มโกลาหล เมื่อนายปิยรัฐ จงเทพ สส.กทม. พรรค ก.ก. ลุกขึ้นขออภิปรายแทรกว่าเป็น 1 ในผู้ช่วยเหลือเกษตรกรเรื่องกุ้งจนถูกดำเนินคดี ทว่ายังไม่ทันพูดจบ นายวันมูหะมัดนอร์เตือนให้อภิปรายอยู่ในญัตติ ถ้าเรื่องข้างนอกไม่อนุญาต ทำให้นายปิยรัฐกล่าวสวนเชิงไม่พอใจขอเสนอญัตติให้นับองค์ประชุม เพราะเห็น สส.อยู่ในที่ประชุมบางตา
ยุค “วันนอร์” เอวังล่มเป็นครั้งแรก
ต่อมา สส.ฝ่ายรัฐบาล อาทิ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล สส.นครศรีธรรมราช พรรค รทสช.นายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรค พท.นางมุกดาวรรณ เลื่องศรีนิล สส.นครศรีธรรมราช พรรคภท.และนายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพท.ต่างพากันคัดค้าน พยายามแก้เกมเสนอให้ขานชื่อนับองค์ประชุม แต่ประธานไม่อนุญาต บางคนถึงขนาดอภิปรายขอร้องให้ถอนญัตตินับองค์ประชุม แต่นายปิยรัฐยืนยันญัตตินับองค์ประชุมว่า ท่านที่ขอร้องให้พวกเราร่วมให้ความสำคัญ แต่ควรไปขอร้องเพื่อนของท่านต่างหาก ให้เข้ามาร่วมประชุม ให้เห็นแก่ความสำคัญของญัตติท่านเอง หลังพูดจบพรรค ก.ก.ปรบมือลั่นห้องประชุม จนนายอดิศรลุกขึ้นตอบโต้ว่า ตนถูกวางตัวเป็นประธานวิปรัฐบาลแต่ยังไม่ได้เป็น ขอเวลาสภาฯด้วยความเคารพ ถ้าขอร้องกันไม่ได้พวกกระผมเห็นแก่ประโยชน์ของเกษตรกร ขอไม่ร่วมประชุมด้วย จากนั้นประธานกดออดเรียกแสดงตนนับองค์ประชุมประมาณ 5 นาที ปรากฏว่าองค์ประชุมไม่ครบ มี สส.ตนเพียง 98 คน ประธานจึงสั่งปิดการประชุมเวลา 16.10 น.นับเป็นเหตุการณ์สภาฯล่มครั้งเเรกของสภาฯชุดที่ 26 ในยุคนายวันมูหะมัดนอร์ เป็นประธานสภาฯ
สส.รัฐบาลฉะเล่นเกมบนความเดือดร้อน
จากนั้นเวลา 16.17น. นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ พรรค พท.แถลงว่า ต้องขออภัยประชาชนเพราะเรื่องที่กำลังพิจารณาเกี่ยวกับราคาพืชผลการเกษตร สส.พรรคร่วมรัฐบาลลงชื่ออภิปรายเกือบร้อยคน เป็นที่น่าเสียดายที่ไม่สามารถอภิปรายได้ เข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากเมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ฝ่ายค้านเสนอญัตติให้สภาพิจารณาเห็นชอบและแจ้งให้ ครม.ดำเนินการให้มีการออกเสียงประชามติจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งต้องเข้าใจ สส.รัฐบาลว่า เรื่องความเดือดร้อนเกษตรกรจะให้แทรกมาไม่ได้ ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบให้เดินไปตามระเบียบวาระเดิมคงเป็นเหตุให้ฝ่ายค้านอึดอัด ทั้งเรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่พรรค พท.ประกาศชัดเจนว่า จะนำเข้าที่ประชุม ครม.เป็นนัดแรกๆอยู่แล้ว การเสนอนับองค์ประชุมแม้จะเป็นกลไกตรวจสอบ แต่พรรคก.ก.ที่เสนอนับองค์ประชุมไม่ได้แสดงตนในที่ประชุมจนสภาล่ม ทั้งที่ไม่ใช่ญัตติกฎหมายแต่เป็นเรื่องความเดือดร้อนประชาชน ไม่ควรนำการเมืองมาเกี่ยวข้อง ตนเสียใจถ้าเป็นกฎหมายที่ไม่เห็นด้วยถือว่าชอบธรรม แต่นี่เป็นญัตติความเดือดร้อนประชาชน วันนี้เราอาจผิดพลาด เราจะทำงานอย่างเข้มแข็งไม่ประมาท จะไม่ให้สภาล่มอีก
“อดิศร”ขู่ตีตกกฎหมายฝ่ายค้าน
นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพท.กล่าวว่า พรรคที่กำลังจะทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านรู้สึกจะขยันขันแข็งเป็นพิเศษ การนับองค์ประชุมเป็นอาวุธเดียวที่สำคัญของฝ่ายค้าน ไม่คิดว่าฝ่ายค้านจะใช้อาวุธนี้เร็วจนเกินไป กรณี 11 ญัตติที่พิจารณาเป็นผลประโยชน์เกษตรกรทั้งสิ้น จึงแปลกใจว่าที่พรรคร่วมรัฐบาลไม่สามารถเข้าร่วมแสดงตน จึงขอแสดงบทบาทของฝ่ายค้าน คือวอล์กเอาต์แทนฝ่ายค้านไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ชิงไหวชิงพริบมากจนเกินไปในสภาฯเพราะอีก 4 ปีข้างหน้า องค์ประชุมเป็นฝ่ายรัฐบาล ถ้าฝ่ายรัฐบาลไม่ทำองค์ประชุม เกรงว่าฝ่ายค้านจะไม่มีโอกาสได้พิจารณากฎหมายแม้แต่ 1 ฉบับ อยากให้เป็นสภาที่สดสวยงดงาม เล่นแต่ให้เพียงพอ มัชฌิมาปฏิปทา ท่านมาไม้ไหนก็รู้ทันเหมือนกัน อ้าปากเห็นลิ้นไก่
ภท.รุมสวด 150 ก.ก.ไม่แสดงตน
ขณะที่นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทองและโฆษกพรรค ภท.กล่าวว่า กฎหมายประชามติไม่ใช่ไม่สำคัญ แต่ปากท้องประชาชนสำคัญมากกว่า พรรคก.ก.บอก สส.150 ชีวิตอยู่ในห้องประชุม เป็นตัวแทนประชาชน แต่ถึงเวลามาเล่นเกม เมื่อวันที่ 30 ส.ค. ท่านผิดพลาดหยิบยกเรื่องที่ท่านต้องการอภิปรายไม่สำเร็จ วันนี้อาละวาดตีโพยตีพาย เหมือนเด็กไม่ได้ดั่งใจไม่เอาด้วย องค์ประชุมเป็นหน้าที่ สส.ทั้งหมด พรรคท่านอยู่ 150 ชีวิต แต่ไม่กดแสดงตนหมายความว่าอย่างไร ถึงเวลาแทนที่จะใช้เวทีสภาฯแก้ปัญหาประชาชน กลับมาเอาเล่นเกมการเมือง น่าเสียใจอย่างยิ่ง เราต้องขอโทษที่พลาดท่าเสียทีพรรค ก.ก. แต่ต่อไปจะไม่ประมาทเกมการเมือง ก.ก.อีก
ก้าวไกลสวน 98 บวก 150 ล่มอยู่ดี
ด้านนายปิยรัฐ จงเทพ สส.กทม.พรรค ก.ก.แถลงว่า ถ้าได้เห็นภาพในจอโทรทัศน์จะเห็นว่าสส.พรรค ก.ก.มีจำนวนเกือบครบ ถ้าเพื่อนสมาชิกผู้เสนอญัตติถ้าเห็นว่าสำคัญจริง ไม่ต้องมาขอร้องให้เราเข้าร่วม ต้องไปขอร้องสมาชิกรัฐบาลกันเอง แม้เรายกมือแสดงตัวไปตามที่พรรคร่วมรัฐบาลขอร้ององค์ประชุมยังไม่ครบ เพราะ 98 บวก 150 ยังไม่เพียงพอ ขอให้ประชาชนเข้าใจ
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก.กล่าวว่า สส.ที่นั่งประชุมคือตัวสะท้อนชัดเจนว่าให้ความสำคัญกับญัตติของเกษตรกรหรือไม่ ไม่ใช่ว่าพูดแอ็กติ้งในสภาฯ ร้องห่ม ร้องไห้ว่าเห็นความสำคัญแล้วไม่มาประชุม เชิญนักข่าวไปดูที่ลานจอดรถชั้นได้เลย หลังเที่ยงกลับบ้านกันไปหมดแล้ว มาพูดดราม่าว่า เกษตกรสำคัญแล้วทำไมกลับบ้านก่อนไม่ตามกันมาประชุม หรือนี่เป็นเพียงโฆษณาเท่านั้น
“บิ๊กตู่” ฤกษ์ดีเข้าทำเนียบฯสั่งลา
สำหรับความเคลื่อนไหว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และการเข้าทำเนียบรัฐบาลวันสุดท้าย เมื่อเวลา 09.09 น. พล.อ.ประยุทธ์เข้าทำเนียบรัฐบาล โดยใช้รถเบนซ์ส่วนตัว ทะเบียน ญค 1881 กรุงเทพมหานคร ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ทันทีที่มาถึงได้ทักทายสื่อมวลชน “สวัสดีจ้ะ” อย่างอารมณ์ดี โดยมีนายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกฯรอต้อนรับ จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์สักการะศาลพระภูมิเจ้าที่ และศาลตา ศาลยาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบฯ
อธิษฐานขอบ้านเมืองสงบสุข
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าอธิษฐานอะไรบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “ขอให้บ้านเมืองสงบร่มเย็น ทุกคนมีความสุข” เมื่อถามว่า วันนี้ยังเป็นวันสุดท้ายที่ทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็เป็นอย่างนั้น ถึงมาลาวันนี้เป็นมารยาท แต่ยังทำงานอยู่” เมื่อถามต่อว่ารู้สึกอย่างไรกับการทำงานมา 9 ปี พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ตอบคำถามนี้ จากนั้นนายกฯเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าพร้อมกล่าวว่า “วันนี้ให้เป็นวันดีๆ เป็นวันพระด้วย” ก่อนหันมายิ้มให้ผู้สื่อข่าวได้ถ่ายรูป ทั้งนี้ มีเพื่อนร่วม ตท.12 ที่เป็น สว. นำโดย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร และนายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ทยอยเข้าพบอำลา ใช้เวลาพูดคุยให้กำลังใจเกือบ 1 ชั่วโมง โดยมีการแจกหนังสือผู้นำและมาเหนือเมฆเป็นที่ระลึก ทั้งนี้ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ สว.เปิดเผยว่า เพื่อน สว.ต่างได้ให้กำลังใจ “ลุงตู่เต็มร้อย”
ฝาก “เสี่ยแฮงค์” ดูแลบ้านเมือง
ขณะที่นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า ขึ้นไปกราบลา ขอบคุณนายกฯที่เมตตาทุกคน นายกฯขอให้ช่วยกันดูแลประเทศชาติบ้านเมือง ถ้ามีโอกาสให้ทำความดี และดูแลประเทศชาติบ้านเมือง พร้อมให้โอวาทว่าถ้าคนเราทำดี จะเจริญรุ่งเรือง นายกฯเป็นสุภาพบุรุษ เป็นผู้บังคับบัญชาที่ดีตั้งแต่ทำงานมาในชีวิต นายกฯเป็นคนดีคนหนึ่ง มอบความดีให้กับผู้ร่วมงาน
ด้านนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษานายกฯกล่าวว่า มาแสดงมุทิตาจิตด้วยความรัก ความศรัทธาที่มีต่อ พล.อ.ประยุทธ์จะไม่มีวันเสื่อมคลาย ส่วนนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯเดินทางกลับประเทศไทย ยินดีต้อนรับนายทักษิณ เพราะมาตามกระบวนการยุติธรรมทุกอย่าง เราต้องลืมอดีตทุกอย่างมาให้หมด ต้องให้โอกาส ให้เกียรติ เพราะนายทักษิณกลับเข้าสู่กระบวนการ ไม่ได้ทำผิดขั้นตอนอะไร นายทักษิณกลับมาอาจทำให้บ้านเมืองสามัคคีปรองดอง ตนจบ ทุกเรื่อง ไม่มีอะไรคาใจ เพราะนายทักษิณบอกอโหสิให้ทุกคน ไม่โกรธเคืองใคร
ถอดสูทร่วมวงกินข้าวสื่อครึกครื้น
ต่อมาเวลา 12.00 น. พล.อ.ประยุทธ์เดินลงจากตึกไทยคู่ฟ้า ถอดสูทร่วมทานอาหารกลางวันเป็นเมนูเรียบง่าย อาทิ ผัดไทย หมูย่างปลาร้า ส้มตำ หอยทอด ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ และไอศกรีมกะทิ ร่วมกับสื่อมวลชนประจำทำเนียบฯ หน้าตึกบัญชาการ 1 พร้อม ครม. อาทิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว. สาธารณสุข นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกฯและ รมว.ต่างประเทศ โดยกระเซ้าสื่อว่า “สบายดีกันมั้ย วันหน้าก็ทำกับรัฐบาลใหม่เขาให้ดีๆก็แล้วกันนะ” เมื่อถามว่าจากนี้จะไปเที่ยวไหนบ้างหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า คงสักระยะให้นิ่งๆเงียบๆเรียบร้อยก่อน จะไปถูกหรือเปล่ายังไม่รู้เลย นั่งแค่รถจากบ้านมาทำเนียบฯทุกวัน เรามาบริหารสถานการณ์สภาวะต่างๆ วันนี้สงบเรียบร้อยเป็นไปอย่างน่าภูมิใจ ที่ออกจากทำเนียบฯไปนั่งทำงานอยู่ที่บ้าน เพราะให้เกียรติ ครม.ใหม่ เร็วๆนี้เขาจะได้มาจัดสถานที่ทำงาน
หวัง รบ.ใหม่พาประเทศเดินหน้า
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า ไม่ได้ตั้งใจอยู่มาถึงขนาดนี้ ตอนนี้ทุกอย่างโอเค ถือว่าทุกคนปรองดองกัน รัฐธรรมนูญถ้าจะแก้จะเกิดประโยชน์หรือเปล่าไม่รู้ อาจจะดีก็ได้ ไม่มีความคิดเห็น ชาวโซเชียลก็ฝากความรักความคิดถึงให้ ไม่โกรธเคืองใครทั้งสิ้น ไม่ว่าจะรักจะชอบไม่ชอบจะด่าจะว่า แต่ต้องมีเหตุผล ถ้าทุกคนบิดเบี้ยวไปหมด เป็นอันตรายสำหรับประเทศ สำหรับเรือลำใหม่ที่จะมาดูแลประเทศ ตนหวังแบบสื่อต้องการให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้า ไม่อยากให้ความขัดแย้งมากกว่านี้มันดีอยู่แล้ว หวังหลังจากนี้จะสงบไม่อยากให้ความขัดแย้งกลับมา จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์รับมอบดอกไม้ ร่วมถ่ายรูปกับสื่อมวลชนที่เดินไปส่งจนถึงตึกไทยคู่ฟ้า นายกฯทำมือสัญลักษณ์วายทูเคให้สื่อมวลชน กระทั่งเวลา 13.09 น. จึงขึ้นไปสักการะพระพรหม บนดาดฟ้าตึกไทยคู่ฟ้า
กอดลาน้ำตาคลอถ้าเจอทักกันบ้าง
กระทั่งเวลา 13.30 น. บรรดาข้าราชการ เจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบฯรวมทั้งแฟนคลับได้เข้าร่วมให้กำลังใจมอบดอกไม้ ถือป้ายเชียร์และร่วมกันส่ง โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อะไรก็ตามที่ทำให้พวกเราไม่สบายใจ ไม่พอใจ ขอบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ ขอบคุณทุกคน ทุกหน่วยงานขอให้เดินหน้าได้ปลอดภัย ฝากแค่นี้ ไม่ว่าใครจะมาใครจะไป หน่วยงานต้องอยู่ให้ได้ ทำทุกอย่างให้ถูกต้อง เจอกันข้างนอกขอให้ทักบ้าง อาจจำตนไม่ได้ หน้าตนอาจจะเปลี่ยนไปเยอะ หลายคนบอกจะพาตนไปเที่ยวแต่จะไปได้อย่างไร ทุกคนยังจำหน้าตนได้ ทั้งนี้ กรมประชาสัมพันธ์ได้นำวงดนตรีมาบรรเลงเพลงความฝันอันสูงสุด จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ชวนทุกคนร่วมร้องเพลง อาทิ คำสัญญาของวงอินโดจีน ด้วยรักและผูกพันของเบิร์ด ธงไชย และเพลงศรัทธา ของหินเหล็กไฟ แล้วลงจากตึกไทยคู่ฟ้ามารับดอกไม้ถ่ายรูปกับทุกคนที่มาส่งถึงทางลงตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนกลับขึ้นรถเดินทางออกจากทำเนียบฯไปตามฤกษ์ เวลา 14.00 น. มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค และนายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสักนักนายกฯ เข้าสวมกอดร่ำลา ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ถึงกับมีน้ำตาคลอ ทำมือสัญลักษณ์ไอเลิฟ ยู ลาลับออกจากทำเนียบฯ แวะเข้าบ้านพิษณุโลก สักการะศาลท่านท้าวหิรัญพนาสูร สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำบ้านพิษณุโลก ก่อนกลับบ้านพัก
เว็บไซต์ทำเนียบฯ ยิงรูปภารกิจ “เศรษฐา”
ต่อมาเว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล www.thaigov.go.th เพิ่มแบนเนอร์ภาพพร้อมข้อความระบุภารกิจนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯคนที่ 30 แสดงภารกิจของนายเศรษฐาตั้งแต่รับสนองพระบรม ราชโองการโปรดเกล้าฯเป็นนายกฯ และผู้นำต่างประเทศ แสดงความยินดี
“บิ๊กป้อม” จ่อไขก๊อก สส.ลุยต่อ พปชร.
ขณะที่เมื่อเวลา 08.40 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวทันทีที่ก้าวลงจากรถและเห็นสื่อมวลชนว่า “ห้ามถามการเมืองนะ ไม่เล่นการเมืองแล้ว เป็นหัวหน้าพรรคอย่างเดียว ไม่ได้เล่นการเมือง” เมื่อถามว่าจะเป็นหัวหน้าพรรคอย่างเดียวแล้วในตำแหน่ง สส.บัญชีรายชื่อ พล.อ.ประวิตรกล่าวทันทีว่า “เดี๋ยวจะลาออก คนอื่นก็ทำไป” เมื่อถามว่าจะลาออกเมื่อไหร่ พล.อ.ประวิตรไม่ได้ตอบ เมื่อถามย้ำว่าจะยังทำหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรคอย่างเดียวใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ใช่ อย่างเดียว” เมื่อถามว่างานการเมืองยังมีพลังอยู่ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เป็นหน้าที่คนอื่น ตนทำมาเยอะแล้ว เมื่อถามย้ำว่าทำมาเยอะแล้วและอยากทำต่อหรือไม่ ผู้สื่อข่าวจะแซวว่า ทำอยู่ ทำต่อ พล.อ.ประวิตรจึงย้อนถามว่า ทำอยู่ ทำต่อ หมายความว่าอย่างไร ผู้สื่อข่าวบอกว่า หมายถึงทำให้ประเทศ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ผมทำมาเยอะแล้ว ผมทำให้พรรคบ้าง”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตรมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส กล่าวอวยพรสื่ออย่างอารมณ์ดี “โอเคนะ โชคดีนะทุกคน โชคดีจ้ะ” พร้อมกวักมือเรียกสื่อมวลชนให้มาถ่ายภาพร่วมกัน ทั้งนี้ เมื่อ พล.อ.ประวิตรลาออกจาก สส.บัญชีรายชื่อ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค พปชร. ว่าที่ รมช.สาธารณสุข จะเลื่อนขึ้นมาเป็น สส.แทน
บอกบ้านป่าฯปิดแล้วเหลือแต่มูลนิธิ
ต่อมาเวลา 11.55 น. ภายหลัง พล.อ.ประวิตรเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ ครั้งที่ 3/2566 ที่สำนักงานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ พล.อ.ประวิตรได้พูดคุยกับสื่อสายทหารที่มารอ ถูกสื่อกระเซ้าว่า จากนี้จะมีเวลาทำผัดซีอิ๊วที่บ้านป่ารอยต่อหรือมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า “บ้านป่าฯปิดแล้ว” พร้อมยิ้มและเดินไป ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ปิดจริงหรือไม่ เหตุใดจึงปิด พล.อ.ประวิตรตอบว่า ทำแต่มูลนิธิอย่างเดียวขอให้โชคดีทุกคน
“บิ๊กน้อย” ยันพี่ใหญ่กายใจแข็งแรงดี
พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อดีตประธานยุทธศาสตร์และสมาชิกพรรค พปชร.กล่าวถึงการลาออกจากประธานยุทธศาสตร์และสมาชิกพรรคว่า อยากมาดูแลงานด้านกีฬาเต็มตัว ส่วนนายสุทิน คลังแสง ที่มีชื่อนั่งเก้าอี้ รมว.กลาโหม จะทำหน้าที่ได้ที่ผ่านมามีพลเรือนนั่งเป็น รมว.กลาโหมหลายคน นายสุทินไม่ได้นั่งควบรองนายกฯ คงไม่ลำบากเพราะนายสุทินเป็นคนเก่งจะไม่มีปัญหาการทำงาน หรือประสานงานร่วมกับเหล่าทัพ ส่วนใหญ่คงจะทำหน้าที่ผลักดันนโยบาย ขณะที่เหล่าทัพก็สนองตามนโยบาย เมื่อถามถึงสุขภาพร่างกายและจิตใจของ พล.อ.ประวิตรช่วงนี้ พล.อ.วิชญ์กล่าวว่า ไม่มีอะไร พล.อ.ประวิตรสุขภาพแข็งแรง
ก.ก.กระทุ้ง รมต.มีคนอดข้าวอยู่ในคุก
เมื่อเวลา 10.30 น. ที่รัฐสภา น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว สส.ปทุมธานี พรรค ก.ก. นำคณะ สส.พรรค ก.ก.แถลงข่าวเรียกร้องคืนสิทธิการประกันตัวแก่นักโทษคดีทางการเมือง คดีอาญา มาตรา 112 ว่า ขอส่งสารถึงว่าที่ รมว.ยุติธรรม คนใหม่ ขณะนี้กำลังมีคนอดอาหารแลกกับสิทธิที่พึงมีคือ น.ส.วารุณี (สงวนนามสกุล) ถูกควบคุมตัวมาแล้ว 65 วัน ตั้งแต่ 21 ส.ค. ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า น.ส.วารุณีถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลราชทัณฑ์เพราะร่างกายเริ่มอ่อนเพลีย นี่เป็นเพียงกรณีตัวอย่างประชาชนที่กำลังต่อสู้เรื่อง มาตรา 112 และปัจจุบันมีผู้ถูกคุมตัวด้วยคดีทางการเมืองอย่างน้อย 7 คน กระบวนการยุติธรรมต้องล้มเหลวขนาดไหน ประชาชนถึงเอาชีวิตเข้ามาแลกกับสิทธิพึงมีทางกฎหมาย เพื่อไม่ให้กระบวนการยุติธรรมไร้ความศรัทธาจากประชาชนไปมากกว่านี้ ในนามพรรค ก.ก. ยืนยันจะผลักดันประเด็นนี้ต่อไป การยื่นร่างแก้ไขมาตรา 112 จะดำเนินการแน่นอน
ศาล ปค.ถอนคำสั่ง มท.ปลด “นิพนธ์”
วันเดียวกัน ศาลปกครองกลางพิพากษาเพิกถอนคำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ 1528/2564 ลงวันที่ 25 มิ.ย.64 เรื่องให้นายนิพนธ์ บุญญามณี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา พ้นจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค.56 ถึงวันที่ 27 มิ.ย.62 กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติว่า นายนิพนธ์ กระทำผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการไม่มอบอำนาจให้ผู้ขายเป็นตัวแทนจดทะเบียนรถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ 2 คัน มูลค่า 51 ล้านบาท และไม่อนุมัติเบิกจ่ายเงินค่ารถทั้งสองคันให้แก่ผู้ขาย โดยให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่มีคำสั่ง และให้คำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ 1528/2564 มีผลต่อไปจนกว่าคดีจะถึงที่สุด หรือจนกว่าศาลปกครองสูงสุดจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ตามที่นายนิพนธ์ได้ยื่นฟ้อง ป.ป.ช. และ รมว.มหาดไทย ว่ามีคำสั่งชี้มูลความผิด และให้ออกจากตำแหน่งนายก อบจ.สงขลา โดยไม่ชอบ