ข่าวการเมือง "ร้านตัดผ้าวราภรณ์ รับตัดเย็บเสื้อผ้าสตรี ชุดแบบฟอร์ม ชุดทำงาน ชุดไทย และจำหน่ายอุปกรณ์ประเภท ซิบ กระดุม ด้าย อื่นๆอีกมากมาย ยังจำหน่าย กรอบรูป ขายปลีกและส่งและยังบริการรับถ่ายรูปด่วน ขยายรูป ล้างรูป รับทำนามบัตร เคลือบบัตร ปริ้นงาน เข้าเล่ม สันเกียว สันกาว ถ่ายเอกสาร สีและขาวดำ ขนาดไซต์กระดาษตั้ง แต่ A4-F14-B4-A3 และยังบริการ ย่อ ขยายเอกสารฯลฯรับถ่ายทำ วีดีโอ ในและนอกสถานที่ราคาเป็นกันเอง ร้านตัดผ้าวราภรณ์อยู่ตรงข้าม โรงเรียนอนุบาลบ้านผือพิทยาภูมิถนนชนบทบำรุงอำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ร้านตัดผ้าวราภรณ์ เปิด ปิดเวลา 06.00-18.00น. ทางร้านเปิดให้บริการทุกวัน ติดต่ดสอบถามโทร 0806299771 email hs3ghd15.s@gmail.comแฟกช์ 042282304.

แลนด์สไลด์โอกาสเพื่อไทย ที่ต้องมาพร้อมท่อน้ำเลี้ยงเต็มสูบ


การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในเร็วๆ นี้ โอกาสสำหรับพรรคการเมืองในการพิชิตศึก เมื่อแยกย่อยออกเป็นรายภาคและสัดส่วนกลุ่มอายุเป็นอย่างไร การก้าวขึ้นสู่เวทีการเมืองเต็มตัวของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” มีโอกาสแค่ไหน การปรับปรุงภาพลักษณ์ครั้งใหญ่ของ "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" จะมีผลหรือไม่ การระดมสรรพกำลังครั้งใหญ่ของ "พรรคภูมิใจไทย" จะสร้างอิมแพ็กได้มากน้อยเพียงใด "พรรคเพื่อไทย" มีโอกาสสำหรับการแลนด์สไลด์แค่ไหน และ "พรรคก้าวไกล" จะคงความนิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่ไว้ได้ต่อไปหรือไม่ และที่สำคัญที่สุดอะไรคือปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้ง ทั้งหมดนี้ “เรา” ไปร่วมรับฟังการจำลองผลการเลือกตั้งผ่านผลการสำรวจความนิยมล่าสุดของ “ผศ.ดร.สุวิชา เป้าอารีย์” ผอ.นิด้าโพล

“ในความเห็นผมเมื่อวิเคราะห์จากสถิติต่างๆ ล่าสุด โอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะแลนด์สไลด์ในการเลือกตั้งครั้งหน้ามีมากกว่า 45%” ผศ.ดร.สุวิชา เป้าอารีย์ ผู้อำนวยการสำรวจความคิดเห็น สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้าโพล กล่าวกับ "ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์" ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น


“ผศ.ดร.สุวิชา เป้าอารีย์” ผอ.นิด้าโพล
“ผศ.ดร.สุวิชา เป้าอารีย์” ผอ.นิด้าโพล

จำนวนสัดส่วนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง :

ในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงกลุ่มอายุ 18-25 ปี อยู่ที่ประมาณ 12-13% กลุ่มอายุ 26-35 ปี อยู่ที่ประมาณ 17-18% กลุ่มอายุ 36-45 ปี อยู่ที่ประมาณ 18-19% กลุ่มอายุ 46-59 ปี อยู่ที่ประมาณ 26-27% และ กลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป อยู่ที่ประมาณ 23-24%

ปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้ง

“ในความเห็นมีทั้งหมด 4 ข้อหลักๆ คือ ข้อที่ 1.กระแส ข้อที่ 2.นโยบาย ข้อที่ 3.ตัวบุคคล ข้อที่ 4.ทรัพยากรทางการเมือง”

ฐานคะแนนเสียงกลุ่มคนรุ่นใหม่ :

จากผลสำรวจล่าสุดเรื่องใครสมควรเป็นนายกรัฐมนตรี พบว่า กลุ่มอายุระหว่าง 18-25 ปี 36% เลือก "คุณแพทองธาร ชินวัตร" ของพรรคเพื่อไทย และ 33% เลือก "คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์" พรรคก้าวไกล ส่วนกลุ่มอายุ 26-35 ปี เลือกคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ 33% ด้านคุณแพทองธาร ชินวัตร ได้มา 29% ทั้งๆ ที่แต่เดิมทั้งสองกลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มแฟนคลับสำคัญของคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล

นอกจากนี้ จากผลสำรวจเรื่องความนิยมที่มีต่อพรรคการเมืองยังพบอีกด้วยว่า กลุ่มอายุระหว่าง 18-25 ปี จะเลือก ส.ส.เขต พรรคก้าวไกล 42% ส่วนพรรคเพื่อไทยอยู่ที่ 38% ในขณะที่กลุ่มอายุ 26-35 ปี จะเลือกพรรคเพื่อไทย 46% ส่วนพรรคก้าวไกลได้ 33% ขณะเดียวกับในเรื่องผลสำรวจความนิยมที่มีต่อ ส.ส.ระบบปาร์ตี้ลิสต์ ก็ยังพบอีกว่า กลุ่มอายุ 18-25 ปี จะเลือก ส.ส.เขต พรรคเพื่อไทย 41% ส่วนพรรคก้าวไกลได้ไป 38% ขณะที่กลุ่มอายุ 26-35 ปี เลือกพรรคเพื่อไทย 39% พรรคก้าวไกลได้ไป 33% จากสถิตินี้จะเห็นได้ว่าการปรากฏตัวของ “คุณอิ๊งค์” สามารถเจาะฐานแฟนคลับกลุ่มคนรุ่นใหม่ของพรรคก้าวไกลไปได้มากพอสมควรเลยทีเดียว

“ผมว่าสิ่งที่ทำให้ คุณอิ๊งค์ ทัชใจคนรุ่นใหม่ได้มากที่สุด น่าจะเป็นเพราะเบื่อภาวะการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน และอยากได้ทางเลือกใหม่ๆ อะไรบ้าง มากที่สุด อีกทั้งสำหรับคนกลุ่มอายุ 18-35 ปี น่าจะไม่ติดประเด็นภาพของ คุณทักษิณ ชินวัตร อีกด้วย เพราะแน่นอนว่ากลุ่มคนเหล่านี้น่าจะมีความทรงจำที่อาจจะเกี่ยวกับคุณทักษิณในเรื่องต่างๆ น้อยมากๆ”

ขณะเดียวกันสำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่มีประเด็นที่น่าสนใจอีกเรื่องคือ จริงๆ แล้ว “พรรคกล้า” เคยเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่คนรุ่นใหม่เคยให้ความสนใจอย่างมาก แต่แล้วเมื่อ “คุณกรณ์ จาติกวณิช” ตัดสินใจทางการเมืองครั้งสำคัญด้วยการไปรวมกับ “พรรคชาติพัฒนา” จนกลายเป็น “พรรคชาติพัฒนากล้า” ดูเหมือนว่าคะแนนนิยมจากคนรุ่นใหม่ที่กำลังเริ่มก่อตัว ดูเหมือนจะค่อยๆ หายไปในทันที

“จริงๆ แล้ว คุณกรณ์ ควรจะเป็นความหวังของคนที่ไม่มีทางเลือก แต่การตัดสินใจที่เกิดขึ้น ดูเหมือนจะทำให้คนที่เคยคิดจะเลือกคุณกรณ์ เพื่อให้เป็นความหวังใหม่ ต้องกลับมากลายเป็นไม่มีความหวังอีกครั้ง”

การจัดวางภาพลักษณ์อนุรักษนิยมสายกลาง :

“หากสังเกตดีๆ พรรคเพื่อไทยกำลังจัดวางภาพลักษณ์ของตัวเองใหม่ ที่ไม่ใช่สุดขั้วไปทางใดทางหนึ่งระหว่าง อนุรักษนิยม (Conservative) หรือ เสรีนิยม (Liberal) แต่จะอยู่กึ่งกลางระหว่างทั้งสองขั้ว หรือที่เรียกว่า อนุรักษนิยมสายกลาง ซึ่งหากจะพูดกันอย่างตรงไปตรงมาวิถีแบบนี้ น่าจะต้องจริตของคนไทยส่วนใหญ่ โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร หรือตามเมืองใหญ่ๆ ทั่วประเทศได้มากที่สุด”

สำหรับประเด็นนี้มีประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ คือ กำลังจะมีพรรคการเมืองพรรคหนึ่งที่กำลังจัดวางภาพลักษณ์ของตัวเองให้ตรงกับพรรคเพื่อไทยแบบนี้ด้วยเช่นกัน นั่นก็คือ “พรรคพลังประชารัฐยุคใหม่” ภายใต้การนำของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ โดยหากลองสังเกตให้ดีๆ พล.อ.ประวิตร กำลังพยายามฉายภาพความเป็น “พรรคปรองดอง” เหมือนวาทกรรม “โซ่ข้อกลาง” ในอดีต

“แต่เรื่องนี้มันติดอยู่เรื่องเดียวคือ ภาพการเป็นอดีตทหารของลุงป้อม ที่ทำให้คนหวนนึกถึงความเป็นอนุรักษนิยมอยู่ เพราะหากจะพูดกันอย่างตรงไปตรงมา หากลุงป้อมไม่ได้เป็นทหาร คะแนนมันอาจจะมามากกว่านี้ก็ได้นะ”

การปรับภาพลักษณ์ครั้งใหญ่ของ “พล.อ.ประวิตร” ได้ผลดีในระดับหนึ่ง เพราะก่อนหน้านี้หากสำรวจรายชื่อผู้ที่เหมาะสมจะเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ว่าครั้งใด “บิ๊กป้อม” ไม่เคยตีโผแม้แต่ครั้งเดียว แต่จากผลสำรวจครั้งล่าสุดที่จังหวัดนครศรีธรรมราช หรือ จังหวัดชลบุรี พี่ใหญ่ 3 ป. ได้คะแนนมา 1% แล้ว

“ต้องยอมรับเลยว่าลุงป้อมมาแล้วนะ ไม่ว่าใครจะว่าอย่างไร ซึ่งหากยังฉายภาพลักษณ์แนวนี้ออกมาได้บ่อยๆ น่าจะไปได้ดีทีเดียว เพราะดูผู้คนเริ่มรู้สึกแฮปปี้กับบทบาทของบิ๊กป้อมมากขึ้น เพียงแต่จุดอ่อนของ พล.อ.ประวิตร น่าจะอยู่ตรงที่ความทะมัดทะแมงเวลาลงพื้นที่ ซึ่งเป็นปัญหาที่แก้ไม่ได้เท่านั้น”

พรรคภูมิใจไทย :

“แม้ว่าพรรคภูมิใจไทยเหมือนพยายามส่งสัญญาณว่าพร้อมเป็นกลาง แต่คนส่วนใหญ่ยังจดจำภาพเดิมๆ เรื่องเดิมๆ อยู่ ด้วยเหตุนี้มันจึงทำให้คนเกิดคำถามในใจอยู่ว่า มันจะเป็นไปได้หรือ? เอาล่ะแม้ คุณอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภาพอาจจะดูกลางๆ  แต่ทุกคนไม่ได้มองมาที่คุณอนุทิน เวลามองมาที่พรรคนี้ เขามองไปที่บุรีรัมย์มากกว่า”

พรรคภูมิใจไทย เป็นพรรคที่กระแสไม่ค่อยมี และไม่เคยสนใจคะแนนจากโพลไม่ว่าสำนักใดก็ตาม แต่ 3 ข้อที่เหลือพรรคภูมิใจไทยมีทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น 1.จุดขายเรื่องนโยบาย 2.ตัวบุคคล ที่ปัจจุบันสามารถดูดบรรดาว่าที่ผู้สมัครตัวตึงมารวมกันไว้ได้มากที่สุด และ 3.ทรัพยากรทางการเมืองที่มีอยู่อย่างเหลือเฟือ ซึ่งนอกจากจะมากแล้วยังต้องถือว่าเป็นพรรคประเภทใจถึงพึ่งได้ พร้อมทุ่มไม่อั้นแบบดุดันไม่เกรงใจใครอีกด้วย!

ลงลึกเป็นรายภาคในศึกเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง :

ภาคเหนือ :

“จากสถิติที่ผมเคยทำโพลมา สำหรับภาคเหนือ โดยเฉพาะภาคเหนือตอนบน ผมคิดว่า พรรคเพื่อไทย น่าจะกวาดคะแนนไปได้อย่างมหาศาล และบางจังหวัดพรรคอื่นอาจไม่ต้องส่งใครลงเลยก็ได้ เพราะไม่ว่าจะส่งใครลง ก็คงเสียเงินเปล่าๆ แต่สำหรับภาคเหนือตอนล่าง โดยเฉพาะที่ จังหวัดพิษณุโลก หรือ จังหวัดนครสวรรค์ โอกาสสำหรับพรรคอื่นๆ ก็ยังคงพอมีอยู่”

ภาคอีสาน :

“สำหรับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง ภาคอีสาน ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำหรับการชี้ขาดผลการเลือกตั้งเลยก็ว่าได้ เพราะหากพรรคเพื่อไทยเกิดพลาดเป้าหมายไปมากๆ จนทำให้คะแนนรวมทั้งประเทศได้ต่ำกว่า 200 เสียงเมื่อไหร่ เราจะได้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว เป็นผู้นำฝ่ายค้านอีกสมัยแน่นอน”

สำหรับโอกาสที่จะทำให้พรรคเพื่อไทยพลาดเป้าหมายในภาคอีสานได้ มีตัวแปรอยู่ 2 พรรคการเมือง คือ พรรคไทยสร้างไทย ของ "คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และ พรรคภูมิใจไทย"

“คุณหญิงหน่อย มีคะแนนในภาคอีสานนะครับ เพราะมีคะแนนนิยมในภาคอีสานสูงถึงประมาณ 10% ซึ่งมากกว่าของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อีกนะครับ จากผลการทำโพลล่าสุด แต่ปัญหาของคุณหญิงมีอยู่อย่างเดียวคือ คะแนนพรรคยังตามคะแนนตัวบุคคลอยู่ ส่วนกรณีของคุณอนุทิน ต้องยอมรับว่าพรรคภูมิใจไทยกวาดเอาว่าที่ผู้สมัครระดับเบอร์ใหญ่ๆ ในภาคอีสานเอาไว้ได้มากพอสมควร ฉะนั้นจึงเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวสำหรับพรรคเพื่อไทยแน่นอน”

ภาคใต้ :

“การมาถึงของพรรครวมไทยสร้างชาติของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มาพร้อมกับขุมกำลังระดับตัวตึงอดีตขุนพลพรรคประชาธิปัตย์จำนวนมาก สามารถเจาะฐานคะแนนเสียงเดิมของพรรคขวัญใจชาวใต้ไปได้จำนวนมาก จากผลการสำรวจความนิยมครั้งล่าสุด ซึ่งประเด็นนี้ทำให้ผมกังวลว่าการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง พรรคประชาธิปัตย์จะยังสามารถรักษาตัวรอดให้ได้จำนวน ส.ส.ภาคใต้เท่าการเลือกตั้งครั้งก่อนเอาไว้ได้หรือไม่ เพราะตอนนี้คนภาคใต้ที่เลือกพรรคประชาธิปัตย์ 30% เลือกลุงตู่เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งมันแปลว่า พล.อ.ประยุทธ์ สามารถแย่งคะแนนมาจากพรรคประชาธิปัตย์มาได้ในสัดส่วนที่มากพอสมควรเลย”

ภาคกลาง และภาคตะวันออก :

สำหรับภาคกลาง และภาคตะวันออก น่าจะแบ่งๆ กันไปหลายๆ พรรค เพราะจากผลสำรวจล่าสุดแต่ละพรรคยังคงมีคะแนนที่ก้ำกึ่งกันอยู่ไม่ห่างกันมากนัก แม้ว่าในเบื้องต้นพรรคเพื่อไทยจะมีคะแนนนำอยู่ก็ตาม

“จุดหนึ่งที่น่าตั้งข้อสังเกต คือ ในภาคกลาง และภาคตะวันออก กลุ่มบ้านใหญ่กระจายคนในตระกูลออกไปสังกัดตามพรรคการเมืองใหญ่ๆ หลายๆ พรรคพร้อมๆ กัน เรียกว่าเตรียมความพร้อมสำหรับการขอร่วมเป็นรัฐบาลได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายชนะก็ตาม”

กรุงเทพมหานคร :

กรุงเทพมหานคร น่าจะเป็นสมรภูมิการแข่งขันที่ดุเดือดระหว่างสองพรรค คือ พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล โดยมี พรรคประชาธิปัตย์ พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคไทยสร้างไทย เป็นตัวสอดแทรก

“ความเห็นส่วนตัวคิดว่า สนามการเลือกตั้งในกรุงเทพมหานครครั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ฟื้นแน่นอน โดยอาจจะได้สัก 1 หรือ 2 ที่นั่ง เพราะจากผลสำรวจครั้งล่าสุดมีคะแนนโดดเด่นในพื้นที่เขตสัมพันธวงศ์และป้อมปราบศัตรูพ่าย ส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติจะได้คะแนนในส่วนพื้นที่ที่ คุณชัช เตาปูน เป็นผู้รับผิดชอบ รวมถึงเขตสะพานสูงที่คุณประสิทธิ์ มะหะหมัด สามารถสร้างฐานความนิยมในกลุ่มคนมุสลิมเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ส่วนพรรคของคุณหญิงหน่อย ยังคงมีฐานเสียงที่โดดเด่นในที่มั่นเดิมอย่างเขตดอนเมืองและเขตสายไหม”

สรุปภาพรวมการเลือกตั้งที่ใกล้จะมาถึง :

“เอาเป็นว่า...ผมจะขอฉายภาพให้เห็นอย่างชัดๆ แบบนี้แล้วกัน พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลจะแย่งปลาในบ่อเดียวกัน ซึ่งจะไม่ต่างกับกรณี พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ก็จะแย่งปลาในบ่อเดียวกันเช่นกัน แต่สำหรับ พรรคภูมิใจไทย จะแปลกออกไป เพราะจะเป็นพรรคเดียวที่จะลงไปแย่งปลาในทุกบ่อ”

โอกาสและความน่าจะเป็นสำหรับการแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทย :

“ถามว่าโอกาสแลนด์สไลด์มีไหม...ก็อย่างที่บอกมีโอกาสมากกว่า 45% แต่ทั้งหมดนี้มันจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ พรรคเพื่อไทย ต้องไม่ใช้เพียงปัจจัย 3 ข้อ คือ กระแส นโยบาย และตัวบุคคล แต่ต้องใช้ข้อที่ 4 คือ ทรัพยากรทางการเมืองให้เต็มที่ด้วย เพราะหากท่อน้ำเลี้ยงกะปริบกะปรอยมามั่งไม่มามั่งเหมือนการเลือกตั้งคราวที่แล้ว ในขณะที่พรรคอื่นๆ เขาเปิดท่อน้ำเลี้ยงแบบเต็มที่ โอกาสสำหรับการแลนด์สไลด์เพื่อให้ได้ที่นั่งมากกว่า 250 ที่นั่ง มันก็ย่อมน้อยลงไปด้วย ฉะนั้นคำถามเดียวสำหรับประเด็นนี้คือ ผู้กุมท่อน้ำเลี้ยงหลักของพรรคตัวจริงเมื่อกดเครื่องคิดเลขบวกลบคูณหารเรียบร้อยแล้วจะกล้าเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน?”.

 

{Fullwidth}
แสดงความคิดเห็น (0)
ใหม่กว่า เก่ากว่า

สื่อโฆษณา

ไทยฟูลนิวส์
"ร้านตัดผ้าวราภรณ์ รับตัดเย็บเสื้อผ้าสตรี ชุดแบบฟอร์ม ชุดทำงาน ชุดไทย และจำหน่ายอุปกรณ์ประเภท ซิบ กระดุม ด้าย อื่นๆอีกมากมาย ยังจำหน่าย กรอบรูป ขายปลีกและส่งและยังบริการรับถ่ายรูปด่วน ขยายรูป ล้างรูป รับทำนามบัตร เคลือบบัตร ปริ้นงาน เข้าเล่ม สันเกียว สันกาว ถ่ายเอกสาร สีและขาวดำ ขนาดไซต์กระดาษตั้ง แต่ A4-F14-B4-A3 และยังบริการ ย่อ ขยายเอกสารฯลฯรับถ่ายทำ วีดีโอ ในและนอกสถานที่ราคาเป็นกันเอง ร้านตัดผ้าวราภรณ์อยู่ตรงข้าม โรงเรียนอนุบาลบ้านผือพิทยาภูมิถนนชนบทบำรุงอำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ร้านตัดผ้าวราภรณ์ เปิด ปิดเวลา 06.00-18.00น. ทางร้านเปิดให้บริการทุกวัน ติดต่ดสอบถามโทร 0806299771-สนใตลงสื่อโฆษณา0612301227 email hs3ghd15.s@gmail.comแฟกช์ 042282304.